นั่นเป็นคำกล่าวของ ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการบริษัทแกรมมี่เอ็นเตอร์เทนเม้นท์
จำกัด (มหาชน) ที่เคยได้กล่าวไว้เมื่อปีที่ผ่านมากับกลุ่มสื่อมวลชนในงานแถลงข่าวครั้งหนึ่งของแกรมมี่ฯ
ว่า เมื่อบริษัทมีความแข็งแรงและมั่นคงจนถึงระดับที่น่าพอใจแล้ว
"เมื่อวันนั้นแกรมมี่ก็จะทำอะไรเพื่อสังคมบ้าง โดยเฉพาะเรื่องสิ่งแวดล้อม
ปัญหาสังคมและเรื่องยาเสพย์ติด ซึ่งตอนนี้มันแย่ลงทุกที ลูกหลานเรายังต้องอยู่ที่นี่ไปอีกนาน
ถึงเวลาที่จะต้องช่วยกันคนละไม้ละมือแล้ว ไม่ใช่หน้าที่ของใครหรือองค์กรใดองค์กรหนึ่งอย่างเดียวอีกแล้ว"
ไพบูลย์ เล่าว่าก่อนหน้านี้เขาเคยได้คุยกับแสงชัย สุนทรวัฒน์ ไว้ว่าจะทำเรื่องยาเสพย์ติด
โดยเริ่มจากให้เข้าไปสอดแทรกในรายการเพลงของเครือแกรมมี่ก่อน ซึ่งจะส่งเสริมให้ป้องกันเรื่องยาเสพย์ติดกันได้อย่างไร
แล้วอาจจะไปขอความร่วมมือกับองค์กรอื่น ที่เขามีความประสงค์ไปในทิศทางเดียวกับที่เราตั้งไว้
เช่นการไปขอเบอร์จากเทเลคอมเอเชียแล้วแกรมมี่เป็นคนสนับสนุนเรื่องเงิน ตั้งเป็นคณะทำงาน
24 ชั่วโมงรับร้องทุกข์ให้คำปรึกษาต่างๆ เป็น DRUG LINE จนกระทั่งมีหมอจิตวิทยามาให้คำแนะนำเรื่องของการบำบัดรักษา
แต่ท่านมาเสียชีวิตไปก่อน
ซึ่งผู้ใหญ่หลายท่านทราบเรื่องก็เห็นด้วยเช่น พลเอกแป้ง มาลากุล ที่ชอบแนวความคิดนี้มากช่วยสนับสนุนให้เกิดให้ได้
และขณะนี้ก็เกิดโครงการในลักษณะแบบนี้ขึ้นแล้วภายใต้ชื่อโครงการว่า JUST
SAY NO! ซึ่งมีทรงวิทย์ จิรโศภินเป็นคนดำเนินการ และจะมีโครงการอะไรที่เป็นประโยชน์แบบนี้เกิดขึ้นมาอีกหลายโครงการ
ไพบูลย์ บอกว่าหลังจากที่เขาแสดงเจตนารมณ์นี้ออกมาต่อสาธารณชน ก็มีคำถามตามมาว่าทำเพื่อภาพพจน์ของบริษัทเองมากกว่าคือเป็น
SOFTSALE หรือว่าจะตั้งใจช่วยสังคมจริงๆ "ผมตอบได้เลยว่าทั้งสองอย่าง"
ไพบูลย์กล่าว
"ผมไม่อยากเสแสร้งครับ ผมต้องการทั้งสองอย่างแต่ทุกอย่างต้องชัดเจน
คือเพื่อภาพพจน์ของบริษัทด้วย มันเป็นแบบ CORPORATE IMAGE เราทำอย่างนี้เพราะเกี่ยวพันกับมหาชนหรือ
MASS เราควรจะทำอะไรเพื่อสังคมให้เขามีความรู้สึกที่ดีกับเรา แต่อีกส่วนหนึ่งก็เพื่อบริษัทและเรารู้ตัวอยู่ว่าจะทำอะไร
ผมนิยมชมชอบที่ไทยรัฐทำโรงเรียนไทยรัฐวิทยามาก ตรงนั้นเขาชัดเจนคือทั้งภาพพจน์และก็บุญกุศลจริงๆ ผมพยายามทำให้ได้อย่างนั้น" ไพบูลย์กล่าวถึงความตั้งใจของเขา
ในที่สุดแกรมมี่ฯ ก็ได้ตั้งหน่วยงานใหม่ขึ้นมาเพื่อรับผิดชอบงานทางด้านนี้
โดยเฉพาะตามความตั้งใจดั้งเดิมของไพบูลย์ โดยใช้ชื่อบริษัทแกรมมี่ โซเชี่ยลวิชั่น
มีทรงวิทย์ จิรโศภินเป็นพ่องาน ทรงวิทย์ได้เล่าถึงปฐมเหตุในการทำงานด้านกิจกรรมสังคมว่า
"คือเป็นความตั้งใจของไพบูลย์อยู่แล้วส่วนหนึ่งที่ท่านเห็นว่าเราอยู่ในศักยภาพที่ทำได้
ก่อนหน้านี้เราก็ทำของเราอยู่แล้ว แต่ยังไม่ชัดเจนอย่างนี้ เช่นทำรายการสารคดีสั้นเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
