เพียง 15 เดือนหลังจากจดหมายของนุกูล ประจวบเหมาะ ฉบับ 9 ธันวาคม 2526 ขอแสดงความนับถือมา ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2527 นุกูล ประจวบเหมาะ ก็ได้ขอแสดงความนับถือมาอีกครั้งหนึ่ง
แต่ครั้งนี้นุกูล ประจวบเหมาะกำลังบอกทุกคนว่าสถานการณ์ของธนาคารนครหลวงไทยเลวลงกว่าเก่านับตั้งแต่ผู้บริหารชุดใหม่ได้เข้ามา
“ด้วยผู้ตรวจการธนาคารพาณิชย์ได้ตรวจสอบกิจการและสินทรัพย์ของธนาคารนครหลวงไทย จำกัด สำนักงานใหญ่ เพียงวันที่ 17 สิงหาคม 2526 ตามมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ.2505 ปรากฏผลตามรายงานการตรวจสอบที่แนบมาพร้อมนี้ ซึ่งธนาคารได้พิจารณาแล้วขอเรียนว่าธนาคารท่านมีข้อควรพิจารณาปรับปรุงแก้ไขเกี่ยวกับฐานะและการดำเนินงานดังต่อไปนี้
1. ฐานะและการดำเนินงานอยู่ในระดับไม่พอใช้ คุณภาพสินทรัพย์เสื่อมลงเมื่อเทียบกับการตรวจสอบครั้งก่อน เนื่องจากเร่งรัดสะสางสินทรัพย์ด้อยคุณภาพทั้งที่อยู่ในภาวะรับผิดชอบของอดีตตัวแทนและของธนาคารท่านเองยังมิได้กระทำอย่างจริงจังและต่อเนื่องทุกราย สินทรัพย์จัดชั้นเป็นสูญและสงสัย ณ วันตรวจสอบมีจำนวน 54.4 ล้านบาท และ 1,445.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากการตรวจสอบครั้งก่อน 51.9 ล้านบาท และ 406.7 ล้านบาท ตามลำดับ อสังหาริมทรัพย์ที่ได้จากการชำระหนี้ซึ่งไม่ก่อให้เกิดรายได้มีจำนวนสูงถึง 431.4 ล้านบาท สินทรัพย์สภาพคล่องมีจำนวน 3,655.6 ล้านบาท เท่ากับร้อยละ 26.71 ของเงินฝาก หรือร้อยละ 26.26 ของเงินฝากรวมเงินกู้ยืม อยู่ในระดับค่อนข้างดี เทียบกับการตรวจสอบครั้งก่อนซึ่งเท่ากับร้อยละ 18.94 ของเงินฝาก และร้อยละ 17.57 ของเงินฝากรวมเงินกู้ยืม ความสามารถในการหารายได้อยู่ในระดับต่ำ กำไรสุทธิก่อนหักภาษีที่แสดงไว้ตามบัญชีในปี 2525 และงวดมิถุนายน 2526 มีจำนวน 95.3 ล้านบาท และ 1.4 ล้านบาท ตามลำดับ ณ วันตรวจสอบ เงินกองทุนเมื่อหักด้วยสินทรัพย์จัดชั้นเป็นสูญเต็มจำนวนและกึ่งหนึ่งของสินทรัพย์จัดชั้นเป็นสงสัยที่เกินกว่ามูลค่าหลักประกันและสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญซึ่งมีจำนวน 758.8 ล้านบาทแล้ว จะคงเหลือ 180.4 ล้านบาท เท่ากับร้อยละ 2.06 ของสินทรัพย์ตามมาตรา 10 (1) สุทธิ เมื่อคำนึงถึงดอกเบี้ยค้างจ่ายของเงินฝากที่ต้องจ่ายคืนเมื่อสิ้นระยะเวลา สำหรับระยะเวลาตั้งวันรับฝากถึงวันสิ้นงวดการบัญชี มิถุนายน 2526 จำนวน 560 ล้านบาท ซึ่งมิได้บันทึกบัญชีเป็นค่าใช้จ่ายและหนี้สินในงวดการบัญชีก่อนๆ จนถึงงวดการบัญชีมิถุนายน 2526 มาปรับปรุงหักจากเงินกองทุน เงินกองทุนของธนาคารท่านจะขาดไป 379.7 ล้านบาท ไม่อยู่ในฐานะมีความสามารถชำระหนี้สินต่อบุคคลภายนอกได้
เพื่อมิให้ฐานะของธนาคารท่านเสื่อมลงไปอีกจนถึงขั้นรัฐมนตรีต้องใช้อำนาจตามมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ.2505 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2522 จึงให้ธนาคารท่านเร่งดำเนินการปรับปรุงแก้ไขดังนี้
1.1 ให้ธนาคารท่านเร่งเพิ่มทุนและเรียกชำระค่าหุ้นโดยให้ได้รับเป็นตัวเงินเข้ามาอย่างแท้จริง ไม่น้อยกว่า 350.0 ล้านบาท ให้เสร็จสิ้นภายในงวดธันวาคม 2527 และให้ระงับการจ่ายเงินปันผลไว้ก่อน เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย และเพิ่มทุนในปีต่อๆ ไป ไม่ต่ำกว่าปีละ 200.0 ล้านบาท ทั้งนี้จนกว่าอัตราส่วนเงินกองทุนสุทธิต่อสินทรัพย์สุทธิจะไม่ต่ำกว่าอัตราที่กำหนดตามมาตรา 10 (1)
