Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน24 มิถุนายน 2545
ทีมโรบินสันบุกค้าปลีก ตั้งโฮลดิ้งเปิด3บริษัท             
 


   
search resources

ยูเอสไอ โฮลดิ้ง
Retail




ทีมผู้บริหารโรบินสันเดิมรวมพลคืนวงการค้าปลีก นำทีมโดย "มานิต อุดมคุณธรรม" ผู้สร้างชื่อโรบินสันคนแรก จัดตั้งโฮลดิ้งในนาม "ยูเอสไอ" ประกาศแผนเปิดตัว 3 ธุรกิจค้าปลีก ร้านจำหน่ายเสื้อผ้า

และรอง เท้ากีฬาแฟชั่น "แอคทีฟ เนชั่น" ร้านจำหน่ายเสื้อผ้าแฟชั่นวัยรุ่น "FQ&L" และร้านจำหน่ายอุปกรณ์ ตบแต่งบ้าน "โฮม คอมปานี" มุ่งมั่นเป็นที่ 1 ทุกเซกเมนต์ พร้อมเล็ง

ขยายค้าปลีกรูปแบบอื่นอีกในอนาคต นายกมลพันธ์ ศิริพรรณพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัทยูเอสไอ โฮลดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า

บริษัทจัดตั้งขึ้นโดยทีมงานผู้บริหารเดิมของบริษัทห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จำกัด (มหาชน) นำโดยนายมานิต อุดมคุณธรรม ที่ดำรงตำแหน่งประธานในยูเอสไอ

สำหรับแผนการดำเนินงานของยูเอสไอในปีนี้ได้จัดตั้งบริษัทลูกขึ้นมาดำเนินธุรกิจค้าปลีก แล้ว 3 บริษัท คือ 1.บริษัทแอคทีฟ เนชั่น จำกัด ทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท เพื่อเปิดร้าน"แอคทีฟ เนชั่น"

จำหน่ายเสื้อผ้า และรองเท้ากีฬา 2.บริษัทแฟชั่น พีเพิล จำกัด ทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท เปิดร้าน "FQ&L" จำหน่ายเสื้อผ้าวัยรุ่น และบริษัทเดอะโฮม คอมปานี จำกัด ทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท

บริหารร้าน "โฮม คอมปานี" จำหน่ายสินค้า ตบแต่งบ้าน ในปีนี้ ยูเอสไอ ได้เปิดร้าน แอคทีฟ เนชั่น และร้าน FQ&L ไปแล้ว ส่วนร้านโฮม คอมปานี กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาตลาด

โดยเห็นว่าตลาดอุปกรณ์ตบแต่งบ้านมีแนวโน้มการขยายตัวสูง จากการฟื้นตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ รวมทั้งการประสบความสำเร็จด้านยอดขายของร้านโฮมโปร ที่ขยายสาขาใหม่ในปีนี้

สำหรับรูปแบบร้านโฮม คอม-ปานี ที่บริษัทได้วางรูปแบบไว้ จะเป็นร้านขนาดเล็กกว่าผู้ประกอบคู่แข่งที่มีอยู่ในตลาด โดยจะเน้นการเปิดสาขาในศูนย์การค้า และรูปแบบสแตนด์อะโลนในพื้นที่ที่มีศักยภาพ

คาดว่าจะเปิดร้านสาขาแรกได้ในช่วงกลางปี 2546 ทั้งนี้นโยบายการดำเนินงานของยูเอสไอ ในช่วง 3 ปีต่อจากนี้ จะขยายธุรกิจค้าปลีกใน 3 รูปแบบ ดังกล่าวเป็นหลัก

เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ยังมีโอกาสและแนวโน้มการ ขยายตัวได้ในอนาคต โดยต้องการ สร้างชื่อแบรนด์ และสินค้าทั้ง 3 กลุ่ม ให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้บริโภค

และต้องการเป็นผู้นำตลาดในทุกเซกเม้นท์ค้าปลีกที่เข้าไปดำเนินธุรกิจ โดยหลังจากนี้จะเริ่มศึกษาการขยายธุรกิจค้าปลีกรูปแบบอื่นๆ เพิ่มเติม ซึ่งได้วางแนวทางที่จะศึกษารูปแบบค้าปลีกไว้หลายธุรกิจ

