|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ "เชลล์-เอสโซ่-บางจาก-คาลเท็กซ์" กอดคอกันปรับดีเซลลิตรละ 50 สตางค์มีผลวันนี้ ทำให้ดีเซลปรับขึ้นเป็น 18.69 บาทต่อลิตรทันที หลังค่าการตลาดติดลบ 1 บาทต่อลิตร ขณะที่ปตท. ยังอั้นไม่ยอมขึ้นเพื่อดูแลผู้บริโภคโดยขอดูอีก 1-2 วัน จึงจะตัดสินใจ จับตาคนแห่เติม ประมงรายย่อยโอดน้ำมันแนวโน้มปรับขึ้นแต่ราคาปลากลับขึ้นไม่ได้ ด้านสินค้าระวังยี่ปั๊ว-ซาปั๊ว สมาคมผู้ประกอบการรถบรรทุกสินค้าภาคอีสานออกแถลงการณ์ขอลดภาษี
วานนี้ (7 มิ.ย.) ผู้ค้าน้ำมันได้แก่ บมจ. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ได้แจ้งปรับราคาจำหน่ายขายปลีกน้ำมันดีเซล 50 สตางค์ต่อลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 8 มิ.ย.เป็นต้นไป ต่อสำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เนื่องจากค่าการตลาดติดลบ ขณะที่คาลเท็กซ์ได้แจ้งขอปรับราคา 80 สตางค์ต่อลิตร แต่ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นปรับขึ้นเพียง 50 สต.ต่อลิตร ส่วนปตท.ไม่มีการแจ้งเปลี่ยนแปลงราคาขายปลีกแต่อย่างใด ส่งผลให้ราคาขายปลีกของดีเซลที่จะมีการปรับขึ้น 50 สต.ต่อลิตรของผู้ที่แจ้งปรับราคาจาก 18.19 บาทต่อลิตรเป็น 18.69 บาทต่อลิตร
นายอภิสิทธิ์ รุจิเกียรติกำจร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มธุรกิจน้ำมันและการค้าระหว่างประเทศ บมจ.ปตท.กล่าวว่า ปตท.ไม่ตัดสินใจประกาศขึ้นราคาขายปลีกดีเซล โดยจะขอพิจารณาราคาตลาดสิงคโปร์อีก 1-2 วันก่อน แม้ว่าค่าการตลาดจะติดลบก็ตามแต่ปตท.จะพยายามลดผลกระทบให้กับประชาชน ส่วนน้ำมันม่วงที่ระบุว่าปตท.จ่ายไม่เพียงพอเมื่อ 2-3 วันก่อน เพราะปริมาณต้องการเข้ามามากทำให้การขนส่งน้ำมันไปยังคลังไม่ทันแต่ล่าสุดได้แก้ไขปัญหาแล้ว
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า นายวิเศษ จูภิบาล รมว.พลังงานได้ขอร้องให้บมจ.ปตท.ช่วยดูแลราคาขายปลีกดีเซลระยะหนึ่ง แต่ไม่ได้เป็นการบังคับ ซึ่งคาดว่าปตท.คงจะช่วยอั้นราคาดีเซลประมาณ 3 วัน หากราคาน้ำมันดีเซลยังคงมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอีกจนค่าการตลาดติดลบมากกว่า 1 บาทต่อลิตร ก็จะตัดสินใจปรับราคาจำหน่ายอย่างเร็ววันนี้ (8 มิ.ย) เพราะคงจะยอมแบกภาระขาดทุนไม่ได้มากนัก ประกอบกับเมื่อรายอื่นปรับราคาก็จะทำให้ลูกค้าหันมาเติมดีเซลที่ปั๊มปตท.จำนวนมากซึ่งเป็นการบีบทางอ้อม
แหล่งข่าวจากบมจ.บางจากกล่าวว่า ขณะนี้ค่าการตลาดน้ำมันดีเซลของผู้ค้าน้ำมันติดลบ 1 บาทต่อลิตร ทำให้ผู้ค้าประสบกับภาวะขาดทุนหากไม่มีการปรับราคาขึ้น ซึ่งความจริงแล้วควรจะปรับพร้อมกับเบนซินและมีผลวานนี้ แต่ปตท.ได้อั้นราคาเอาไว้ และแม้จะปรับขึ้นครั้งนี้แต่ก็ยังขาดทุนประมาณ 50 สต.ต่อลิตร ซึ่งสัปดาห์นี้จะไม่มีการปรับขึ้นต่อโดยจะไปดูสัปดาห์หน้า
