"ขุนคลังสมคิด" สั่งลุย! กระทรวงการคลังเซ็นสัญญาซื้อขายหุ้นทีพีไอกับพันธมิตรใหม่นำโดย ปตท. กบข. ออมสิน วายุภักษ์ 1 วันนี้ หลังจากหารือรอบสุดท้ายสรุปเดินหน้าตามแผนเดิม ท่ามกลาง "ประชัย" ต้านแผนขายหุ้นเสนอศาลดึงซิติกเสียบแทน "ขุนคลัง" เผยพร้อมปฏิบัติตามคำสั่งศาลล้มละลายกลาง ยอมรับปฏิเสธ ธ.ซิติกจากจีนไปแล้ว แจงมีหลายแห่งสนใจ แต่ขอไว้โอกาสหน้ามาใหม่ ระบุต้องการทำตามแผนฯก่อน ด้านนักวิเคราะห์หุ้นค่ายพัฒนสิน-เกียรตินาคิน ประสานเสียง กังวลกลุ่มประชัยต้านแผนขายหุ้นแต่เชื่อแค่ช่วงสั้น ระบุยังประเมินพื้นฐานไม่ได้รอชัดเจนการเข้ามาของพันธมิตร และการชำระหนี้ส่วน "ทีเอสอีซี" รอกลุ่มใหม่บริหารชัดเจนก่อน

วันนี้ (1 มิ.ย.) เวลา 09.00 น. กระทรวงการคลังจัดให้มีพิธีลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นของบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทีพีไอ กับพันธมิตรร่วมทุนต่างๆ ประกอบด้วย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ธนาคารออมสิน และกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธี

ท่ามกลางศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ผู้ถือหุ้นเดิมและพันธมิตรใหม่จากจีนนำเงินมาวางเพื่อชำระหนี้ ยังเป็นคำถามว่าจะส่งผลต่อการลงนามซื้อขายหุ้นทีพีไอครั้งนี้หรือไม่

เซ็นสัญญาวันนี้

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า แน่นอนแล้วการลงนามหรือเซ็นสัญญาซื้อขายหุ้นคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะกระทรวงการคลังผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอ กับผู้ที่เกี่ยวข้องได้มีการพูดคุยกันเรียบร้อยกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแล้ววานนี้ ยืนยันเดินหน้าตามแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอต่อไป

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า หลังจากลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นทีพีไอ ในวันนี้หากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงใดๆ กระทรวงการคลังก็พร้อมรับฟังและปฏิบัติตามคำสั่งของศาล แต่ ณ ขณะนี้ศาลล้มละลายกลางยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งในการให้กระทรวงการคลังเป็นผู้เข้าไปดูแลทีพีไอ ดังนั้นกระทรวงการคลังจะเดินหน้าตามแผนฟื้นฟูกิจการต่อไป

สำหรับ ธนาคารซิติก ซึ่งเป็นสถาบันการลงทุนของประเทศจีนนั้น ได้แสดงเจตจำนงขอเป็นพันธมิตรร่วมทุนเข้ามาจริง แต่ได้ปฏิเสธไปเรียบร้อยแล้ว โดยอธิบายว่า ในช่วงแรกนี้ขอให้แผนการหาพันธมิตรร่วมทุนเป็นไปตามแผนที่ดำเนินการมาก่อน หากสนใจจำเป็นต้องรอในช่วงต่อไป

"ซิติกเข้ามาพบผม ซึ่งผมก็ได้ขอบคุณเขา และก็บอกว่ามีหลายแห่งที่แสดงความสนใจ แต่ตอนนี้เราขอเดินตามแผนงานที่ดำเนินการมาก่อน และขอเป็นโอกาสข้างหน้า แต่ก็ขึ้นอยู่กับเขาว่าจะคิดอย่างไร" นายสมคิดกล่าว

ส่วนธนาคารมิซูโฮ ของญี่ปุ่นนั้น ได้ติดต่อผ่าน นายอุตตมะ สาวนายน ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และได้ปฏิเสธไปแล้วว่า จะไม่มีการเข้ามาร่วมลงทุนในทีพีไอ

ด้านรายงานข่าวจากบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือทีพีไอ แจ้งว่า ในวันนี้ (1 มิ.ย.) กลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยของทีพีไอจะเดินทางมาประท้วงและเรียกร้องความเป็นธรรมและคัดค้านการลงนามซื้อขายหุ้นทีพีไอที่กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง

ระยะสั้นกังวล "ประชัย" ต้าน

ขณะที่ราคาหุ้นทีพีไอ วานนี้เปิดตลาดที่ระดับ 14 บาท จากนั้นแก่วงตัวลดลงอยู่ในแดนลบไปต่ำสุดที่ 13.30 บาท ก่อนจะมีการไล่ราคาขึ้นในครึ่งชั่วโมงสุดท้ายของการซื้อขาย ดันราคาปิดที่ 14.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท หรือคิดเป็น 2.86% มูลค่าการซื้อขาย 2,341.2 ล้านบาท อย่างไรก็ดี การเสนอดึงกลุ่มซิติกเข้ามาเป็นพันธมิตรของนายประชัย แม้จะไม่ทำให้การลงนามซื้อขายหุ้นทีพีไอชะลอออกไป แต่ก็เป็นสิ่งที่นักวิเคราะห์ไม่อาจมองข้ามความพยายามต่อต้านจากกลุ่มนายประชัย

นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล. พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเซ็นสัญญาที่จะเกิดขึ้นในวันนี้เพื่อหาพันธมิตรกับทีพีไอจะส่งผลดีต่อบริษัทเนื่องจากความรวดเร็วในการจัดการเรื่องการบริหารงานของบริษัทจะมีมากขึ้น แม้ว่าในระยะสั้นอาจจะได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับการคัดค้านจากกลุ่มผู้บริหารแผนกลุ่มเดิม

ทั้งนี้ ราคาหุ้นในปัจจุบันยังคงประเมินราคาพื้นฐานได้ยาก คงต้องรอให้มีความชัดเจนเกี่ยวกับกลุ่มพันธมิตรที่จะเข้ามาร่วมทำธุรกิจก่อน ซึ่งในส่วนของบริษัท ปตท.และ กบข. หลายฝ่ายรับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัททั้ง 2 แห่งเป็นอย่างดี ขณะที่กลุ่มพันธมิตรจากประเทศจีน นักวิเคราะห์ยังไม่มีข้อมูลเพื่อนำมาพิจารณาราคาพื้นฐานของบริษัททำให้ยังไม่สามารถกำหนดราคาที่เหมาะสมในตอนนี้ได้

"ยังประเมินราคาพื้นฐานในตอนนี้ไม่ได้ เพราะยังไม่มีความชัดเจนมากนักเกี่ยวกับพันธมิตรใหม่ที่จะเข้ามา คงต้องรอดูความชัดเจนอีกทีจึงจะมีการประเมินราคาพื้นฐานอีกครั้ง" นายสุกิจกล่าว

นางสาววิริยา ลาภพรหมรัตน์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน จำกัด กล่าวว่า การปรับขึ้นของราคาหุ้นบริษัททีพีไอ ที่ปรับขึ้นมาจากระดับ 9 บาทไปที่ 15 บาทในช่วงที่ผ่านมา เกิดขึ้นจากความชัดเจนเกี่ยวกับการเข้ามาบริหารงานของผู้บริหารแผนที่กระทรวงการคลังแต่งตั้งขึ้น

โดยเรื่องที่นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อดีตผู้บริหารแผนบริษัททีพีไอ ออกมาคัดค้านการขายหุ้นให้บริษัท ปตท.และ กบข. อาจจะทำให้ราคาหุ้นของทีพีไอแกว่งตัวในแดนลบ เนื่องจากต้องรอดูความชัดเจนเกี่ยวกับการหาเงินเพื่อมาชำระหนี้ต่อไป

นายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทีเอสอีซี กล่าวว่า การเซ็นสัญญาเพื่อซื้อขายหุ้นทีพีไอกับพันธมิตรในวันนี้ เชื่อว่าโดยภาพรวมของมูลค่าซื้อขายหุ้นของทีพีไอจะยังคงอยู่ในเกณฑ์ปกติ เนื่องจากนักลงทุนรับทราบมาก่อนหน้าแล้ว โดยเรื่องของการเสนอจ่ายหนี้สินของทีพีไอจำนวน 2,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้ศาลล้มละลายกลาง โดยนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อดีตผู้บริหารแผนบริษัททีพีไอ คงไม่ส่งผลกระทบต่อจิตวิทยาของนักลงทุนในระยะเวลาอันใกล้เพราะต้องใช้เวลาพอสมควรเพื่อรอความชัดเจน

ทั้งนี้หุ้นทีพีไอเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานอยู่ในระดับที่ดี แต่ยังมีปัญหาเรื่องการเข้าบริหารที่ยังไม่สามารถหาข้อสรุปที่ชัดเจนได้ แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าบริษัททีพีไอจะสามารถดำเนินธุรกิจได้ต่อในอนาคตกลยุทธ์การลงทุนแนะนำซื้อเพื่อเก็งกำไร

นักวิเคราะห์อีกรายกล่าวว่า ปัจจุบันราคาพื้นฐานของบริษัททีพีไอ อยู่ที่ระดับ 10 บาทกว่าต่อหุ้น ซึ่งมีบริษัทหลักทรัพย์บางแห่งประเมินราคาพื้นฐานใน ระดับ 14-15 บาทต่อหุ้น ซึ่งราคาที่ต่างกันส่วนหนึ่ง เกิดจากการนำประเด็นการหาพันธมิตรที่จะเข้ามาร่วมทุนในมุมที่ต่างกันจึงส่งผลต่อราคาที่ไม่เหมือนกัน