ระงับการให้สินเชื่อ การรับรองตั๋วเงิน การรับอาวัลตั๋วเงินและการค้ำประกันการกู้ยืมเงินแก่ธุรกิจที่กรรมการและพนักงานชั้นบริหารของธนาคารท่านมีส่วนเกี่ยวข้องเพิ่มขึ้นกว่าวงเงินของสินเชื่อและภาระหนี้สินที่มีอยู่แต่ละราย ณ วันตรวจสอบตามรายการแนบเว้นแต่จะมีหลักทรัพย์ประกันคุ้มหรือได้รับความเห็นชอบจากธนาคารแล้ว
หลักทรัพย์ที่เป็นประกันดังกล่าว ได้แก่ เงินฝาก หรือหลักทรัพย์รัฐบาลไทยหรือหลักทรัพย์ที่กระทรวงการคลังค้ำประกันต้นเงินและดอกเบี้ย ในกรณีของอสังหาริมทรัพย์ การประเมินราคาที่ดินจะต้องไม่สูงกว่าราคาประเมินของกรมที่ดิน หากมีสิ่งปลูกสร้างด้วยก็ให้รวมราคาสิ่งปลูกสร้างได้ไม่เกินร้อยละ 60 ของราคาตามบัญชีหลังจากหักค่าเสื่อมราคาแล้ว ทั้งนี้จะต้องจำนำหรือจำนองให้ถูกต้องตามกฎหมายรวมทั้งประกันอัคคีภัยยกผลประโยชน์ให้ธนาคารท่านด้วย
1.3 ให้เร่งจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ที่ได้จากการชำระหนี้ที่มีอยู่ ณ วันตรวจสอบ 431.4 ล้านบาท โดยเร็ว เพื่อให้ได้เงินทุนมาหมุนเวียนหาผลประโยชน์เพิ่มพูนรายได้ของธนาคารท่าน ในการนี้ขอให้จัดทำแผนการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์กำหนดวิธีการจำหน่ายและราคาที่จะจำหน่ายให้เป็นผลดีต่อธนาคารท่านมากที่สุด หากมีผลกำไรให้กันไว้เป็นเงินสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญทั้งจำนวนแล้วแจ้งแผนดังกล่าวให้ธนาคารทราบด้วย
1.4 ให้เร่งรัดสะสางหนี้สินในภาระรับผิดชอบของอดีตตัวแทนซึ่งคงเหลือ ณ วันตรวจสอบ 615.9 ล้านบาท ให้เสร็จสิ้นภายใน 3 ปี โดยจัดทำแผนการเร่งรัดสะสางหนี้สินดังกล่าวให้ธนาคารพิจารณาด้วย
1.5 ระงับการลงทุนเพิ่มเติมในอสังหาริมทรัพย์ หุ้น หรือหุ้นกู้ของบริษัทจำกัด เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย
1.6 ให้บันทึกบัญชีและแสดงผลการดำเนินงานโดยไม่รวมดอกเบี้ยที่คำนวณจากสินทรัพย์ที่ไม่มีราคาหรือที่เรียกคืนไม่ได้ทั้งจำนวนหรือบางส่วนจัดชั้นเป็นสูญหรือสงสัยในรายงานการตรวจสอบ การบันทึกรายจ่ายจะต้องเป็นไปตามข้อผูกพันเฉพาะการคำนวณดอกเบี้ยค้างจ่ายของเงินฝากที่ต้องจ่ายคืนเมื่อสิ้นระยะเวลานั้นให้บันทึกบัญชีโดยนับเวลาการฝากของเงินฝากแต่ละรายจากวันฝากหรือวันคำนวณดอกเบี้ยหลังสุดถึงสิ้นสุดงวดการบัญชีให้ถูกต้องโดยเร็ว ในการนี้ให้ส่งคำสั่งที่แจ้งพิธีปฏิบัติและข้อมูลที่ได้จากการคำนวณให้ธนาคารทราบด้วย
1.7 กำไรสุทธิจากการดำเนินงานหลังจากตัดบัญชีสินทรัพย์ที่ไม่มีราคาหรือเรียกคืนไม่ได้ ซึ่งจัดชั้นเป็นสูญตามรายงานการตรวจสอบทั้งจำนวนและจัดสรรเป็นทุนสำรองตามอัตราที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1202 แล้ว ให้ดำเนินการดังนี้
(1) จ่ายเงินบำเหน็จกรรมการไม่เกินกว่าอัตราที่เคยจ่ายในงวดการบัญชีธันวาคม 2521
(2) กำไรส่วนที่เหลือให้กันเป็นเงินสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญไว้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 15 ส่วนที่เหลือให้สมทบเข้าเป็นเงินกองทุน
2. ธนาคารท่านมีการปฏิบัติที่ไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ.2505 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2522 ดังนี้
2.1 ให้สินเชื่อแก่บริษัทธนกิจนครหลวงไทย จำกัด บริษัทสินธร จำกัด บริษัทเกรียงทอง จำกัด และบริษัทไทยเสรีห้องเย็นจำกัด ซึ่งกิจการทั้ง 4 บริษัทเป็นกิจการที่กรรมการธนาคารถือหุ้นเกินร้อยละ 30 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทจำกัดนั้น ไม่ชอบด้วยมาตรา 12 (2) ประกอบด้วยมาตรา 12 ทวิ
2.2 มีไว้เป็นประจำซึ่งอสังหาริมทรัพย์ที่ได้จากการชำระหนี้เกินกว่า 9 ปี โดยมิได้รับการขยายระยะเวลา รวม 2 แปลง ไม่ชอบด้วยมาตรา 12 ตรี
