|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ มิถุนายน 2528
|
 |
แฮลเบอรี่ อินเตอร์เนชั่นแนล คอมมอดิตี้ เป็นบริษัทคอมมอดิตี้ซึ่งตั้งขึ้นมาเมื่อราวๆ ปี 2520 ผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นคนฮ่องกง สำนักงานตั้งอยู่ที่อาคารประภาวิทย์ เยื้องๆ กับโรงแรมรามาทาวเวอร์ที่สีลม วงการคอมมอดิตี้ของไทยจดจำชื่อบริษัทนี้ได้แม่นยำ เพราะแฮลเบอรี่ เป็นบริษัทสุดท้ายที่เจ้าของสามารถแหกตานักเล่นและเชิดเงินหลายร้อยล้านบาทกลับไปฮ่องกงได้ หลังจากกรณีเช่นเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นมาหลายแห่ง ในยุคที่การเล่นเก็งกำไร "ตั๋วทอง " กำลังบูมอย่างมากๆ
หมดจากยุคของแฮลเบอรี่แล้ว วงการคอมมอดิตี้ก็ไม่เคยปรากฏว่า คนฮ่องกงจะเข้ามาหลอกกินหมูคนไทยได้อีกต่อไป
จะมีก็แต่คนไทยหลอกคนไทยด้วยกันแทน!
เอกยุทธ เคยทำงานเป็นพนักงานขายคอมมอดิตี้ให้กับบริษัทแฮลเบอรี่ โดยเขาเริ่มงานในช่วงแรกที่บริษัทนี้ถูกก่อตั้งขึ้นมาและเอกยุทธใช้เวลาเพียงไม่ถึง ปีในการไต่เต้าจากพนักงานขายธรรมดาขึ้นมาเป็นผู้จัดการฝ่ายขายคุมลูกน้องในสังกัดของตนไม่ต่ำกว่า 10 คน
อดีตลูกน้องของเอกยุทธคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า เขาไม่รู้จักกำพืดอย่างละเอียดของเอกยุทธ เขาทราบจากคำบอกเล่าของตัวเอกยุทธและคนอื่นๆ บ้างเพียงว่า เอกยุทธเคยไปเรียนหนังสือที่สหรัฐฯ อยู่หลายปีก่อนหน้าจะเข้ามาทำงานที่แฮลเบอรี่
"เขาเป็นคนมีบุคลิกดี ฟอร์มสูง และมีลูกค้ามือหนักๆ หลายคน โดยเฉพาะผู้หญิงวัยกลางคนที่ชื่อแดง ซึ่งเอกยุทธจะเรียกว่าแม่แดงทุกคำ "
ลูกน้องเก่าของเอกยุทธคนเดียวกันนี้ยืนยันว่า "แม่แดง " ก็คือ "แดง " คนเดียวกันกับหัวหน้าสายรายใหญ่ที่สุดของวงการแชร์ชาร์เตอร์นั่นเอง
"แม่แดง " ของเอกยุทธเป็นภรรยาของนายทหารอากาศยศนาวาอากาศเอก ในยุคที่วงการคอมมอดิตี้กำลังบูมสุดขีด ในช่วงระหว่างปี 20-23 นั้น วงการคอมมอดิตี้ให้ความยอมรับนักเล่นขาใหญ่ที่เป็นผู้หญิงอยู่ 2 คน คนหนึ่งคือ "อิ๊ด ประภา " และอีกคนก็คือ "แม่แดง "
"อิ๊ด ประภา " เป็นเจ้าของโรงงานแปรรูปเศษเหล็กเส้น ฐานะไม่ถึงกับร่ำรวยมาก แต่ภายหลังเมื่อหันมาเล่นคอมมอดิตี้ทั้ง "ตั๋วทอง " และพืชผลจนเปลี่ยนฐานะจากนักเล่นเป็นเจ้าของบริษัทคอมมอดิตี้เสียเองแล้วนั่นแหละ ฐานะของ "อิ๊ด ประภา " ก็เริ่มร่ำรวยขึ้นอย่างพรวดพราด
และเมื่อรวยแล้ว "อิ๊ด ประภา " ก็วางมือเด็ดขาดจากวงการคอมมอดิตี้ และนำเงินที่ได้จากธุรกิจประเภทนี้ไปขยายโรงงานเหล็ก ซื้อหุ้นธนาคาร และซื้อบริษัทเงินทุน บริษัทเครดิตฟองซิเอร์ หันมาจับงานทางด้านที่ดินและงานก่อสร้างแทน
ในปัจจุบัน "อิ๊ด ประภา " กลายเป็นนักธุรกิจหญิงที่ประสบความสำเร็จมากคนหนึ่ง มีกิจการหลายอย่างแม้กระทั่งบริษัทขายคอมพิวเตอร์
มีคนเคยถาม "อิ๊ด ประภา " ว่า ทำไมจึงถอนตัวจากวงการคอมมอดิตี้ ทั้งที่ร่ำรวยขึ้นมาจากทางนี้
"มันไม่มีอะไรจีรัง มันเหมือนเล่นการพนันเมื่อมีชนะก็จะต้องมีแพ้เข้าสักวัน เพราะฉะนั้นเมื่อชนะได้เงินถึงจุดหนึ่งแล้ว ก็ควรจะต้องหยุดและหันไปเล่นธุรกิจที่มันไม่ต้องเสี่ยงมากและดูแล้วมันสะอาดมากกว่าคอมมอดิตี้... " อิ๊ด ประภา ตอบคำถาม
แต่ "แม่แดง " ของเอกยุทธดูเหมือนว่าจะเดินสวนทางกับความคิดเช่นนี้โดยสิ้นเชิง
แต่หลังจากเจ้าของบริษัทแฮลเบอรี่ซึ่งเป็นคนฮ่องกงเชิดเงินกลับบ้านไปเรียบร้อยแล้ว เอกยุทธโยกย้ายตัวเองไปอยู่กับบริษัทคอมมอดิตี้อีกหลายแห่ง
ชื่อเสียงของความเป็นนักขายคอมมอดิตี้ระดับมือทองของเอกยุทธนั้นพอจะทำให้ทุกแห่งพร้อมจะรับเขาเข้าไว้เป็นสมาชิกอยู่แล้ว
ครั้นเมื่ออยู่ในวงการคอมมอดิตี้นานๆ เข้า เอกยุทธก็เริ่มจะมองเห็นช่องทางที่จะทำเงินถ้าเขาจะมีบริษัทคอมมอดิตี้เป็นของตัวเองสักแห่ง
บริษัทชาร์เตอร์ อินเตอร์เรคชั่น จึงได้ถือกำเนิดมาในวงการคอมมอดิตี้
|
|
 |
|
|