โดยเฉพาะค้าปลีกรูปแบบสเป-เชียลตี้ สโตร์ "แอคทีฟ เนชั่น"ร้านกีฬาแฟชั่น นายรุ่งโรจน์ คงศิริธุวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทแอคทีฟ เนชั่น จำกัด เปิดเผยว่าร้าน "แอค-ทีฟ เนชั่น" เป็นร้านค้าปลีกประเภท

สเปเชียลตี้ สโตร์ จำหน่ายเสื้อผ้าและรองเท้ากีฬาเท่านั้น โดยจะไม่ขายอุปกรณ์กีฬา ซึ่งจะชูจุดเด่นที่เป็นร้านสปอร์ต แฟชั่น มีสินค้าแบรนด์เนมกีฬาทั้งใน และต่างประ เทศจำนวน 18 แบรนด์ อาทิ อาดิ-

ดาส, ไนกี้, รีบ็อค สินค้ากีฬาของแพน กรุ๊ป เป็นต้น ทั้งนี้คอลเลกชั่นใหม่ของสินค้าแบรนด์เนมที่เปิดตัวล่าสุด จะมีวางจำหน่ายที่แอคทีฟ เนชั่นเร็วกว่าร้านจำหน่ายอื่นๆ และจะมีสินค้าแฟชั่นเสื้อผ้า

และรองเท้า จำหน่ายในปริมาณที่มากกว่าร้านคู่แข่ง 50% เพราะเน้นเฉพาะสินค้า 2 กลุ่มนี้เท่านั้น โดยมีรองเท้าวางจำหน่ายกว่า 1,000 รุ่น และเสื้อผ้า กว่า 3,000 แบบ ซึ่งจะแตกต่างจาก

ร้านจำหน่ายเสื้อผ้า และอุปกรณ์กีฬาในขณะนี้ที่เป็นรูปแบบร้านประเภท แคธิกอรี่ คิลเลอร์ สินค้าจะเป็นรูปแบบทั่วไป ไม่ใช่สินค้าแฟชั่นเหมือนของแอคทีฟ เนชั่น

"การที่บริษัทให้ความสนใจเข้ามาดำเนินธุรกิจร้านจำหน่ายเสื้อ ผ้า และรองเท้ากีฬา เพราะเห็นว่าตลาดดังกล่าวมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จากการที่บุคคลทั่วไปหันมาสนใจเล่นกีฬามากขึ้น ขณะที่ลูก

ค้าที่เป็นกลุ่มนักกีฬาต้องการใส่เสื้อผ้า และรองเท้าที่ อิงกับแฟชั่นสมัยใหม่ ที่มีสไตล์มากขึ้น จากเดิม ที่จะใส่เสื้อผ้า และรองเท้ากีฬาทั่วไป ซึ่งตลาดกีฬาถือเป็นตลาดที่มีการเคลื่อนไหว และมีเรื่องราว

จากการ ที่มีพรีเซ็นเตอร์ในกีฬาประเภทต่าง เป็นจำนวนมาก เป็นส่วนกระตุ้นให้ประชาชนทั่วไปหันมาสนใจกีฬา และต้องการเล่นกีฬามากขึ้น" นายรุ่งโรจน์กล่าว นอกจากนี้

พบว่าในช่วงต้นปีที่ผ่านมามีผู้ประกอบการรายใหม่ในตลาดเข้ามาขยายร้านจำหน่ายเสื้อผ้า รองเท้า และอุปกรณ์กีฬามากขึ้น เช่น ร้าน"สปอร์ต แพลนเน็ต"ซึ่งเป็นผู้ประกอบการจากประเทศอินโดนีเซีย

ที่ได้เปิดสาขาแรกที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล บางนาไปแล้ว ซึ่งเป็นกลุ่มที่น่าจับตามองมากที่สุดกลุ่มหนึ่ง เพราะน่าจะเข้า มาสร้างสีสันความแตกต่างให้กับตลาดได้ และที่กำลังจะเปิดดำเนินการในเร็วๆนี้ อีก

1 รายคือ ร้าน "สปอร์ต สเตเดียม" ร้านจำหน่ายเสื้อผ้า รอง เท้า อุปกรณ์กีฬาของ "พีน่า เฮ้าส์ กรุ๊ป" การเข้ามาขยายธุรกิจร้านจำหน่ายเสื้อผ้า รองเท้ากีฬา ของผู้ประกอบการ เป็นการช่วยขยาย