2.3 ตั้งหรือยอมให้นายดิเรก มหาดำรงค์กุล นายชัยโรจน์ มหาดำรงค์กุล ซึ่งดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการหรือหุ้นส่วนผู้จัดการในบริษัทจำกัดที่ตนถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนอยู่เป็นประธานคณะกรรมการบริหาร กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ของธนาคารท่านตามลำดับ ไม่ชอบด้วยมาตรา 12 จัตวา (8)
การปฏิบัติไม่ชอบดังกล่าว กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ของธนาคารท่านชี้แจงว่า กรณีการให้สินเชื่อตาม 2.1 รายบริษัทธนกิจนครหลวงไทย จำกัด เป็นหนี้เงินเบิกเกินบัญชีมาตั้งแต่ปี 2510 ได้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วปรากฏว่า ไม่มีผู้ใดทราบเรื่องการให้สินเชื่อรายนี้ และหลักฐานทางบริษัทก็ไม่ปรากฏเป็นลูกหนี้ธนาคารท่าน ปัจจุบันอยู่ระหว่างการค้นหาหลักฐานเพื่อเรียกหนี้คืน ยอดหนี้เพิ่มขึ้นเพราะดอกเบี้ย ไม่มีเจตนาปฏิบัติไม่ชอบด้วยกฎหมาย สำหรับรายบริษัทสินธร จำกัด และบริษัทเกรียงทอง จำกัด ได้สั่งให้ลดยอดหนี้เรื่อยมา โดยเฉพาะรายบริษัทเกรียงทอง จำกัด ได้ชำระเสร็จสิ้นแล้วตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2526 ส่วนรายบริษัทไทยเสรีห้องเย็น จำกัด ได้แก้ไขด้วยการกระจายหุ้นของนางไพเราะ พูลเกตุ ไปแล้ว เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2526 ในกรณีของการมีไว้ซึ่งอสังหาริมทรัพย์ที่ได้จากการชำระหนี้เกินกว่า 9 ปี ตาม 2.2 ได้หาผู้ซื้อที่ดินดังกล่าวแล้ว และในกรณีของการปฏิบัติไม่ชอบด้วยมาตรา 12 จัตวา (8) มิได้มีเจตนาปฏิบัติไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้นหากธนาคารท่านมีเหตุผลและข้อเท็จจริงที่จะชี้แจงเพิ่มเติมก็ให้แจ้งให้ธนาคารทราบภายใน 20 วัน นับแต่วันที่ในหนังสือนี้ เพื่อประกอบการพิจารณาของธนาคารต่อไป และขอให้ธนาคารท่านควบคุมดูแลการปฏิบัติของทุกสำนักงานให้เป็นไปตามกฎหมายโดยเคร่งครัดด้วย
อนึ่ง ตามหนังสือธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ ธปท.ณป. 1601/2525 ลงวันที่ 9 ธันวาคม 2525 ได้มีข้อกำหนดให้ธนาคารท่านปฏิบัติบางประการ ปรากฏว่า การปฏิบัติของธนาคารท่านยังไม่เป็นไปตามข้อกำหนดดังกล่าว เรื่อง การให้สินเชื่อ การรับรอง รับอาวัลตั๋วเงินและค้ำประกันเพื่อการกู้ยืมเงินแก่ธุรกิจที่กรรมการและพนักงานชั้นบริหารของธนาคารท่านมีส่วนเกี่ยวข้องมิให้เพิ่มขึ้น การบันทึกบัญชีและแสดงผลการดำเนินงานไม่เป็นไปตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไปและไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง จึงขอกำชับธนาคารท่านปฏิบัติให้ถูกต้องตามที่ได้กำหนดไว้ในข้อ 1.2 และข้อ 1.6 ข้างต้น ตามลำดับด้วย
3. สำนักงานใหญ่ธนาคารท่านและสาขาทุกสำนักงานตามรายงานการตรวจสอบครั้งหลังสุดมีสินทรัพย์ที่ไม่มีราคาหรือเรียกคืนไม่ได้จัดชั้นเป็นสูญและสินทรัพย์ที่เรียกให้ชำระคืนไม่ได้บางส่วนจัดชั้นเป็นสงสัยของสำนักงานใหญ่ เพียงวันที่ 17 สิงหาคม 2526 และของสาขาตามรายงานการตรวจสอบครั้งหลังสุด ก่อนวันที่ 17 สิงหาคม 2526 จำนวน 54.4 ล้านบาท และ 1,445.8 ล้านบาท ตามลำดับให้ธนาคารท่านตัดบัญชีสินทรัพย์จัดชั้นเป็นสูญในงวดการบัญชีมิถุนายน 2527 ตามนัยมาตรา 15 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ.2505 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2522 ส่วนสินทรัพย์จัดชั้นเป็นสงสัยซึ่งจะต้องกันเงินสำรองในอัตรากึ่งหนึ่งของสินทรัพย์จัดชั้นเป็นสงสัยส่วนที่เกินกว่ามูลค่าหลักประกันในงวดการบัญชีเดียวกัน ให้ธนาคารท่านดำเนินการกันสำรองตามเงื่อนไขและวิธีการที่กำหนดในข้อ 1.3 และข้อ 1.7 จนกว่าจะครบถ้วน
เงินชดใช้ตามภาระการรับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินราย บริษัทเคนชู คอนสตรัคชั่น จำกัด บริษัทนิลุบลอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และบริษัทสุชาต์ธนกิจ จำกัด จำนวน35,368,273.60 บาท 52,122,136.97 บาท และ 92,181,477.40 บาท ตามลำดับ ควรเร่งดำเนินการเพื่อให้ได้รับชำระคืนจาก นายวิเชียร จิระพจนพร โดยเร็ว หากไม่ได้ผล ควรเร่งบังคับจำนองและจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ออกไปโดยเร็ว นอกจากนี้ หลังวันตรวจสอบธนาคารท่านได้ให้สินเชื่อแก่บริษัทเงินทุนเยาวราช จำกัด ไปเป็นจำนวน 50.0 ล้านบาท ขณะนี้บริษัทที่กล่าวถูกถอนใบอนุญาตการประกอบธุรกิจเงินทุนแล้วควรดำเนินการเร่งรัดให้นายสุพจน์ เดชสกุลธร ผู้ค้ำประกันชำระหนี้คืนโดยเร็วด้วย
เพื่อความมั่นคงแห่งฐานะของธนาคารท่านและเพื่อเพิ่มพูนประสิทธิภาพในการดำเนินงานขอให้ธนาคารท่านเร่งปรับปรุงแก้ไขการดำเนินงานดังนี้
5.1 ธนาคารท่านควรจะได้กำหนดแผนการดำเนินงานบริหารในด้านต่างๆ โดยเฉพาะแผนการจัดหาและการใช้ไปของเงินทุนดำเนินการ เป้าหมาย และแนวทาง ทั้งระยะสั้นและระยะยาวไว้ให้แน่ชัด รวมทั้งแผนการหากำไรด้วยเพื่อการนี้ให้มีการวิเคราะห์อัตราผลตอบแทนและดำเนินการหาต้นทุนของทุนดำเนินการ หาจุดคุ้มทุนรวมทั้งการใช้เงินทุนดำเนินการให้เอื้ออำนวยประโยชน์แก่ธนาคารท่านมากที่สุด ทั้งควรกำหนดวิธีการติดตามประเมินผลการดำเนินงานตามแผนการ การบรรลุเป้าหมายที่ได้วางไว้ ตลอดจนวิธีการปรับปรุงแก้ไขแผนงานเพื่อให้เกิดความเหมาะสมตามสถานการณ์ และขอให้ส่งแผนงานและประมาณการต่างๆ ให้ธนาคารทราบภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ในหนังสือนี้ด้วย
5.2 ธนาคารท่านควรปรับปรุงแก้ไขการปฏิบัติงานด้านต่างๆ และเร่งดำเนินการกำหนดของเขตอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบของพนักงานระดับต่างๆ รวมทั้งสายการบังคับบัญชาให้ชัดเจน กำหนดแนวทางประสานงานและควบคุมการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพ ควรมีการพัฒนาบุคคลด้วยการจัดให้มีการฝึกอบรมพนักงานในระดับต่างๆ เพื่อเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์รวมทั้งสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันเป็นการยกระดับมาตรฐานการปฏิบัติงานให้สูง
6. นอกจากที่กล่าว มีข้อควรพิจารณาปรับปรุงแก้ไขดำเนินงานเกี่ยวกับการลงทุนในหลักทรัพย์การให้สินเชื่อ สินทรัพย์ประจำและอสังหาริมทรัพย์ที่ได้จากการชำระหนี้ สินทรัพย์อื่น ภาระหนี้สินในความรับผิดชอบของอดีตตัวแทน เงินฝาก การรับรอง และการค้ำประกัน การตรวจสอบและการควบคุมสาขา การประสานงานระหว่างฝ่าย การควบคุมภายใน การบัญชีและรายงาน ตามข้อสังเกตของผู้ตรวจการธนาคารพาณิชย์ในรายงานการตรวจสอบหน้า 1
ทั้งนี้ ขอท่านได้เสนอหนังสือนี้ต่อคณะกรรมการธนาคารท่านและเมื่อได้ดำเนินการประการใดแล้วโปรดแจ้งให้ธนาคารทราบภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ในหนังสือนี้”
และจากจุดนี้เป็นต้นมา เมื่อนุกูลส่งจดหมายฉบับลงวันที่ 2 พฤษภาคม 2527 เข้ามา บุญชูเห็นเกมแล้วว่า งานนี้คงเล่นไม่ง่ายถ้าธนาคารไม่ทำอะไรลงไปให้ธนาคารชาติเห็น
จุดแรกที่บุญชูต้องการทำอย่างเร่งด่วนคือการเสนอแผนงานปรับปรุงพัฒนาธนาคารภายในระยะเวลา 5 ปี
และแนวทางการแก้ไขพัฒนานั้นก็เป็นแนวทางของธนาคารชาติทั้งสิ้น รวมทั้งการจัดทำรูปบัญชีให้ถูกต้อง!