เช่น โลกสวยด้วยมือเรา ซึ่งก็ได้รับความสนใจดีและได้รับรางวัลต่างๆ ทางด้านสิ่งแวดล้อมอยู่บ่อยๆ บางทีก็มีหน่วยงานรัฐมาขอให้ช่วยทำบ้างเป็นครั้งคราว ก็เลยเห็นว่ามันน่าสนใจ
ทุกคนควรจะตื่นตัวในเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อมและปัญหาสังคมกันได้แล้ว จึงตั้งเป็นหน่วยงานที่เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมารับผิดชอบโดยตรงเลยดีกว่า"
ทรงวิทย์เล่าว่าประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการได้ให้นโยบายไว้กว้างๆ ว่าแต่ละโครงการที่ทำขอให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมและส่วนรวมไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
และให้เป็นองค์กรที่ไม่ได้มุ่งแสวงหาผลกำไรเป็นหลัก กล่าวคือขอให้เป็นองค์กรเล็กๆ ที่ไม่ต้องใหญ่โตมาก มีทีมงานประมาณ 20 คนและยืนได้ด้วยขาของตนเอง ขาดเหลืออะไรทางผู้ใหญ่ก็จะช่วยสนับสนุนบ้างตามความเหมาะสม
"ก็อยู่กันเหมือนพี่เหมือนน้อง ดูแลกันทั่วถึงและสามารถเลี้ยงตัวเองได้
ไม่เป็นภาระขององค์กรเท่านั้นพอแล้ว คือรายรับกับรายจ่ายสมดุลยกันก็เป็นสิ่งที่เราพอใจแล้ว
ซึ่งผมเห็นว่าน่าจะเป็นโครงการที่มีอนาคต อยู่ไปได้เรื่อยๆ ไม่หวือหวามากนัก"
ไพบูลย์ได้ยกตัวอย่างถึงโครงการปลดโซ่ช้างให้ฟังว่า นั่นเป็นความคิดของเขาโดยมีแรงบันดาลใจจากการที่พาลูกไปเที่ยวเขาดิน
แล้วรู้สึกตกใจมากที่เขาดินตอนที่ตนยังเป็นเด็กเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว กับเขาดินวันนี้ยังเหมือนเดิมไม่มีอะไรใหม่ในทางที่ดีขึ้นเลย
ช้างเคยถูกล่ามโซ่อย่างไร ก็ยังถูกล่ามอยู่ ก็เลยเสนอตัวเข้าไปสร้างทับช้าง
เพื่อให้ช้างมีบ้านอยู่ไม่ต้องไปถูกล่ามโซ่อีก ผู้ใหญ่หลายท่านก็เห็นด้วย
เอกชนอื่นๆ เขาก็สนใจกันซึ่งเป็นเรื่องที่ดี
"พลตรีเลิศรัตน์ รัตนวานิช ท่านเป็นประธานองค์การสวนสัตว์อยู่ ท่านบอกว่านี่ถ้าเอกชนให้ความสนใจแบบนี้
แล้วช่วยกันคนละไม้คนละมือตามกำลังความสามารถ ทุกอย่างจะดีขึ้นมากเพราะรัฐเองก็ไม่มีงบประมาณเพียงพอ
นอกจากเรื่องของช้างแล้ว เรื่องอื่นๆ ก็ยังมี เช่น กรงสัตว์ใหญ่อื่นๆ ที่กำลังทรุดโทรม
บริษัทห้างร้านไหนพอมีงบก็มาช่วยได้ สังคมจะสวยงามกว่านี้มาก"
สำหรับในส่วนของกิจกรรมสังคมนั้น ทรงวิทย์ได้อธิบายถึงโครงการที่เตรียมจะจัดทำทั้งหมดนั้นมีอยู่ทั้งสิ้น
6 โครงการ และบางโครงการก็ได้ดำเนินการไปบ้างแล้ว
คือ 1. โครงการ JUST SAY NO ซึ่งเป็นโครงการรณรงค์และสร้างภูมิคุ้มกันเยาวชนในเรื่องยาเสพย์ติด
2. โครงการภูมิปัญญาท้องถิ่น ซึ่งเป็นโครงการอนุรักษ์ทางด้านวัฒนธรรมที่กำลังใกล้จะหายสาบสูญไป
โดยเป็นพระราชดำริริเริ่มของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี และแกรมมี่ฯ
มาสานต่อเจตนารมณ์ของท่าน 3. โครงการกรุงเทพฯ เมืองสะอาด หรือ BANGKOK CLEAN
SOCIETY 4. โครงการฝุ่นและมลพิษ 5. โครงการโรคเอดส์ และ 6. โครงการในหลวงสอนเรา
ซึ่งเป็นโครงการเผยแพร่ให้ความรู้เกี่ยวกับโครงการ อันเนื่องมาจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว