|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ มิถุนายน 2548
|
|
เรื่องราวของ Dulwich International School (DIC) ที่ภูเก็ต ประเทศไทย มีบทเรียนที่น่าสนใจหลายมิติ ที่สำคัญมากมิติหนึ่ง ว่าด้วยความหมายของธุรกิจการศึกษา
ต้องยอมรับความจริงอย่างหนึ่งว่า การเกิดขึ้นอย่างครึกโครมที่สุดในโลกของโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทยในช่วงทศวรรษมานี้มาจากแรงบันดาลใจทางธุรกิจ
ที่สำคัญ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ และ Dulwich College สร้างประวัติการณ์หลายอย่างในฐานะผู้บุกเบิก ขณะเดียวกัน ต้องเผชิญปัญหาในฐานะผู้บุกเบิกที่มากกว่าผู้มาทีหลังมากมายนัก
ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ กับกลุ่มประสิทธิ์พัฒนา ถือว่ามีประสบการณ์ธุรกิจที่เกี่ยวกับสาธารณประโยชน์ในฐานะเจ้าของเครือข่ายโรงพยาบาลและมหาวิทยาลัยเอกชน น่าจะเป็นสูตรความสำเร็จที่ดีในการบุกเบิกลงทุนครั้งใหญ่จัดตั้งโรงเรียนนานาชาติแห่งใหม่ ในฐานะผู้นำขบวนเปิดเสรีการศึกษาระบบนี้ครั้งแรกในเมืองไทย
ว่าไปแล้วตอนนั้นก็มีการลงทุนครั้งใหญ่ของโรงเรียนนานาชาติในเมืองไทยในระยะก่อนหน้าและใกล้เคียงกันถึง 3 โครงการ รวมมูลค่านับพันล้านบาท การลงทุนย้ายที่ตั้งโรงเรียนออกไปชานเมืองของโรงเรียนนานาชาติชั้นนำที่มีอยู่เดิม และขยายรับนักเรียนอย่างเปิดกว้าง International School Bangkok (ISB) มาที่นนทบุรี Bangkok Patana School มาที่ ซอยลาซาล Ruamrudee International School มาที่มีนบุรี
ดร.อาทิตย์ประกันความเสี่ยงในฐานะผู้มาใหม่อย่างดี ด้วยการชักนำให้โรงเรียนชั้นนำของอังกฤษออกนอกประเทศครั้งแรก เลือกโรงเรียนที่มีความสัมพันธ์กับชนชั้นนำของไทยเสียด้วย (โดยเฉพาะอานันท์ ปันยารชุน ในฐานะทั้งคนที่ออกนโยบายเปิดเสรีโรงเรียนนานาชาติ และศิษย์เก่า Dulwich ด้วย) ประกอบกับกระแสของอังกฤษค่อยๆ กลับมาฟื้นฟูอีกครั้งในสังคมไทย หลังจากถอยร่นในช่วงสงครามเวียดนาม โดยเฉพาะ การเข้ามาลงทุนของบริษัทอังกฤษในประเทศไทยจากนั้นมา
การลงทุนที่ภูเก็ตที่ถือว่าเป็นเมืองนานาชาติ ก็น่าเป็นการตัดสินใจที่ฉลาด อีกทั้งเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของโรงเรียนในปีนังของมาเลเซีย ซึ่งคนไทยภาคใต้นิยมไปเรียนด้วย
ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ จึงคาดหวังความสำเร็จไว้มาก พร้อมๆ กับแรงกดดันด้วยเช่นเดียวกัน
ดูเหมือนแรงกดดันจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก มาจากความสำเร็จในเชิงธุรกิจของผู้มาทีหลังในฐานะคู่แข่ง
ISB ไม่เพียงมีความสำเร็จอย่างต่อเนื่องเท่านั้น ผลพวงนั้นได้สร้างโมเดลธุรกิจใหม่ขึ้น แม้ว่า ISB จะไม่ได้ประโยชน์โดยตรงก็ตาม โครงการที่อยู่อาศัย นิชดาธานี สร้างชุมชนต่างชาติขึ้น เป็นความสำเร็จของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ชักชวนให้ ISB ย้ายมาอยู่ในที่ของเขาได้ เป็นโมเดลธุรกิจแยกส่วนที่น่าสนใจ
โมเดลธุรกิจนี้ได้พัฒนาเป็นโมเดลที่ชัดเจนและสมบูรณ์ เมื่อ Harrow Asia เจ้าของแฟรนไชส์ Harrow School ในประเทศไทย ที่ใช้เวลาไม่นานนักในการสร้างโรงเรียนแห่งใหม่ในย่านดอนเมือง และประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว มีนักเรียนเข้าเรียนมากกว่า Dulwich ที่ภูเก็ต เท่านั้นยังไม่พอ เจ้าของโรงเรียนแห่งนี้ มีพื้นที่จัดเตรียมไว้ที่อยู่ในบริเวณโรงเรียนได้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยราคาแพงขึ้น เพื่อตอบสนองผู้ปกครอง เป็นการวางแผนที่เชื่อมโยงกันอย่างกลมกลืนและแนบเนียน เป็นผลสำเร็จทางธุรกิจโดยรวมที่เสริมมาจากโรงเรียนนานาชาติ
มีอีกโครงการหนึ่งที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว Shrewsbury International School ของชาลี โสภณพนิช ที่เข้ามาทดแทนพอดีกับฐานเดิมในย่านกลางเมืองของ Harrow ที่ย้ายออกมานอกเมือง เป็นความสำเร็จที่รวดเร็วที่สุดในฐานะโรงเรียนนานาชาติแห่งใหม่ ขณะเดียวกันชาลีก็เตรียมที่ดินใกล้ๆ ไว้จำนวนหนึ่ง เพื่อสร้างโครงการที่สนับสนุนกับโรงเรียนต่อไป
ภาพนี้สร้างแรงกดดันต่อผู้บุกเบิกอย่างมากทีเดียว
ไม่เพียงเท่านั้น หากพิจารณากันอย่างลึกแล้ว DIC เผชิญปัญหาทางธุรกิจหลายประการ ไม่เพียงเผชิญกับวิกฤติการณ์ในปี 2540 เท่านั้น หากมีปัญหาในตัวเองด้วย การลงทุนที่ค่อนข้างสูง ทั้งอาคาร สถานที่ และอาจารย์ การเติบโตของโรงเรียนในภูเก็ตช้ากว่าที่ควรจะเป็น การประเมินความเป็นเมืองนานาชาติที่มีเพียง ผู้คนผ่านไปมาในฐานะนักท่องเที่ยว คนละเรื่องกับคนเรียนโรงเรียนนานาชาติ สถานที่ตั้งของโรงเรียนอยู่กลางเกาะไม่สามารถจะสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ต่อเนื่องได้ เพราะที่ภูเก็ตบ้านพักราคาแพงมักอยู่ชายทะเล
ความจริงแล้วมองในระยะปานกลาง DIC มีอนาคตมากทีเดียว แต่เพราะ "ความคาดหวัง" และ "แรงกดดัน" ทั้งภายนอกและภายในดูมีอิทธิพลอย่างมาก
สุดท้ายเมื่อแรงปะทะระหว่างความเชื่อมั่นของธุรกิจครอบครัวไทยกับความอนุรักษนิยมที่มีค่าของโรงเรียนประจำอังกฤษเกิดขึ้น จึงกลายเป็นเรื่องที่รุนแรงกว่าที่ควรจะเป็น
|
|
|
|
|