ซึ่งก็เป็นสิ่งที่สถาบันการเงินจะต้องทำเสนอข้อเท็จจริงที่ถูกต้องให้กับสาธารณชน!
เมื่องบดุลปี 2526 ออกมา บุญชูไม่พอใจมาแล้วครั้งหนึ่งที่งบดุลนั้นโกหกประชาชน และบุญชูก็ตั้งใจว่างบปี 2527 คือ งบที่จะต้องถูกต้องตามหลักการ
ก็เป็นเรื่องที่ประหลาดใจอย่างมากๆ ที่มหาดำรงค์กุลมีผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการที่มาจากธนาคารชาติอยู่เคียงข้าง แต่งบดุลที่ออกมากลับเป็นเรื่องที่สถาบันการเงินระดับทรัสต์เถื่อนเขาทำกัน
คำถามนี้ธนาคารชาติน่าจะเป็นผู้ตอบเองดีกว่ากระมัง!
แผนงานที่บุญชูทำก็ถูกเร่งขึ้นมาอย่างเร่งด่วนเมื่อธนาคารเอเชียทรัสต์ถูกนุกูลลงดาบอาญาสิทธิ์
“ทุกคนที่ธนาคารนครหลวงฟังเรื่องเอเชียทรัสต์แล้วใจไม่ดีกันเลย เพราะทุกคนรู้ว่าสถานภาพนครหลวงกับเอเชียทรัสต์นั้นมันไม่ต่างกันเท่าไรหรอก” แหล่งข่าวในธนาคารนครหลวงเล่าให้ฟัง
ที่เร่งด่วนที่สุดที่ต้องทำคือ การเพิ่มทุนให้เป็นตัวเงินเข้ามาอย่างแท้จริงอีกไม่น้อยกว่า 350 ล้านบาท ภายในปี 2527 ตามข้อ 1.1 ของจดหมายธนาคารแห่งประเทศไทย
มหาดำรงค์กุลก็วางแผนจะชวนพรรคพวก 7 คน คนละ 50 ล้านบาท ก็สามารถจะได้ 350 ล้านบาท แล้วก็จะขอให้คนที่เข้ามาใหม่ 7 คนนี้เป็นกรรมการ
แต่ก็ไม่สามารถจะทำได้ หุ้นก็เลยขายไม่หมด และเมื่อเวลาใกล้จะถึงกำหนดสิ้น 2527 ในที่สุดยุทธการซื้อหุ้นที่เหลือก็เริ่มต้นโดยผู้บริหารของธนาคารสั่งไปสาขา 6 สาขาในกรุงเทพฯ ให้รับแลกตั๋วสัญญาใช้เงินจากบริษัทและห้าง 6 แห่ง ซึ่งเป็นกิจการตั้งแต่ทำกุ้งกระป๋องไปจนถึงกิจการโรงแรมรูดม่านที่ชื่อวีโมเต็ล แห่งละ 20 ล้านบาททันที เป็นเงิน 120 ล้านบาท
“เมื่อขายหุ้นไม่หมดเขาก็ต้องไปต้มยำเอาบริษัท 5-6 แห่ง มาขายลดเช็คไปในวันที่ 27 ธันวาคม 2527 ผมไม่รู้เรื่องเลย ถ้าเป็นบริษัทธุรกิจมั่นคงดูแล้วว่าดีก็คงไม่เป็นไร นี่มันแย่ ผมก็โกรธว่า เอ๊ะ ! น่าจะมาหารือให้เราเข้าใจ นี่ทำไปแล้วรับเงินไปแล้วค่อยมาขออนุมัติกัน เพราะมันเกินอำนาจ แต่เขาก็ทำไปเพียงเพื่อจะให้หุ้นขายได้ครบเท่านั้น” บุญชูพูดให้ฟัง
ก็คงเป็นเรื่องที่ธนาคารชาติจะต้องพูดออกมาหลังจากที่กำจร สถิรกุลให้สัมภาษณ์ว่า มันเป็นเรื่องผัวเมียทะเลาะกัน
สรุปแล้วความแตกแยกที่บุญชูเริ่มจะมีกับพวกมหาดำรงค์กุลในเรื่องหลักการในปีที่ผ่านมานี้ก็มีหลักใหญ่ๆ อยู่คือ
1. เรื่องการแต่งบัญชี
บุญชู โรจนเสถียร เชื่อว่าต้องทำถูกกฎหมาย หนี้สินที่ไม่ดีควรจะเอาออกมาให้ทราบกันทั่วไป และรายได้ซึ่งมาจากหนี้ที่เสียแล้วควรจะหยุดลงบัญชีเป็นรายรับ
2. เรื่องการใช้อำนาจที่ผิด
บุญชูเองในขณะที่เข้ามาสะสางธนาคารนครหลวงก็ได้ฟาดฟันกับผู้บริหารชุดเก่าที่บริหารงานแบบไม่ใช่มืออาชีพ แต่พอเข้ามาทำก็ปรากฏว่า ผู้บริหารชุดใหม่ก็ไม่ได้ดีไปกว่าชุดเก่า
จุดแตกหักอีกจุดหนึ่งซึ่งมหาดำรงค์กุลคิดว่า บุญชูเริ่มจะไม่เป็นประโยชน์กับตนเองแล้วคือ การขอให้ธนาคารช่วยซื้ออาทรทรัสต์ ของอาทร สังขะวัฒนะ และไพบูลย์ทรัสต์ของชวลิต หล่อไพบูลย์
บุญชูไม่เห็นด้วยเพราะทั้งสองแห่งมีสถานภาพที่ไม่ค่อยดี จึงคัดค้านไป
แต่ในที่สุดมหาดำรงค์กุลก็ซื้ออาทรทรัสต์ไปโดยตั้งกรรมการที่มีอำนาจในอาทรทรัสต์ 2 คน คือ วัฒนา สุทธิพินิจธรรม อดีตคนเก่งธนาคารชาติที่กันตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอยู่ที่ธนาคาร ส่วนอีกคนคือ ชาติชาย จุละจาริตต์ ซึ่งเป็นผู้จัดการสำนักกรรมการผู้จัดการใหญ่
