Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน7 มิถุนายน 2548
ปตท.ขึ้นเบนซินคุยช่วยผู้บริโภคกัดฟันตรึงดีเซล             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

   
search resources

ปตท., บมจ.
Oil and gas




เบนซินขยับราคาเป็น 22.54 บาทต่อลิตรวันนี้ หลังปตท.สุดอั้นประกาศขึ้น 40 สตางค์ต่อลิตร แต่แตะเบรกขึ้นดีเซลอ้างช่วยดูแลเศรษฐกิจขอเวลา 2-3 วันตัดสินใจใหม่ ผู้ค้าน้ำมันอื่นมึนปตท.เหตุค่าการตลาดติดลบ 50 สตางค์ต่อลิตร ปิดขายดีเซลผ่านจ็อบเบอร์ลดขาดทุนแล้ว ยันสัปดาห์นี้หนีไม่พ้นปรับขึ้นแน่

นายอภิสิทธิ์ รุจิเกียรติกำจร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มธุรกิจน้ำมันและการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เปิดเผย ว่า ปตท.ได้ประกาศปรับขึ้นราคาเบนซิน และแก๊สโซฮอล์ อีก 40 สตางค์/ลิตรมีผล ตั้งแต่เวลา 06.00 น. วันที่ 7 มิ.ย.นี้ ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลเป็นดังนี้ เบนซิน 95 อยู่ที่ 22.54 บาท/ลิตร เบนซิน 91 อยู่ที่ 21.74 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์อยูที่ 21.04 บาท/ลิตร

สำหรับราคาดีเซลนั้นปตท.ยังไม่ประกาศปรับเพิ่มขึ้น โดยจะขอพิจารณาสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก อีก 2-3 วัน เนื่องจากเห็นว่ารัฐบาลเพิ่งประกาศการลอยตัวราคาน้ำมันดีเซลเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. จึงต้องการรักษาระดับราคาขายปลีกดีเซล เพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจไทยไปก่อน และหากจะปรับ ก็จะปรับให้ช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อลดภาระของประชาชนที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้น

"ยอมรับว่าค่าการตลาดน้ำมันดีเซลขณะนี้ติดลบ 35 สตางค์/ลิตรแล้ว แต่ปตท.จะพยายามรักษาระดับราคาน้ำมันขายปลีกทุกชนิด และปรับขึ้นราคาให้ช้าที่สุด เพื่อลดภาระของผู้บริโภค" นายอภิสิทธิ์กล่าว

ทั้งนี้การปรับขึ้นราคาครั้งนี้ เนื่องจากราคาน้ำมันตลาดโลกปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง จากความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นของสหรัฐฯ ยุโรป จีน และอินเดีย ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันมีแนวโน้มผันผวนต่อไป ประกอบกับขณะนี้เข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวของสหรัฐฯ ทำให้ความต้องการใช้เบนซินมากขึ้น ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าทั่วโลกจะมีความต้องการใช้น้ำมันสูงขึ้น 5% เมื่อเทียบกับปีก่อน และคาดว่าในการประชุมกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก (โอเปก) ในวันที่ 15 มิ.ย.น่าจะรักษาอัตราการผลิตไว้ในระดับสูง ซึ่งในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมากลุ่มโอเปกผลิตน้ำมันเพิ่ม 2 หมื่นบาร์เรล/วัน หรือรวมแล้วประมาณ 29.77 ล้านบาร์เรล/วัน

นายอภิสิทธ์ กล่าวว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันตลาดโลกปรับสูงขึ้นมาตลอด ล่าสุดน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 49.10 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล สูงขึ้นรวมกันตลอดสัปดาห์ถึง 4.30 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เบนซิน 95 อยู่ที่57.03 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล สูงขึ้น 3.39 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่วนดีเซลอยู่ที่ 63.97 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ปรับสูงขึ้นกว่า 4 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การที่ปตท.ไม่ตัดสินใจปรับราคาขึ้นดีเซลถือว่าถูกต้องแล้ว เพราะจริงๆ แล้วหลังการประกาศลอยตัวเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. รัฐบาลได้ให้นโยบายว่าควรจะดูราคาเฉลี่ยน้ำมันดีเซลตลาดโลก 7 วันเสียก่อน ซึ่งแม้ว่าค่าการตลาดจะต่ำ แต่ก็เห็นว่ายังพอจะพยุงราคาไว้ได้เพื่อดูแลผู้บริโภค

