|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ พฤษภาคม 2528
|
|
วีระ เกียรติแสงศิลป์ กู้เงินธนาคารนครหลวง สาขาตรัง เป็นเงิน 152 ล้านบาท โดยมีมนัส ธรรมมารักษ์ ซึ่งเป็นตัวแทนธนาคารสาขาตรังเป็นผู้รับรอง
หนี้ 152 ล้านบาทนี้ยังไม่รวมดอกเบี้ยและหนี้ก้อนนี้ก็เกิดขึ้นสมัยวิศิษฐ์ ศรีสมบูรณ์ เป็นกรรมการผู้จัดการธนาคารนครหลวง
เมื่อกลุ่มมหาดำรงค์กุลเข้ามาบริหารก็มีการทำสัญญายอมความ โดยฝ่ายวีระ และมนัส (ซึ่งคนหลังเคยเป็นเจ้าของโรงแรมแมนฮัตตันในสุขุมวิท ซอย 15) ยอมรับสภาพหนี้และชดใช้ให้
และในสัญญายอมความตอนท้ายก็มีข้อความเขียนไว้ชัดเจนว่า “...ทั้งสองฝ่ายตกลงกันให้เสนอคดีต่อศาลที่มีเขตอำนาจในจังหวัดพระนครเท่านั้น”
อยู่มาวันหนึ่งทั้งวีระและมนัสก็เกิดเบื่อหน่ายไม่อยากใช้หนี้ก้อนนี้
ธนาคารนครหลวงไทยก็เลยต้องฟ้อง
และก็ยื่นฟ้องวันที่ 30 มิถุนายน 2526 เพียง 1 วันก่อนคดีนี้หมดอายุความ คือวันที่ 1 กรกฎาคม 2526!
ศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ยกฟ้อง !!
เพราะธนาคารนครหลวงไทยดันไปฟ้องคดีนี้ต่อศาลจังหวัดตรัง ซึ่งไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษา ดังคำพิพากษาต่อไปนี้
“...โจทก์กับจำเลยทั้งสองได้ตกลงเป็นหนังสือว่าหากมีข้อพิพาทเกิดขึ้นเกี่ยวกับข้อตกลงตามบันทึกนี้... ทั้งสองฝ่ายตกลงกันให้เสนอคดีต่อศาลที่มีเขตอำนาจในจังหวัดพระนคร...ข้อตกลงเช่นนี้เป็นอันผูกพันกันได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 7(4)...คดีนี้จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทเกินอำนาจที่ศาลแขวงพระนครเหนือและศาลแขวงพระนครใต้จะพิจารณาพิพากษา ศาลในกรุงเทพมหานครที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาข้อพิพาทตามข้อตกลงดังกล่าวได้คือศาลแพ่ง... โจทก์ก็ต้องผูกพันตามข้อตกลงและต้องผูกพันให้นำคดีเสนอต่อศาลแพ่งเท่านั้น... ฉะนั้นศาลแพ่งเท่านั้นที่มีอำนาจพิจารณาข้อพิพาทดังกล่าวตามที่โจทก์และจำเลยทั้งสองตกลงกัน ศาลจังหวัดตรังไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษา ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ชอบแล้ว ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น...”
และคนที่สั่งให้ฟ้องศาลจังหวัดตรังคือดิลกและภูริช มหาดำรงค์กุล ซึ่งเป็นคนเซ็นใบมอบอำนาจ !!
คนมีบุญที่สุดในรอบทศวรรษนี้ก็คงจะหนีคนชื่อ วีระ เกียรติแสงศิลป์ และมนัส ธรรมมารักษ์ ไปไม่ได้เพราะเป็นหนี้ 152 ล้าน ยังไม่บวกดอกเบี้ยและไม่ต้องชดใช้แม้แต่บาทเดียว!!!
คำถามต่อมาที่น่าจะต้องหาคำตอบว่า
- เงิน 152 ล้านบาท เป็นเงินฝากของประชาชนที่ต้องสูญไป เพราะการตัดสินใจของดิลกและภูริช มหาดำรงค์กุล นี้ ใครจะเป็นคนรับผิดชอบ?
- ในกรณีเช่นนี้ ธนาคารชาติมีความเห็นว่าอย่างไร?
- ผู้ถือหุ้นธนาคารย่อมสูญเสียผลประโยชน์จากการบริหารงานแบบไม่เป็นงานและไม่รอบคอบเช่นนี้จะเรียกร้องความยุติธรรมกับใครได้?
คำถามเหล่านี้ใครจะเป็นคนตอบ
ไม่ทราบว่าดิลกและภูริชจะยอมขายนาฬิกาไซโก้และซิติเซ็นของตัวเองเอาเงิน 152 ล้าน มาคืนประชาชนได้หรือไม่?
|
|
|
|
|