ชาติชาย จุละจาริตต์ เคยอยู่ธนาคารทหารไทย กับผู้บริหารธนาคารทหารไทยไม่ค่อยจะราบรื่นนักก็เลยถูกขับมาอยู่ในตำแหน่งที่มีแต่เวลาว่าง
ชาติชายก็เลยถูกดึงตัวมาอยู่ธนาคารนครหลวง และขณะนี้ก็ทำหน้าที่เป็นกุนซือวางแผนให้กับชัยโรจน์ มหาดำรงค์กุล
ชาติชายมีส่วนช่วยชัยโรจน์ดึงคนเข้ามาช่วยงาน โดยเฉพาะงานด้านสินเชื่อ ตั้งแต่หัวหน้าฝ่ายประเมินราคาที่ดิน คือ สนั่น วงลัพธ์ ที่ชาติชายดึงมาจากธนาคารทหารไทย ไปจนถึงหัวหน้าวิเคราะห์สินเชื่อซึ่งเป็นคนที่ชาติชายดึงเอามา
เป็นอันว่าขั้นตอนการวิเคราะห์สินเชื่อและประเมินราคาทรัพย์สินเป็นคนที่ชาติชายดึงเข้ามา
ชาติชายเคยเป็นข้าราชการมาก่อน ฉะนั้นการเข้าผู้ใหญ่ได้เป็นจึงเป็นคุณสมบัติที่ดีของชาติชาย
ว่ากันว่า ชาติชายกำลังเป็นที่เชื่อถือของชัยโรจน์อย่างมากๆ
ในวันที่ 27 สิงหาคม 2527 บุญชู โรจนเสถียรได้ส่งแผนการดำเนินงาน 5 ปี (2527-2531) ไปให้กำจร สถิรกุล ผู้ว่าธนาคารชาติคนใหม่ ที่เคยลั่นวาจาไว้ว่า จะให้ธนาคารเป็นอิสระไม่ยอมให้ใครมาบีบ
และเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2527 ธนาคารชาติก็ได้ตอบมาว่า
“ตามหนังสือของท่านลงวันที่ 29 มิถุนายน 2527 และวันที่ 29 สิงหาคม 2527 แจ้งวิธีการและรายละเอียดในการปรับปรุงแก้ไขการดำเนินงานของธนาคารท่าน และได้ส่งแผนการดำเนินงาน 5 ปี ตามที่ธนาคารได้แจ้งให้ดำเนินการตามนัยหนังสือที่ ธปท.ณป.550/2527 ลงวันที่ 2 พฤษภาคม 2527 พร้อมทั้งได้ขอให้ธนาคารผ่อนคลายมาตรการและหลักเกณฑ์ที่ได้กำหนดบางประการให้กับธนาคารท่าน ดังต่อไปนี้
ก) จัดตั้งสาขาธนาคารท่านอย่างน้อย 5 สาขาทุกปี ในเขตพื้นที่ต่างจังหวัด เริ่มตั้งแต่ปี 2528 เป็นต้นไป
ข) ขยายปริมาณการอำนวยสินเชื่อในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 28 ในปี 2527 และร้อยละ 35 ในปีต่อๆ ปี ตลอดช่วงระยะเวลาของแผน
ค) ขายพันธบัตรรัฐบาลและหลักทรัพย์ที่ธนาคารท่านถือไว้ ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยต่ำ (ร้อยละ 8.25-9.5) ให้แก่ธนาคารเป็นมูลค่ารวม 616 ล้านบาท และซื้อหลักทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าเป็นการตอบแทน
ง) เริ่มจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในปี 2528เพื่อให้ผู้ที่จะลงทุนซื้อหุ้นของธนาคารท่านในอนาคตมีความมั่นใจว่าจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในอัตราที่น่าพอใจ
จ) ให้ธนาคารเพิ่มวงเงินสำหรับการรับช่วงซื้อลดตั๋วสัญญาใช้เงินที่เกิดจากการส่งสินค้าออกให้ธนาคารท่าน จากวงเงินสูงสุดในปัจจุบันจำนวน 720 ล้านบาท เป็น 1,200 ล้านบาท ภายในต้นปี 2528 เพื่อธนาคารท่านจะได้ขยายการอำนวยสินเชื่อเพื่อการส่งออกซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล
ธนาคารได้รับแผนการดำเนินงาน 5 ปี ไว้แล้ว และมีความยินดีที่ธนาคารนครหลวงไทยจำกัด ได้กำหนดเป้าหมายแผนงานไว้เป็นการล่วงหน้า จึงขอให้ธนาคารท่านเร่งพิจารณาปรับปรุงแก้ไขดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะการเพิ่มเงินกองทุนเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่งต่อฐานะและการดำเนินงานของธนาคารท่าน กล่าวคือ เพียงสิ้นเดือนกันยายน 2527 ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด ดำรงเงินกองทุนต่อสินทรัพย์ตามมาตรา 10 (1) ไว้ในอัตราร้อยละ 8.01 ซึ่งหากธนาคารท่านไม่เพิ่มเงินกองทุนแล้วจะก่อให้เกิดอุปสรรคในการดำเนินงานในด้านการขยายสินทรัพย์และสินเชื่อจะถูกจำกัด ซึ่งจะมีผลกระทบต่อรายได้ที่ไม่เพิ่มขึ้น การที่จะระดมหาเงินฝากเพิ่มขึ้นได้เพราะข้อจำกัดของเงินกองทุนจะทำให้ธนาคารท่านมีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ในที่สุดกำไรและการจัดสรรกำไรตามแผนงานที่กำหนดไว้ก็จะไม่บรรลุผล
สำหรับการขอผ่อนคลายมาตรการหรือหลักเกณฑ์ที่ได้กำหนดบางประการนั้น ขอเรียนว่า
1. ในการขอจัดตั้งสาขาของธนาคารท่านอย่างน้อย 5 สาขาทุกปี ในเขตพื้นที่ต่างจังหวัดตั้งแต่ปี 2528 นั้น หากธนาคารท่านดำเนินการปรับปรุงแก้ไขฐานะเงินกองทุนให้ดีขึ้นตามแผนงานที่กำหนดไว้ ก็เชื่อได้ว่า จะได้รับการพิจารณาด้วยดีจากธนาคาร
อย่างไรก็ดี สำหรับการพิจารณาคำขออนุญาตเปิดสาขางวดสิ้นเดือนมีนาคม 2526 ปรากฏว่าธนาคารท่านมีฐานะไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดสำหรับธนาคารพาณิชย์ที่จะได้รับการพิจารณาคำขออนุญาตให้เปิดสาขาธนาคารพาณิชย์ได้ ตามนัยหนังสือเวียนของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ ธปท.ณว.(ว) 417/2526 ลงวันที่ 21 เมษายน 2526 และหนังสือกระทรวงการคลังที่ กค.0303/3446 ลงวันที่ 26 มกราคม 2527 แจ้งการไม่อนุญาตให้ธนาคารท่านเปิดสาขาตามที่ธนาคารท่านได้ยื่นขอมา นอกจากที่กล่าว ในการเปิดสาขาธนาคารพาณิชย์นั้นยังจำเป็นจะต้องจัดสรรเงินเพื่อใช้เป็นเงินลงทุนในสินทรัพย์ประจำและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน รวมทั้งผลขาดทุนจากการดำเนินงานในระยะเริ่มแรกอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งฐานะของธนาคารท่านในขณะนี้ยังไม่สามารถที่จะรับภาระดังกล่าวได้ ธนาคารจึงเห็นว่า ธนาคารท่านควรจะปรับปรุงการบริหารงานของสาขาที่มีอยู่เดิมถึง 99 สาขา ให้มีบริการที่ดีขึ้น โดยปรับปรุงการบริการต่างๆ รวมทั้งการขยายสินเชื่อและระดมเงินฝาก ซึ่งจะช่วยเพิ่มพูนรายได้ของธนาคารให้สูงขึ้นได้ในที่สุด ดีกว่าการเปิดสาขาใหม่
2. ในเรื่องมาตรการควบคุมการให้สินเชื่อแก่ภาคเอกชนในปี 2527 ให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นในอัตราไม่เกินกว่าร้อยละ 18 นั้น ธนาคารได้มีหนังสือเวียนที่ ธปท.ณว.(ว) 925/2527 ลงวันที่ 21 สิงหาคม 2527 แจ้งการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการให้สินเชื่อไปยังธนาคารพาณิชย์แล้ว ฉะนั้นการขยายสินเชื่อของธนาคารท่านในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 28 ในปี 2527 และร้อยละ 35 ในปีต่อๆ ไป จึงขึ้นอยู่กับฐานะเงินกองทุนของธนาคารท่าน ซึ่งจะต้องไม่ต่ำกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดตามมาตรา 10 (1) แห่งพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ฯ
3. การขายพันธบัตรรัฐบาลที่ธนาคารท่านถือไว้ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยให้แก่ธนาคารแล้วซื้อหลักทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าเป็นการทดแทนนั้น ขณะนี้ธนาคารยังไม่มีนโยบายที่จะรับซื้อพันธบัตรดังกล่าวจากธนาคารพาณิชย์อีก
