เมื่อ 10 ปีก่อนหากเอ่ยชื่อไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้จัดการบริษัทแกรมมี่
เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด หรือผู้ก่อตั้งค่ายแกรมมี่ขึ้นมา จะมีคนอยู่เพียงบางกลุ่มเท่านั้นที่รู้จักเขาเป็นอย่างดี
แต่หากเอ่ยชื่อค่ายแกรมมี่ บรรดาศิลปินในสังกัดมีใครเป็นใครบ้าง ทุกคนทุกวงการมักจะรู้หมดว่ามีชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไร
แต่ในวันนี้ ชื่อของไพบูลย์ เริ่มเป็นที่รู้จักแพร่หลายกันมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นวงสังคมนักการตลาดด้วยกัน
วงการธุรกิจเทปเพลง วงการสื่อสารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์วิทยุและหนังสือพิมพ์หรือแม้แต่ประชาชนทั่วไป
ย้อนรอยอดีตของไพบูลย์ที่ผ่านมา ตั้งแต่เริ่มสร้างวิถีชีวิตของคนทำงานมีประวัติที่น่าศึกษา
และมีประสบการณ์ที่ทำให้พบความสำเร็จได้ในปัจจุบัน ว่ากันว่าชีวิตลูกผู้ชายจะประสบความสำเร็จได้
ต้องมีคนหนุนหลัง 3 ประเภทคือ 1. เมีย 2. มิตร 3. ศัตรู ไพบูลย์มีครบทุกประเภท
ความสำเร็จในชีวิตจึงวิ่งมาหาเขาได้อย่างรวดเร็ว
ไพบูลย์เป็นคนเชื้อสายจีนมาแต่กำเนิด เตี่ยชื่อชิมเพียว แม่ชื่อตั้งสี
แซ่อึ้ง กิจการดั้งเดิมของต้นตระกูลคือร้านขายของชำ "ประภัสสรสโตร์"
อยู่ย่านประตูน้ำ เพราะความที่เป็นลูกชาวจีน การศึกษาของไพบูลย์ขั้นเริ่มต้นจึงหนีไม่พ้นโรงเรียนจีน
ไพบูลย์เรียนชั้นประถมที่โรงเรียนเผยอิง มัธยมปลายที่สวนกุหลาบ จบปริญญาตรีจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คณะนิเทศศาสตร์
หลังจบการศึกษาระดับปริญญาตรีในช่วงปี 2513 ก็เข้าทำงานทันทีที่บริษัทฟาร์อีสต์
แอดเวอร์ไทซิ่ง ซึ่งขณะนั้นเพิ่งเริ่มก่อตั้งเป็นเพียง INHOUSE AGENCY บริษัทในเครือของสหพัฒนพิบูล
ในตำแหน่งก้อปปี้ ไรเตอร์ อยู่ในตำแหน่งนี้ได้ 6 เดือนก็ได้เลื่อนฐานะเป็นหัวหน้า
"ผมโชคดีที่ได้เป็นลูกน้องนายห้างเทียม โชควัฒนา เพราะนายห้างสอนงานให้หมดทุกอย่าง
ไม่ว่าจะเป็นงานฝ่ายผลิต งานขายและการตลาด นายห้างให้ผมเรียนรู้หมด สหพัฒนฯ
จึงเป็นเสมือนโรงเรียนอีกแห่งหนึ่งในชีวิตการทำงานที่ให้ประสบการณ์ที่มีค่าแก่ผม"
คำพูดนี้ไพบูลย์จะเอ่ยถึงทุกครั้งที่มีการย้อนหลังถึงอดีตของเขา
ไพบูลย์ทำงานอยู่ฟาร์อีสต์ 7 ปี พร้อมๆ กับทำงานไซด์ไลน์สนองอารมณ์ตนเองไปด้วยคือ
การทำหนังสือ แต่ความฝันของไพบูลย์ไม่ได้หยุดอยู่ที่งานโฆษณาและการทำหนังสือเท่านั้น
ด้านการตลาดก็เป็นอีกแขนงหนึ่ง ที่เขาต้องการที่จะกระโดดเข้าไปพิสูจน์ความสามารถของตนเอง
จึงลาออกจากการเป็นลูกน้องนายห้างเทียม เพื่อเข้ามาอยู่ใต้ร่มเงาของโอสถสภา
นั่นคือจุดกำเนิดนักการตลาด ผู้ก่อตั้งและบุกเบิกบริษัทพรีเมียร์มาร์เก็ตติ้ง
บริษัทการตลาดในเครือโอสถสภา (เต็กเฮงหยู) ในปี 2520
กร๊าฟชีวิตของคนมักจะไม่พุ่งทะยานสูงขึ้นตลอดไป เพราะหากเส้นชีวิตพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ จุดสิ้นสุดก็คงเป็นบัลลังก์เมฆและทุกคนก็คงจะไปอยู่ในจุดนั้นกันหมด เช่นเดียวกันไพบูลย์ทำงานมา
7 ปีพบกับความสำเร็จในหน้าที่การงานของตนในสายโฆษณา และสะใจในการทำหนังสือมาตลอด
ถึงคราวที่เขาได้มาทำการตลาดดังฝัน
งานนี้จึงไม่ง่ายอย่างที่คิด!!!