สาเหตุหลักที่ทำให้ค่าการตลาดตกต่ำเนื่องจากราคาดีเซลได้มีการปรับราคาต่อเนื่องมาตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา และล่าสุดดีเซลปิดตลาดสิงคโปร์วันที่ 6 มิ.ย. ขยับขึ้นมาถึง 1.65 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดยดีเซลที่ขยับสูงขึ้นมาจากสำรองน้ำมันดีเซลของสหรัฐฯ ได้ลดลงเนื่องจากโรงกลั่นของสหรัฐฯหันไปกลั่นเบนซินมากขึ้นเพื่อตอบสนองตลาดในช่วงฤดูท่องเที่ยว ประกอบกับมีแรงซื้อจากเวียดนามเข้ามาเพิ่ม
สำหรับราคาน้ำมันตลาดโลกปิดตลาดเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2548 เทียบกับปิดตลาดวันที่ 3 มิ.ย. ราคาน้ำมันดิบดูไบ ปรับขึ้น 0.88 เหรียญต่อบาร์เรลมาอยู่ที่ 51.10 เหรียญต่อบาร์เรล โอมาน ปรับขึ้น 0.92 เหรียญต่อบาร์เรลมาอยู่ที่ 49.98 เหรียญต่อบาร์เรล เบรนท์ เพิ่มขึ้น 0.05 เหรียญต่อบาร์เรลมาอยู่ที่ 52.30 เหรียญต่อบาร์เรล น้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์ เบนซินออกเทน 95 ปรับขึ้น 1 เหรียญต่อบาร์เรลปิดที่ 58.03 เหรียญต่อบาร์เรล ดีเซลปรับขึ้น 1.65 เหรียญต่อบาร์เรลปิดที่ 65.62 เหรียญต่อบาร์เรล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้ว่ารัฐจะประกาศลอยตัวดีเซลเมื่อ 1 มิ.ย. แต่ยังคงมีเพดานการชดเชยที่ลิตรละ 1.76 บาทต่อลิตร (รวม VAT 7% เท่ากับ 1.88 บาท/ลิตร) ส่งผลให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต้องชดเชยราคาน้ำมันรวมทั้งสิ้นตั้งแต่ 10 ม.ค.-7 มิ.ย.รวม 89,032.90 ล้านบาท โดยเป็นการชดเชยดีเซล 82,057.82 ล้านบาท ที่เหลือเป็นภาระการชดเชยเบนซิน
ประมงโอดราคาปลาไม่ขยับ
นายสุรินทร์ ภู่กิตติกุล นายกสมาคมประมงขนอมกล่าวว่า ขณะนี้ปตท.ได้กลับมาจ่ายน้ำมันม่วงให้กับกลุ่มประมงผ่านองค์การสะพานปลาตามปกติแล้วหลังจากที่ก่อนหน้า 2-3 วัน มีปัญหาไม่สามารถจ่ายให้ได้เพียงพอกับความต้องการเพราะการขนส่งไม่ทัน อย่างไรก็ตาม ดีเซลที่จะปรับขึ้นอีกตามราคาตลาดโลกก็จะมีผลให้ราคาน้ำมันม่วงและน้ำมันเขียวปรับราคาตามแม้ว่ารัฐบาลจะเข้ามาช่วยเหลือราคาน้ำมันดังกล่าวให้ต่ำกว่าขายปลีกบนบกประมาณ 1- 2 บาทก็ตาม ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการทำประมงชายฝั่งค่อนข้างมากเพราะปัจจุบันราคาปลากลับไม่สามารถปรับเพิ่มขึ้น
"ดีเซลปรับขึ้นอีกสัก 2 ครั้ง ประมงรายย่อยก็คงไม่ไหวแล้ว เพราะปัญหาราคาปลาไม่ขึ้นเลย แถมปลาบางประเภทกลับมีราคาต่ำลงด้วยซ้ำ" นายสุรินทร์กล่าว
สินค้าขึ้นต้องดูยี่ปั๊ว-ซาปั๊ว
นายเกียรติพงศ์ น้อยใจบุญ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) กล่าวว่า ดีเซลที่ปรับขึ้นจะกระทบกับภาคขนส่งเป็นหลักและจะสะท้อนมายังภาคการผลิต ดังนั้นผลกระทบต่อราคาสินค้าหน้าโรงงานคงไม่เปลี่ยนแปลงมากเมื่อราคาดีเซลปรับขึ้น แต่สิ่งที่กระทบคือค้าปลีกในระดับยี่ปั๊ว ซาปั๊ว ที่จะมีต้นทุนขนส่งที่มีผลโดยตรงแต่จะบวกเกินจริงมากน้อยเพียงใดทางกระทรวงพาณิชย์ควรต้องติดตาม
