แสนสิริฯ เห็นช่องทำกำไรจากการบริหารทรัพย์ ขายโรงแรมโซฟิเทล สีลม ให้กองทุน ภายใต้การบริหารของ LaSalle Investment Management หนึ่งในกลุ่มกองทุนอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ระดับโลก และกลุ่ม Accor Asia Pacific รับเงินสดสุทธิมูลค่ากว่า 1,200 ล้านบาท ภายในสัปดาห์แรกของเดือนมิ.ย.นี้ หวังนำเงินไปลดภาระเงินกู้กับสถาบันการเงิน ตั้งเป้าลดสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ต่ำกว่า 1 ต่อ 1 ภายในสิ้นปีนี้ ที่เหลือใช้รองรับการขยายธุรกิจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

นายอภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ขายกิจการของบริษัท ริชชี่ โฮลดิ้ง อัลลายแอนซ์ จำกัด ที่บริษัทฯถือหุ้น 100% ให้กับกองทุนของ LaSalle Investment Management กองทุนที่มีการลงทุนและบริหารธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก ทั้งนี้บริษัท ริชชี่ โฮลดิ้ง อัลลายแอนซ์ จำกัด เป็นเจ้าของธุรกิจโรงแรมโซฟิเทล สีลม กรุงเทพฯ สำหรับการขายกิจการครั้งนี้สามารถสร้างกระแสเงินสดสุทธิให้แก่บริษัทฯ ได้เป็นมูลค่ากว่า 1,200 ล้านบาท โดยกองทุนของ LaSalle Investment Management จะชำระเงินจำนวนดังกล่าวภายในสัปดาห์แรกของเดือนมิถุนายน 2548

โดยภายหลังจากที่กองทุนฯ ชำระเงินแล้ว จะทำให้แสนสิริมีกระแสเงินสดสุทธิเข้าสู่บริษัทฯ กว่า 1,200 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ เตรียมแผนที่จะนำเงินบางส่วนไปใช้ในการชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และกันเงินสำรองไว้สำหรับการดำเนินธุรกิจ รวมถึงเพื่อใช้ในการรองรับการขยายกิจการ ทั้งในส่วนของโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ และโครงการบ้านเดี่ยวพร้อมอยู่ที่จะขยายลงสู่ระดับกลางมากขึ้น โดยโครงการใหม่ๆ อีก 6 โครงการที่จะเริ่มทยอยเปิดตัวตั้งแต่กลางปีนี้เป็นต้นไป ทั้งนี้ทางบริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะลดสัดส่วนหนี้สินต่อทุน ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับประมาณ 1 ต่อ 1.76 ให้ลดลงเหลือระดับที่ต่ำกว่า 1 ต่อ 1 ภายในสิ้นปี 2548 เพื่อเป็นการรักษาระเบียบวินัยทางการเงิน รวมถึงเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจให้มีศักยภาพยิ่งขึ้นด้วย

นายวันจักร์ บุรณศิริ กรรมการบริษัทฯ ได้ระบุในเอกสารที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯว่า บริษัท แอลจีอาร์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นบริษัทในเครือของกองทุนฯเป็นผู้ซื้อหุ้นสามัญของบริษัท รีชชี่ โฮลดิ้งฯ จำนวน 7 ล้านหุ้น ซึ่งถือเป็นรายการที่คำนวณขนาดของรายการตามเกณฑ์ที่กำหนด พบว่ามีขนาดของรายการสูงสุดเท่ากับ 9.08% ซึ่งการขายหุ้นครั้งนี้ บริษัทฯจะได้รับเป็นเงินสดจำนวน 1,098.543 ล้านบาท หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 156.9348 บาทต่อหุ้น โดยราคาดังกล่าวอาจมีการปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงเท่ากับผลต่างระหว่าง คือมูลค่าสินทรัพย์รวมหักด้วยมูลค่าของหนี้สินรวมของริชชี่ (Net Assets) ตามงบดุลตรวจสอบ ณ วันที่ทำการโอนหุ้น

ส่วนเกณฑ์ที่ใช้กำหนดมูลค่าสิ่งตอบแทน นายวันจักร์กล่าวว่า การกำหนดมูลค่ามาจากมูลค่าหุ้นตามบัญชีของริชชี่ตามงบการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2547 จำนวน 642.978 ล้านบาท ปรับปรุงด้วยการบวกเพิ่มส่วนต่างระหว่างราคาของที่ดิน และอาคารโรงแรมโซฟิเทล สีลม กรุงเทพฯ รวมเครื่องตกแต่งและอุปกรณ์ที่ผู้ซื้อตกลงซื้อกับ บริษัทฯ จำนวน 2,443.248 ล้านบาท, 2. มูลค่าของที่ดินและอาคารโรงแรมโซฟิเทล สีลม กรุงเทพฯ รวมเครื่องตกแต่งและอุปกรณ์ตามงบดุลตรวจสอบของริชชี่ จำนวน 1,987.682 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับ 455.565 ล้านบาทแล้ว ทำให้ได้มูลค่าสิ่งตอบแทน ที่ 1,098.543 ล้านบาท หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 156.9348 บาทต่อหุ้น ขณะที่มูลค่าของสินทรัพย์ ที่จำหน่ายไป ได้แก่ หุ้นสามัญจำนวน 7 ล้านหุ้นของริชชี่ มีมูลค่าหุ้นตามบัญชี ตามงบการเงิน ตรวจสอบ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2547 เท่ากับ 642.978 ล้านบาท หรือเท่ากับมูลค่าประมาณหุ้นละ 91.85 บาท

เล็งซื้อกิจการอสังหาฯในไทยอีกเพียบ

นาย Andrew Heithersay ในฐานะ National Director ของ LaSalle Investment Management กล่าวว่า การลงทุนในธุรกิจโรงแรมโซฟิเทล สีลม นับเป็นการลงทุนขนาดใหญ่เป็นครั้งที่สองในประเทศไทย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศไทยมีความน่าสนใจและตอบสนองต่อการลงทุนค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตามการลงทุนซื้อกิจการโรงแรมโซฟิเทล สีลม ในครั้งนี้ ถือว่ากลุ่ม Accor เป็นพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกัน ดังนั้นจึงไม่มีการเปลี่ยนแปลงในด้านการบริหารงานภายในของโรงแรม โซฟิเทล สีลม แต่อย่างใด

นาย Michael Issenberg กรรมการผู้จัดการ Accor Asia Pacific กล่าวเพิ่มเติมว่า โรงแรม โซฟิเทล สีลม ถือได้ว่าเป็นโรงแรมที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง รวมถึงเป็นผู้นำของกลุ่มธุรกิจประเภท โรงแรมชั้นนำในกรุงเทพฯ ซึ่งการขยายฐานการลงทุน ในธุรกิจโรงแรมในครั้งนี้ นับเป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจ สำคัญที่กลุ่ม Accor ในประเทศไทยได้กำหนดแผนการขยายฐานการพัฒนาธุรกิจในประเทศไทยให้กว้างขวางยิ่งขึ้น