ดั๊ฟฟี่ โจ๊ก ขนมปังกล่องเป็นสินค้าตัวแรกที่ไพบูลย์จับมาทำตลาดจัดจำหน่ายในนามพรีเมียร์ฯ
การวางสินค้าตัวแรกของไพบูลย์ใช้แผนการตลาดตามทฤษฎีคือ อัดโฆษณา ทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย
ผลออกมาคือ เจ๊งไม่เป็นท่า
สินค้าตัวที่ 2 คือน้ำส้มสายชู อสร. ขององค์การอาหารสำเร็จรูปในสังกัดกระทรวงกลาโหม
น้ำส้มสายชู อสร. พลิกโฉมไพบูลย์ได้สำเร็จ คราวนี้เขาใช้การตลาดตามทฤษฎีอีกเช่นกันคือสินค้าต้องเป็น
MASS PRODUCT การโฆษณาและการทำตลาดจึงจะคุ้ม อสร. จึงผลิตสินค้าเพิ่ม ร้านค้าเข้าคิวรอซื้อน้ำส้มสายชู
อสร. ไปวางขาย ซึ่งเป็นความสำเร็จที่ไพบูลย์ไม่คาดคิด
จะว่าไปแล้วผลของความสำเร็จที่เกิดขึ้นได้นั้น นอกเหนือจากคุณภาพของสินค้าแล้ว
ยังเป็นเพราะเพื่อน ช่วงที่ไพบูลย์ทำหนังสือ เขามีเพื่อนเป็นคอลัมนิสต์มากมาย
เมื่อเขาต้องการขายน้ำส้ม อสร. ซึ่งเป็นน้ำส้มสายชูแท้ไม่มีการเติมกรด เขาก็ได้เพื่อนคอลัมนิสต์นี่แหละ
ช่วยกันประโคมข่าวถึงประโยชน์ของน้ำส้มสายชูแท้ และพิษภัยที่จะได้รับจากน้ำส้มที่ใช้กรดน้ำส้มผสม
อสร. จึงขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
จึงไม่ผิดหากจะกล่าวว่า ข้อต่อของความสำเร็จในช่วงแรกในการเป็นนักการตลาดเพราะ
"มิตร" หนุนหลังจังหวะของความสำเร็จ ทำให้ไพบูลย์มันมือเริ่มขยายธุรกิจหาสินค้าเพิ่ม
สินค้าตัวที่ 3 ที่ได้มาพร้อมๆ กับได้ "ลี เม" สาวชาวไต้หวันมาเป็นภรรยา
สินค้าตัวใหม่นี้คือ "ปลาเส้นทาโร่"
อย่างไรก็ตามชีวิตมักไม่ได้อยู่บนถนนสายความสำเร็จเสมอไป ไพบูลย์จึงลาจากพรีเมียร์มาด้วยรอยยิ้มเปื้อนหน้าน้ำตาตกใน
จะว่าไปแล้วแม้ไพบูลย์จะผิดหวังจากการเป็นนักการตลาดไม่ได้ดังคิด แต่เขาก็โชคดีที่ได้
เรวัต พุทธินันท์ จากการแนะนำของบุษบา ดาวเรืองมือขวาคู่ใจของเขา ซึ่งทั้งเขาและเรวัติต่างเข้าใจแนวคิดการทำธุรกิจบันเทิงเหมือนกันว่า
คุณภาพ ศิลปะและการตลาดต้องไปด้วยกัน ทั้ง 2 คนจึงจับมือร่วมกับลูกน้องที่ติดสอยห้อยตามกันมาแต่แรกคือ
บุษบา ดาวเรือง กิตติศักดิ์ ช่วงอรุณ จัดตั้งค่ายเพลงภายใต้ชื่อ "แกรมมี่"
ช่วยกันสร้างศิลปินและผลงานเพลงให้โดดเด่น แถมในวงการให้การยอมรับว่าแกรมมี่เป็นผู้พลิกแนวเพลงของวงการอีกด้วย
นอกจากการเป็นผู้พลิกแนวเพลงแล้ว เขายังเป็นผู้พลิกประวัติศาสตร์วงการค้าเทปอีกด้วย
นั่นคือการเปิดบริษัทจัดจำหน่ายเทปเพลงของตนเอง โดยไม่หวังพึ่งยี่ปั๊วรายใหญ่
จนเป็นเหตุให้เกิดศัตรูในวงการ เพราะรายได้ของยี่ปั๊วรายใหญ่ๆ ที่เคยทำตลาดให้แกรมมี่
ต้องหดหายไป จึงเกิดการรวมตัวต่อต้านไพบูลย์กันขึ้นมาและขนานนามให้ว่า "ไพบูลย์ผู้โดดเดี่ยว"
ซึ่งไพบูลย์เองก็ยอมรับว่า เขาเป็นคนทำให้ตัวเองโดดเดี่ยว เพราะความโดดเดี่ยวของเขามันดีกว่าคบกับคนที่พูดกันไม่รู้เรื่อง
เพราะเหตุฉะนี้ไพบูลย์จึงเป็นคนมีเพื่อนน้อย เพราะการเลือกคบคนของเขานั่นเอง
ณ วันนี้ไพบูลย์อายุ 45 ปี บางคนวัยนี้เป็นเพียงแค่เริ่มต้นมีหลักฐานที่มั่นคง
แต่ไพบูลย์มีหลักฐานที่มั่นคงมานานแล้ว แถมมีคนหนุนหลัง 3 ประเภทพร้อมคือ
เมีย มิตร และศัตรู เพราะเหตุนี้กระมังชีวิตเขาถึงประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว