Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน27 มิถุนายน 2545
โฆษณา6เดือนขยายตัว12% สิ้นปีเม็ดเงินแตะ6หมื่นล้าน             
 


   
search resources

สมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย
ปารเมศร์ รัชไชยบุญ
Advertising and Public Relations




สมาคมโฆษณาฯ แจงอุตสาหกรรมโฆษณา ครึ่งปีแรกโตกระฉูด 10-12% รับอานิสงส์ มาตรการภาครัฐ ฟื้นธุรกิจอสังหาฯ เทศกาลบอลโลก คาดสิ้นปีอาจโตได้ 12-15% สร้างเม็ดเงิน 60,000 ล้านบาท

เผยเป็นตัวบ่งชี้ว่าเศรษฐ-กิจประเทศเริ่มฟื้นตัว ประชาชนมีความมั่นใจใช้จ่ายเงิน กลุ่มมือถือครองแชมป์ใช้เงินสูงสุด วอนรัฐช่วยเจรจาประเทศมาเลเซีย แก้กฎ

เหล็กผลิตโฆษณาในประเทศไทยรับผลกระทบเอเยนซี่ต่างประเทศเริ่มย้ายฐานการผลิตไปมาเลเซีย เพื่อลดต้นทุน ชี้หากรัฐไม่แก้ไข ไทย สูญเงินนับพันล้านบาทต่อปี นายปารเมศร์ รัชไชยบุญ

นายกสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย และประธานบริษัทเทิร์น อราวนด์ จำกัด เปิดเผยว่า การใช้เม็ดเงินในอุตสาหกรรมโฆษณาในช่วง 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค.2545) มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 11%

เป็นมูลค่าประมาณ 23,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากมูลค่า 21,600 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา อัตราการเติบ โตดังกล่าวถือว่าสูงกว่าประมาณการที่ตั้งไว้เมื่อต้นปีนี้

ที่คาดว่าอุตสาหกรรมโฆษณาโดยรวมของปีนี้น่าจะเติบโตประมาณ 8-10% ทั้งนี้การขยายตัวของอุตสาห-กรรมโฆษณาในไตรมาส 1 ที่เติบโต 8-10% ถือว่าเป็นไปตามประมาณการที่ตั้งไว้ แต่ในไตรมาส

2 ซึ่งปกติ เป็นช่วงที่การใช้เม็ดเงินโฆษณาจะลดลง และไตรมาส 3 จะลดลงมาก กว่า และจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในช่วงไตรมาส 4 แต่ปรากฏว่าในช่วงไตรมาส 2

ของปีนี้การใช้เม็ดเงินโฆษณายังมีอัตราการเติบโตเพิ่ม ขึ้นกว่า 10% ทำให้ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาเติบโตราว 10-12% ซึ่งถือ ว่าสูงมากเมื่อเทียบกับทุกปี

ปัจจัยที่ทำให้อุตสาหกรรมมีการขยายตัวสูง น่าจะมาจากประชา- ชน และผู้ประกอบท้องถิ่นในประ เทศไทย มีความเชื่อมั่นที่จะจับจ่าย ใช้สอยเงินมากขึ้น ถึงแม้ว่าภาพของ

การใช้จ่ายเงินจะยังไม่เห็นชัดเจนมากขึ้นในขณะนี้ก็ตาม นอกจากนี้การเติบโตของธุรกิจยังได้รับอานิสงส์จากมาตร-การภาครัฐ โดยเฉพาะมาตรการทาง คลัง ในรูปของการลดดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้าน

ทำให้ธุรกิจอสังหาริม- ทัพย์ฟื้นตัว การเติบโตของสินค้าเฉพาะฤดูกาล เช่น เสื้อผ้า รองเท้านักเรียน ในช่วงเปิดเทอม การแข่ง ขัน และกิจกรรมส่งเสริมการขายของธุรกิจมือถือ

และเทศกาลแข่งขันฟุตบอลโลก ที่มีผู้สนับสนุนอย่าง เป็นทางการ เช่น โค้ก ฟูจิ อาดิดาส ได้ออกมาจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายมากขึ้น

ทำให้คู่แข่งในแต่ละกลุ่มสินค้าต้องออกมาจัดกิจกรรมแข่งขันเพื่อรักษาฐานลูกค้าเช่นกัน อย่างไรก็ตาม หากในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ ที่ปกติธุรกิจโฆษณาจะชะลอตัวลงมากที่สุด

เมื่อเทียบกับการใช้เม็ดเงินทั้งปี แต่หากยังมีการอัตราการเติบโตได้ ก็จะส่งผลให้ภาพรวมของอุตสาหกรรมทั้งปีสามารถขยายตัวได้ในระดับ 12-15% หรือมีมูลค่าประมาณ 60,000 ล้านบาท

ซึ่งเป็นตัวเลขอัตราการเติบโตและมูลค่าเม็ดเงินสูงที่สุดในอุตหสากรรมโฆษณาประเทศไทย และถือว่าสูงกว่าในช่วงที่ประเทศไทยเกิดวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ทั้งนี้

ปัจจัยลบที่อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโฆษณาในช่วงไตรมาส 3 คือ การที่ลูกค้านำเม็ดเงินโฆษณาที่เตรียมไว้มาใช้ล่วงหน้าในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นช่วงการแข่งขันฟุตบอล โลกก่อนล่วงหน้า

และอาจจะไม่ใช้เงินโฆษณาอีกในไตรมาส 3 ก็จะทำให้ อัตราการเติบโตลด ลงมากกว่าปกติ แต่ก็ยังเชื่อว่าในปีนี้ มีสัญญาณ การขยายตัวที่ดีของอุตสาหกรรม โดยอาจจะดูได้จากอัตราการเติบโตของ

จีดีพี ประเทศ ที่คาดว่าจะขยายตัวประมาณ 4% ก็คาดการณ์ได้ว่าอุตสาหกรรมโฆษณาน่าจะขยาย ตัวได้มากกว่า เพราะที่ผ่านมาอุตสาหกรรมโฆษณาจะเป็นดัชนีบ่งชี้อัตราการเติบโตของภาพ

รวมเศรษฐกิจได้ตัวหนึ่ง คือหากเศรษฐกิจตก โฆษณาก็จะตกต่ำมากกว่า เพราะเป็นงบประ- มาณตัวแรกที่เจ้าของสินค้าจะตัดทิ้ง เพื่อลดค่าใช้จ่าย

ในทางกลับกันก็จะเป็นงบประมาณที่จะใช้เพิ่มขึ้นเป็นตัวแรก หากเศรษฐกิจมีแนวโน้มขยาย ตัวดีขึ้น สำหรับในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ธุรกิจ ที่ใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงสุดได้แก่ 1. มือถือ เพิ่มขึ้น 100% จำนวน

1,283 ล้านบาท 2.หน่วยงานราช-การ เพิ่มขึ้น 46%จำนวน 659 ล้านบาท 3.เบียร์ ลดลง 9% จำนวน 601 ล้านบาท ส่วนแบรนด์สินค้าที่มีการใช้เม็ดเงินโฆษณา สูงสุด คือ 1. ทีเอ ออเร้จน์ 375 ล้านบาท 2.

จีเอสเอ็ม 315 ล้านบาท 3. ดีแทค 253 ล้านบาท ส่วนบริษัทที่มีการใช้เงินโฆษณาสูงสุดคือ 1. ยูนิลีเวอร์ 782 ล้านบาท ลดลง 39% 2.เอไอเอส 690 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% 3.พีแอนด์จี 449 ล้านบาท เพิ่มขึ้น

20% ทีบีดับบลิวเอชี้ลูกค้าไทยใช้เงินเพิ่ม นายชัยประนิน วิสุทธิผล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีบีดับบลิวเอ ไทยแลนด์ จำกัด เปิดเผย ว่าในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทมีอัตราการ ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง

20% การเพิ่มขึ้นดังกล่าวมาจากลูกค้าเก่า และลูกค้าใหม่ที่ได้เพิ่มขึ้นในปีนี้ โดยเฉพาะลูกค้าท้องถิ่น มีการใช้เงินโฆษณาเพิ่ม ขึ้นอย่างมาก จากการขยายธุรกิจ การออกสินค้า และบริการใหม่

