|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"กลุ่มสามารถฯ" ทยอยงัดแลนด์แบงก์ของตระกูลออกพัฒนา พร้อมแบ่งการจัดสรรออกเป็น 2 บริษัท จัดสรรแนวราบใช้บริษัทวิไลลักษณ์ พร็อพเพอร์ตี้ ส่วนแนวสูงในเมืองปัดฝุ่นบริษัทเก่าในเครือ "วิเศษ สันทนาการ" พัฒนาแทน ปีนี้เตรียมเปิด 2 โครงการทั้งบ้านเดี่ยวและคอนโดฯ ย่านรัชโยธิน
นางสาวพรพิมล วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิไลลักษณ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ บริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดโครงการใหม่ภายใต้ชื่อ วิลล่า มาริสา พุทธมณฑล สาย 4 จำนวน 88 ยูนิต ระดับราคา 2.9-4 ล้านบาท บนเนื้อที่ 20 ไร่ แบ่งการพัฒนาออกเป็น 4 เฟส คาดว่าจะเปิดขายอย่างเป็นทางการได้ในไตรมาส 4 ของปีนี้ โดยจะเปิด 2 เฟสก่อน ขณะนี้มียอดขายแล้ว 8 ยูนิต
"โครงการนี้ถือว่าเราได้เปรียบคู่แข่ง เพราะมีต้นทุนที่ดินถูกจึงพัฒนาได้ในต้นทุนที่ต่ำกว่า และสามารถขายในราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่งในย่านนั้น ประมาณ 3 แสนบาท ถึง 1 ล้านบาท ถึงแม้ว่าโครงการ จะเข้าซอยไปอีก 1 กิโลเมตร แต่เราก็ได้ใส่ฟังก์ชันเข้าไปเยอะมาก เพื่อดึงดูดลูกค้า นอกจากนี้แม้ว่าจะไม่พัฒนาโครงการก็มีคนมาขอซื้อที่ดินเปล่าและให้กำไรถึง 15% แต่ไม่ขายเพราะเราได้วางแผนงาน และระบบต่างๆไว้หมดแล้วจึงต้องพัฒนาเอง" นางสาวพรพิมล กล่าว
สำหรับความคืบหน้ายอดขายโครงการบ้าน ณ อุทยาน ขณะนี้มียอดขายแล้ว 14 ยูนิต จากจำนวน 23 ยูนิต ในเฟสแรกที่เปิดขาย ซึ่งลูกค้าที่เข้ามาซื้อโครงการจะเป็นเจ้าของธุรกิจวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) นอกจากนี้บริษัทได้เปิดขายบ้านหน้าโครงการ มีการตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ที่พิเศษ ขนาดพื้นที่ประมาณ 200 ตร.ว. ในราคาขาย 42.9 ล้านบาท
ทั้งนี้โครงการดังกล่าว เดิมกำหนดให้มี 37 ยูนิต มูลค่าโครงการ 650 ล้านบาท แต่เนื่องจากลูกค้าต้องการเพิ่มขนาดที่ดิน จึงได้ลดเหลือ 33 ยูนิต อีกทั้งบริษัทได้นำกลยุทธ์การตกแต่งบ้านก่อนขาย ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ทำให้คาดว่ามูลค่าของโครงการจะเพิ่มขึ้นเป็น 750 ล้านบาท จากค่าตกแต่ง
ส่วนแผนพัฒนาโครงการจัดสรรในย่านถนนพุทธมณทลหรือย่านใกล้เคียงนั้น ขณะนี้ยังไม่รีบดำเนินการต่อ เนื่องจากที่ดินสะสมของบริษัทในย่านนี้ไม่มีแล้ว ดังนั้นต้องหาซื้อที่ดินแหล่งที่เหมาะก่อน นอกจากนี้ยังมองที่ดินในย่านอื่นๆ อีกด้วย แต่ต้องรอภาวะที่เหมาะสมอีกด้วย
นางสาวพรพิมล กล่าวว่า มีแนวคิดที่จะนำที่ดินที่มีศักยภาพของกลุ่มสามารถฯ และของครอบครัวที่ซื้อไว้ก่อนหน้านี้มาพัฒนา โดยแบ่งเป็นการจัดสรรแนวราบ และแนวสูง ซึ่งแนวราบได้มอบหมาย ให้บริษัทวิไลลักษณ์ พร็อพเพอร์ตี้ เป็นผู้ดำเนินการ ส่วนการพัฒนาในแนวสูง ได้ให้บริษัทวิเศษ สันทนาการ จำกัด เป็นผู้ดำเนินการ
โดยบริษัทวิเศษ สันทนาการนี้ได้เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ก่อนวิกฤตในช่วงปี 2537 มีทุนจดทะเบียนประมาณ 60 ล้านบาท มุ่งพัฒนาอาคารสำนักงานจำนวนหลายแห่ง รวมถึงอาคารซอฟต์แวร์ ปาร์ค และหลังจากนั้นก็ไม่ได้พัฒนาโครงการใหม่อีกเลย จนล่าสุดทิศทางของอสังหาริมทรัพย์ดีขึ้น จึงได้มีแนวคิดที่จะนำที่ดินของครอบครัวมาพัฒนา ซึ่งโครงการแรก ที่จะพัฒนานั้นเป็นโครงการคอนโดมิเนียม ย่านรัชโยธิน เยื้องกับอาคารเอสซีบีปาร์ค บนเนื้อที่ 2 ไร่ จำนวน 250 ยูนิต ขนาดยูนิตละ 30-70 ตร.ม.จำนวน 2 อาคาร สูงอาคารละ 8 ชั้น ราคาเริ่มต้น 40,000 ต่อตร.ม.หรือประมาณยูนิตละ 1.4 ล้านบาทขึ้นไป
นอกจากนี้ยังมีที่ดินในย่านรามอินทรา นิมิตรใหม่อีก 1 แปลง ขนาด 20-30 ไร่ ที่ดินในย่านแจ้งวัฒนะติดกับเมืองทองธานี จำนวน 7 ไร่ รวมถึงที่ดินใกล้กับสนามบิน ภูเก็ต แต่ขณะนี้ยังไม่มีแผนที่จะนำมาพัฒนา ต้องรอให้ภาวะของเศรษฐกิจดีกว่าที่เป็นอยู่ หรือทำเลนั้นๆ มีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งอสังหาฯใช้ระยะเวลาในการพัฒนานาน ต้องวางแผนล่วงหน้าเป็นปี พอมีภาวะไม่ดีมากระทบก็จะมีการชะลอตัว
"ที่ดินของแม่มีเยอะ ซื้อมานานตอนแรกก็มีราคาไม่แพง พอเวลาผ่านไป 4-5 ปี ทิศทางเริ่มเปลี่ยนมี ความเจริญมากขึ้น ทำเลย่านนั้นมีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น ทำให้ราคาที่ดินเพิ่มตาม" นางสาวพรพิมลกล่าว
|
|
|
|
|