แหล่งข่าวจากวงการน้ำมันกล่าวว่า ขณะนี้ดีเซลมีค่าการตลาดติดลบมากกว่า 50 สตางค์ต่อลิตรแล้ว แต่การที่ปตท.ไม่ยอมขึ้นดีเซลทำให้ค่ายอื่นๆ ก็ไม่กล้าจะปรับขึ้นเพราะดีเซลเป็นน้ำมันที่จำหน่ายในปริมาณมากและตลาดเป็นตลาดต่างจังหวัดซึ่งต่างจากเบนซินที่ผู้ค้ารายอื่นๆ หากทนไม่ได้ก็จะปรับขึ้นราคาโดยไม่สนปตท. ดังนั้นทำให้น้ำมันค่ายอื่นๆ ที่เหลือแก้ปัญหาการขาดทุนจากการที่ยังไม่ขึ้นดีเซลด้วยการปิดการจำหน่ายน้ำมันในส่วนให้กับผู้ค้าช่วงหรือจ็อบเบอร์ทั้งหมด แต่จะส่งน้ำมันให้แก่ปั๊มของตนเองเท่านั้น

แหล่งข่าวจากจ็อบเบอร์กล่าวว่า คลังน้ำมันส่วนใหญ่จะลดการจำหน่ายน้ำมันลงโดยเฉพาะดีเซลบางแห่งจะปิดการขายให้จ็อบเบอร์เลย แต่มีบางแห่งเปิดจำหน่ายปกติแต่ต้องยอมจ่ายเพิ่มอีกลิตรละประมาณ 30 สตางค์ หากต้องการในปริมาณที่มากกว่าปกติหรือที่ไม่ใช่ลูกค้าประจำ ซึ่งยอมรับว่าจากกระแสข่าวการขึ้นดีเซลทำให้ลูกค้าของจ็อบเบอร์สั่งน้ำมันสต๊อกไว้ล่วงหน้าไปแล้ว

นายเมตตา บันเทิงสุข ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า หลังจากมีการเปิดโครงการรวมพลังไทยลดใช้พลังงานเมื่อวัน 1 มิ.ย.แล้ว ทางกระทรวงพลังงานจะจัดแคมเปญเพื่อแนะนำการประหยัดพลังงานอย่างต่อเนื่อง เพราะถือได้ว่าวันดังกล่าวประสบความสำเร็จเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้จากเดิมคาดว่าจะลดไฟฟ้าได้สูงสุด 500 เมกะวัตต์ แต่ก็ลดได้ถึง 700-800 เมกะวัตต์ แสดงให้เห็นประชาชนตื่นตัวเต็มที่ในการลดใช้พลังงาน ดังนั้นต้องถือโอกาสนี้เร่งรณรงค์จึงจะประสบความสำเร็จ

ส่วนข้อเสนอให้มีการปิดห้างสรรพสินสินค้าเร็วขึ้นเพื่อประหยัดพลังงานนั้น นายเมตตากล่าวว่า มาตรการดังกล่าวคงจะลดการใช้ไฟฟ้าได้น้อยมาก เมื่อเทียบกับการปรับโครงสร้างด้านการขนส่ง-อุตสาหกรรม ซึ่งคงจะไม่ออกมาตรการบังคับให้ปิดห้างฯ เร็วขึ้น แต่จะเป็นการขอความร่วมมือ และประชาสัมพันธ์ให้เห็นผลดีของการประหยัดพลังงานที่จะช่วยลดต้นทุน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us