ตลาดให้มีขนาดใหญ่ขึ้น และเป็นการกระตุ้นในลูกค้าหันมาสนใจเล่นกีฬามากขึ้น แต่ก็จะทำให้ตลาดมีการแข่งขันรุนแรงตามไปด้วย ปัจจุบันตลาดเสื้อผ้า รองเท้า และอุปกรณ์กีฬามีมูลค่าประมาณ

4,000-5,000 ล้านบาท มีการขยายตัว อย่างต่อเนื่องปีละ 15% นายรุ่งโรจน์กล่าวต่อว่า บริษัทได้เปิดร้านแอคทีฟ เนชั่น สาขาแรกที่เวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ พื้นที่ 460 ตารางเมตร ถือเป็นร้านแฟรกชิฟสโตร์

โดยในเดือน ก.ค.นี้ บริษัทมีแผนที่จะเปิดสาขาใหม่อีก 2 แห่งในรูปแบบสแตนด์อะโลน ที่สีลม ปากซอยธนิยะ พื้นที่ 460 ตารางเมตร และสยาม สแควร์ ซอย 2 พื้นที่ 300 ตารางเมตร

ทั้งนี้การขยายสาขาของร้านแอคทีฟ เนชั่น เน้นที่ปัจจัยทำเลที่ตั้ง และที่มีกลุ่มลูกค้าอาศัยอยู่เป็นหลัก FQ&L ตั้งเป้า 3 ปีเปิด 120 สาขา นายพีระพล อารยะลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทแฟชั่น พีเพิล

จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะรับผิดชอบการเปิดร้าน FQ&L ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายเสื้อผ้าแฟชั่นวัยรุ่น ราคาประหยัด โดยได้เริ่มเปิดสาขาแรกที่ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ บางกะปิ ในเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา

ขณะนี้มีสาขาทั้งหมด 12 แห่ง ในเดอะมอลล์ และเซ็นทรัล และในสยามสแควร์ แบ่งเป็นชอปในศูนย์การค้า 6 แห่ง และคอนเนอร์จำหน่ายในห้างสรรพสินค้า 6 แห่ง

ในปีนี้บริษัทได้ตั้งเป้าเปิดสาขาไว้ทั้งหมด 30-40 แห่ง แบ่งเป็นชอป และคอนเนอร์ ในอัตราส่วนเท่ากัน สำหรับแผนการขยายสาขาของ FQ&L ได้ตั้งเป้าขยายสาขาไว้ปีละ 30-40 แห่ง

โดยเฉลี่ยจะต้องใช้งบลงทุนปีละ 200-300 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้ตั้งเป้าขยายสาขาในอัตราดังกล่าวต่อเนื่อง 3 ปี ซึ่งจะทำให้บริษัทมีสาขาประมาณ 90-120 สาขา ภายในปี 2547

การเข้ามาขยายธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่นในครั้ง นี้ เนื่องจากมองเห็นช่องว่างในการทำตลาดว่ายังไม่ร้านเสื้อผ้าวัยรุ่นที่เจาะกลุ่มวัยรุ่นอายุ 15-22 ปี ในราคาประหยัด เฉลี่ยราคาชิ้นละ 300-700 บาทเท่านั้น

แต่เสื้อผ้าของ FQ&L จะเป็นเสื้อผ้าที่มีดีไซน์แตกต่างจากท้องตลาด และคู่แข่งทั่วไปที่เป็นแบบธรรมดา โดยจะมีราคาถูกกว่า 20-30% จากการสำรวจตลาดเสื้อผ้ารวมเสื้อผ้าวัยรุ่น

และคนทำงานทั่วไปมีมูลค่า 4,000-5,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตปีละ ไม่ต่ำกว่า 20% ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตสูง

เนื่องจากกลุ่มวัยรุ่นเป็นกลุ่มที่มีการใช้จ่ายเงินในการซื้อเสื้อผ้าเป็นจำนวนมาก และจะซื้อค่อนข้างบ่อย นอกจากนี้ในตลาดดังกล่าวยังไม่มีผู้นำตลาดที่ชัดเจน บริษัทจึงสนใจเข้ามาดำเนินธุรกิจนี้

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us