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าราคาน้ำมันจะมีการปรับตัวสูงขึ้นแต่ก็ได้รับผลกระทบกันทั่วโลก ดังนั้นเป้าหมายการส่งออกในส่วนของภาคอุตสาหกรรมปี 2548 คาดว่าจะยังคงเติบโต 15% เนื่องจากในช่วง 4 เดือน การส่งออกได้ขยายตัว 14% จึงไม่น่าจะมีปัญหาแต่กรณีที่จะให้เติบโต 20% ในปีนี้ตามนโยบายของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเองก็คงจะต้องเข้ามาส่งเสริมในหลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะการดูแลค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวนเพราะระดับปัจจุบัน 40-41 บาทต่อเหรียญ ภาคส่งออกค่อนข้างพอใจ การดูแลในเรื่องความสะดวกเกี่ยวกับการติดต่อในระบบราชการ ฯลฯ
รถบรรทุกขอความชัดเจน-ลดภาษี
กรรมการบริหารสมาคมผู้ประกอบการรถบรรทุกสินค้าภาคอีสาน สมาคมขนส่งทางบก และสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทาง ประชุมที่ร้านอาหารบัวชุม อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และออกแถลงการณ์วานนี้ เสนอมาตรการและข้อเรียกร้อง 1.ขอทราบนโยบายของรัฐบาลในการปรับราคาน้ำมันดีเซล โดยขอให้มีการปรับราคาเป็นครั้งเดียว เพราะผู้ประกอบการจะจัดคำนวณต้นทุนและวางแผนจัดทำสัญญาว่าจ้างการขนส่งที่แน่นอน เพื่อให้ประโยชน์ต่อผู้จ้างและผู้รับจ้าง อันจะส่งผลดีต่อสังคมและผู้บริโภคโดยรวม
2.ขอให้ทบทวนพิจารณาหรือปรับโครงสร้างภาษีน้ำมันใหม่ โดยขอปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลภาคการขนส่ง ส่วนภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเทศบาลและภาษีอื่นๆ ให้เป็นไปตามโครงสร้างภาษีเดิม และ 3.ขอทราบนโยบายรัฐบาลและมาตรการช่วยเหลือภาคการขนส่ง โดยขอให้พิจารณาปรับลดอัตราภาษี หัก ณ ที่จ่าย จากร้อยละ 1 เหลือร้อยละ 0.5 และขอปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลปลายปี ร้อยละ 30 เหลือ ร้อยละ 15 รวมทั้ง ขอให้รัฐบาลกำหนดราคากลางของการขนส่งให้สอดคล้องกับราคาน้ำมันเป็นตารางมาตรฐานตามความเป็นจริง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมระหว่างผู้ว่าจ้างและผู้รับจ้าง
นอกจากนี้ ขอให้รัฐบาลพิจารณาช่วยเหลือในการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน โดยใช้คู่มือทะเบียนรถค้ำประกันเงินกู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยกรมการขนส่งทางบกเป็นนายทะเบียนนิติกรรมสัญญา และขอให้รัฐบาลพิจารณากฎหมายน้ำหนักรถบรรทุกให้ประกาศใช้เป็นกฎหมายโดยเร็ว อีกทั้งให้รัฐบาลส่งเสริมสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทนน้ำมันอย่างจริง เพื่อเป็นการลดต้นทุนและสงวนเงินตราของประเทศ
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการรถบรรทุกสินค้าภาคอีสาน และรถโดยสารที่ใช้น้ำมันดีเซลในการขนส่ง จะมีการประชุมหาทางออกอีกครั้งเกี่ยวกับภาวะน้ำมันดีเซลลอยตัวในวันที่ 9 มิถุนายนนี้ ที่รร.รัตนโกสินทร์ กรุงเทพฯ
|
|
|
|
|