4. การจ่ายเงินปันผลของบริษัทจำกัด หรือธนาคารท่านจะจ่ายได้ก็ต่อเมื่อปรากฏแก่กรรมการว่า บริษัทมีผลกำไร และการจ่ายเงินปันผลจากเงินประเภทอื่นนอกจากเงินกำไรก็เป็นการจ่ายจากทรัพย์สินเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์และทำให้ฐานะของธนาคารท่านเสื่อมลงอีก อย่างไรก็ดี หากธนาคารท่านได้ปรับปรุงแก้ไขฐานะและการดำเนินงานตามแผนที่เสนอมาจนธนาคารท่านมีผลกำไรจากการดำเนินงานโดยแท้จริงและถูกต้อง ธนาคารก็พร้อมจะพิจารณาผ่อนคลายให้ด้วยดีโดยขอให้ธนาคารท่านขอผ่อนผันมาอีกครั้งหนึ่ง
5. การขอเพิ่มวงเงินสำหรับการรับช่วงซื้อลดตั๋วสัญญาใช้เงินที่เกิดปี 2528 นั้น เนื่องจากเมื่อเดือนตุลาคมปีนี้ ธนาคารได้เพิ่มวงเงินรับช่วงซื้อลดตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่ธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบไปแล้วถึง 4,700.00 ล้านบาท ฉะนั้นในโอกาสต่อไปหากจะมีการเพิ่มวงเงินการรับช่วงซื้อลดตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวอีก ก็ขอให้ธนาคารท่านยื่นความประสงค์ขอเพิ่มวงเงินตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนดไว้ต่อไป
นอกจากที่กล่าว สำนักงานใหญ่และสาขาธนาคารท่านมีสินทรัพย์ที่ไม่มีราคาหรือเรียกคืนไม่ได้ทั้งจำนวนและบางส่วน จัดชั้นเป็นสูญและสงสัยตามรายงานการตรวจสอบครั้งหลังสุดของสำนักงานใหญ่เพียงวันที่ 17 สิงหาคม 2526 และของสาขาตามรายงานการตรวจสอบครั้งหลังสุดก่อนวันที่ 17 สิงหาคม 2526 จำนวน 54.4 ล้านบาท และ 1,445.8 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งธนาคารท่านแจ้งว่าได้เรียกเก็บมาได้ครบถ้วนหลายราย และบางรายได้ลดหนี้ลงแล้วนั้น นับว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่สำหรับรายที่คงค้างอยู่ยังเรียกให้ชำระไม่ได้ก็มีความเสี่ยงสูง จึงให้ธนาคารท่านตัดบัญชีสินทรัพย์จัดชั้นสูญในงวดการบัญชีธันวาคม 2527 ทั้งจำนวนที่เหลืออยู่ 33.5 ล้านบาท จากเงินสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่มีอยู่ 51.1 ล้านบาท ตามนัยมาตรา 15 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ.2505 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2522 ส่วนสินทรัพย์จัดชั้นเป็นสงสัยให้ธนาคารท่านดำเนินการกันสำรองตามเงื่อนไขและวิธีการที่กำหนดตามนัยหนังสือธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ ธปท.ณป.550/2527 ลงวันที่ 2 พฤษภาคม 2527 เรื่องการตรวจสอบธนาคารนครหลวงไทย จำกัด
จึงเรียนมาเพื่อทราบ และให้ธนาคารท่านรายงานผลการดำเนินการตามแผนให้ธนาคารทราบเป็นประจำทุกงวด 6 เดือน สิ้นสุดมิถุนายนและธันวาคมของทุกปี โดยส่งไปยังฝ่ายกำกับและตรวจสอบธนาคารพาณิชย์ ธนาคารแห่งประเทศไทย บางขุนพรหม กรุงเทพฯ ภายในวันที่ 20 ของเดือนแรกของงวดถัดไป ทั้งนี้ เริ่มตั้งแต่งวดสิ้นสุดธันวาคม 2527 ซึ่งจะต้องส่งภายในวันที่ 20 มกราคม 2528 เป็นต้นไป”
กำจร สถิรกุล เองก็ย้ำในจดหมายว่า “โดยเฉพาะการเพิ่มเงินกองทุนเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่งต่อฐานะและการดำเนินงานของธนาคารท่าน”
|