Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มิถุนายน 2548








 
นิตยสารผู้จัดการ มิถุนายน 2548
บลจ.เพื่อสังคม             
โดย ปัณฑพ ตั้งศรีวงศ์
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารไทยธนาคาร

   
search resources

ธนาคารไทยธนาคาร, บมจ.
Funds
บีที, บลจ.




กองทุนลูกกตัญญู กองทุนสามีที่แสนดี และกองทุนธรรมาภิบาล กองทุนที่ชื่อไม่คุ้นหูเหล่านี้จะเป็นสินค้าที่ บลจ.บีที ใช้สร้างความแตกต่างและสะท้อนถึงคาแรกเตอร์ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนน้องใหม่แห่งนี้

การเปิดตัวบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บีที ในเครือไทยธนาคาร เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากทั้งสื่อมวลชนและผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งมากันพร้อมทั้งกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ วิเชฐ ตันติวานิช ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ใหม่ รวมทั้งพีรศิลป์ ศุภผลศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ไทยธนาคาร ทำให้พื้นที่บริเวณล็อบบี้ที่ใช้เป็นที่แถลงข่าวคับแคบไปถนัดใจ

"วันนี้เป็นวันดี เพราะนอกจากจะเป็นวันพืชมงคลแล้ว ยังเป็นวันครบรอบวันเกิด 105 ปี ของท่านปรีดี พนมยงค์ด้วย" ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ กรรมการผู้จัดการ บลจ.บีที ให้เหตุผลของการเลือกวันดังกล่าว เป็นวันเปิดตัวบริษัท

ถึงแม้จะเป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนน้องใหม่ในวงการ แต่ บลจ.บีที มีความสำคัญต่อไทยธนาคารไม่น้อย เพราะจะเป็นกลไกสำคัญในการสร้างรายได้จากค่าธรรมเนียม (fee based income) ให้กับไทยธนาคาร ตามแนวทางธนาคารครบวงจรที่ได้ประกาศเอาไว้ก่อนหน้านี้ รวมทั้งเป็นการให้ความสำคัญต่อธุรกิจจัดการกองทุนที่จะเติบโตมากในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากการเกิดขึ้นของสถาบันประกันเงินฝากซึ่งคาดกันว่าจะกระตุ้นให้เงินฝากในระบบกระจายออกมาสู่ธุรกิจกองทุนรวมมากขึ้น

"บลจ.บีที เป็นการต่อยอดธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ไทยธนาคารมีประสบการณ์ในธุรกิจนี้มานาน ปัจจุบันมีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการกว่า 24,000 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งตลาดติดหนึ่งในหกอันดับแรกในธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ" พีรศิลป์กล่าว

จากแผนงานที่วางไว้ บลจ.บีทีจะดำเนินธุรกิจกองทุนรวมก่อนและจะรับโอนย้ายธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและกองทุนส่วนบุคคลมาจากไทยธนาคารในช่วงกลางปีนี้ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีธุรกิจจัดการกองทุนครบทั้ง 3 ประเภท คือ กองทุนรวม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพและกองทุนส่วนบุคคล โดยคาดว่าภายในปีแรก จะมีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการเกือบ 50,000 ล้านบาท แบ่งเป็นกองทุนรวมไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 40,000 ล้านบาท และกองทุนส่วนบุคคลอีก 2,500-3,500 ล้านบาท นอกจากนี้ยังจะเพิ่มบริการที่ปรึกษาการลงทุนอีกด้วย

การแถลงข่าวในวันนั้นพยายามสื่อสารให้เห็นคาแรกเตอร์ของ บลจ.บีที ที่เน้นความโปร่งใส มีธรรมาภิบาลและให้ความสนใจกับสังคม ตั้งแต่การบริหารงาน การสร้างทีมงานไปจนถึงสินค้าที่จะออกมาให้นักลงทุนได้เลือกลงทุนในอนาคต อาทิ กองทุนลูกกตัญญู กองทุนสามีที่แสนดีและกองทุนธรรมาภิบาล เป็นต้น