ขณะที่ลูกค้าต่างประเทศกลับมีการใช้เงินคงที่ เนื่องด้วยยังไม่มั่นใจในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศไทย ทั้งนี้สิ่งที่น่าจับตามองในอุตสาหกรรมโฆษณาขณะนี้ คือการขยายตัวของกิจกรรม Below the

line เพราะหลังจากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจประเทศไทย และเหตุการณ์ก่อวินาศกรรมประเทศสหรัฐอเมริกา ลูกค้าได้เปลี่ยนพฤติกรรม การใช้สื่อใหม่ ด้วยการหันมาจัดกิจกรรมการตลาด

และกิจกรรมส่งเสริมการขายมากขึ้น เพราะต้องการเหตุผลด้านยอดขาย ณ จุดขายที่จัดกิจกรรมทันที คาดว่ากิจกรรมประเภทดังกล่าวมีการขยายตัวไม่ต่ำกว่า 40-50%

ซึ่งไม่ได้นับรวมมูลค่าอยู่ในการใช้เม็ดเงินอุตสาหกรรมโฆษณาผ่านสื่อ วอนรัฐกดดันมาเลเซียแก้กฎผลิตโฆษณา นายปารเมศร์ กล่าวต่อว่า

ปัญหาสำคัญที่กำลังส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโฆษณาในประเทศไทยขณะนี้ คือการที่ประเทศมาเลเซียได้ออกกฎระเบียบให้ภาพยนตร์โฆษณา ที่จะฉาย ในทีวีมาเลเซียจะต้องถ่ายทำในมาเลเซีย

และใช้คนมาเลเซียแสดงเท่านั้น ซึ่งระเบียบดังกล่าวถือ เป็นการกีดกันทางการค้าตามนโยบายเขตการค้าเสรีอาเซียน (อาฟต้า) ซึ่งทำให้ประเทศไทยเสีย ประโยชน์อย่างมาก

เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพมากที่สุดในภูมิภาคนี้ ที่เอเยนซี่โฆษณาจากต่างประเทศ จะใช้เป็นฐานการ ผลิตภาพยนตร์โฆษณา เพราะมีจุดเด่นด้านสถาน ที่ถ่ายทำ

และค่าจ้างแรงงานถูก แต่การที่มาเลเซียออกกฎระเบียบดังกล่าว และมีความเข้มข้นเรื่อยๆ ในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา ขณะนี้ได้ส่งผลให้เอเยนซี่จากต่างประเทศ

เริ่มย้ายการผลิตภาพยนตร์โฆษณาไปที่มาเลเซีย มากขึ้น เพราะต้องการประหยัดต้นทุนการใช้ จ่าย เนื่องจากสามารถใช้เผยแพร่ในประเทศอื่นๆได้ ขณะที่หากผลิตภาพยนตร์โฆษณาในประเทศอื่นๆ

ไม่สามารถนำไปฉายในมาเลเซียได้ ทาง สมาคมได้ทำหนังสือไปถึง นายสิทธิชัย ชัยยันต์ ผู้อำนวยการสำนักกิจการ กรมประชาสัมพันธ์ ฝ่ายภาพยนตร์ และผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรม

การส่งเสริมภาพยนตร์ไทย ให้ทำจดหมายและเอกสารเรื่อง MIM (Made In Malaysia) ไปยังกระทรวงต่างประเทศแล้ว เพื่อให้มีการพูดคุยกันในระดับรัฐมนตรีของประเทศ

เพื่อให้มาเลเซียแก้ไขกฎระเบียบดังกล่าว ไม่เช่นนั้นในอนาคตประเทศไทยจะสูญเสียเม็ดเงินจากการเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณา และภาพยนตร์ทั่วไปปีละกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งไม่รวมถึงการ

เข้ามาใช้บุคลากร แรงงานในประเทศไทยที่จะมีเงิน หมุนเวียนในระดับ 10,000 ล้านบาทต่อปี

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us