กองทุนลูกกตัญญู จะเป็นกองทุนที่จับกลุ่มบุตรหลานที่ต้องดูแลค่าใช้จ่ายให้กับพ่อแม่เป็นประจำทุกเดือน โดยผลตอบแทนที่ได้จะจ่ายให้กับพ่อแม่ทุกๆ เดือน ส่วนกองทุนสามีที่แสนดีก็เช่นเดียวกัน เพียงแต่เปลี่ยนให้สามีเป็นผู้ลงทุนและภรรยาเป็นผู้รับผลประโยชน์ และกองทุนธรรมาภิบาลจะเป็นการลงทุนที่เน้นเฉพาะบริษัทที่มีธรรมาภิบาลที่ดีเท่านั้น

"ในอนาคตเราจะออกกองทุนเพื่อสังคม เป็นกองทุนที่ลงทุนแล้วนอกจากได้ผลตอบแทนดียังได้ความรู้สึกดีๆ จากการได้ทำในสิ่งที่ดีร่วมกัน กองทุนเหล่านี้จะสะท้อนบุคลิก ปรัชญาและอุดมการณ์ของบริษัทนี้" ดร.อนุสรณ์ขยายความ

สินค้าแรกที่ บลจ.บีทีเปิดตัวออกมาคือ กองทุนปิดไทยธรรมตราสารหนี้ 1 ขนาด 800 ล้านบาท อายุ 9 เดือน มีนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดี มีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยและเงินต้นสูง โดยเน้นลงทุนในตราสารที่มีอายุใกล้เคียงกับอายุกองทุน สาเหตุที่เปิดตัวสินค้าแรกเป็นกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น เนื่องจากปัจจุบันเป็นช่วงแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น การลงทุนในระยะสั้นจะทำให้ผู้ลงทุนไม่เสียโอกาสในการลงทุนในอนาคต หากผลตอบแทนในตลาดปรับตัวสูงขึ้น โดยคาดว่ากองทุนนี้จะให้ผลตอบแทนกับผู้ลงทุนได้ประมาณ 2.8-3.25% ต่อปี

ภายในปีนี้ บลจ.บีที คาดว่าจะออกกองทุนอย่างน้อย 8 กอง ด้วยนโยบายการลงทุนหลากหลายทั้งกองทุนตราสารหนี้ กองทุนหุ้น กองทุน RMF และ LTF หลังจากนั้นจะทยอยออกกองทุนที่มีลักษณะเฉพาะ เพื่อเจาะตลาดเฉพาะกลุ่มมากขึ้น

สำหรับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเมื่อรับโอนจากไทยธนาคารมาแล้วจะยังคงนโยบายเดิม คือการเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างผลตอบแทนให้กับกองทุนที่บริหาร โดยไม่มีจุดมุ่งหมายในการเป็นผู้นำตลาดในด้านขนาดกองทุน สำหรับกลุ่มเป้าหมาย ยังคงเป็นทั้งรัฐวิสาหกิจและบริษัทเอกชน ทั้งที่เป็นกองทุนเดี่ยว สำหรับลูกค้าที่พร้อมจะตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเฉพาะของตนเอง หรือกองทุนร่วม สำหรับลูกค้าที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายหรือยังไม่มีความร้อมในการตั้งกองทุนเดี่ยว

นอกจากนี้ บลจ.บีทียังเตรียมศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งการลงทุนในรูปแบบ Employee's Choice เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและนโยบายของทางการอย่างสอดคล้องกันด้วย

ผู้บริหาร บลจ.บีทีมั่นใจว่า แม้จะเป็นบริษัทน้องใหม่ในอุตสาหกรรม แต่การมีไทยธนาคารหนุนหลังอยู่จะเอื้อประโยชน์ ทั้งในด้านฐานลูกค้าของธนาคารและช่องทางในการจำหน่ายหน่วยลงทุน รวมทั้งชื่อเสียงเดิมเมื่อครั้งเป็นหน่วยงานภายในของธนาคาร น่าจะช่วยให้บริษัทถึงจุดคุ้มทุน และทำกำไรได้ภายในเวลาเพียง 2 ปี   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us