Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มิถุนายน 2548








 
นิตยสารผู้จัดการ มิถุนายน 2548
Paul Krugman's Warning เศรษฐกิจโลกเครียด-ไม่สมดุล-ไร้ผู้นำ             
 


   
search resources

แมเนเจอร์มีเดีย กรุ๊ป, บมจ.
ไทยเดย์ ดอท คอม, บจก.
Economics
Paul Krugman




นับเป็นครั้งที่ 2 ที่ ศ.ดร.Paul Krugman เดินทางมาประเทศไทย แต่ครั้งนี้มาในฐานะแขกสำคัญของกลุ่ม นสพ.ผู้จัดการ และบริษัท ไทยเดย์ ด็อทคอม ซึ่งจิตตนาถ ลิ้มทองกุล CEO ดำริจัด Seminar Forum ระดับ Worldclass ในหัวข้อ 'Warning System : Positioning of Thailand & South East Asia" ในวันที่ 17-18 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

หากเริ่มจากบทเรียนวิกฤติการณ์การเงินที่เกิดขึ้นในเศรษฐกิจเอเชียระหว่างปี 2539-2540 ดร.ครุกแมนเล่าว่าตั้งแต่ปี 2538 เขาเห็นสัญญาณอันตรายจากตัวเลขความไม่สมดุลชัดเจน แต่การพังทลายมันร้ายแรงเกินกว่าที่คาดไว้ และผลกระทบรุนแรงก็ยังส่งผลถึงปัจจุบัน ที่เศรษฐกิจของบางประเทศยังไม่ฟื้นตัว และยังมี NPL อยู่

แต่ถึงกระนั้น นักเศรษฐศาสตร์ได้ทำโมเดลเศรษฐกิจเพื่อคาดการณ์อนาคต ก็พบว่าประเทศกำลังพัฒนายังไม่มีปัญหา แต่ถ้าเมื่อไรนำเอาโมเดลของสหรัฐฯ เข้ามาใส่ด้วย จะเห็นว่าสหรัฐฯ ตกอยู่ในปัญหาที่น่ากลัวมากคือ การขาดดุลทางการค้า 6% ของ GDP กับ 3 กลุ่มการค้ากับสหรัฐฯ คือ ญี่ปุ่น กลุ่มประเทศผลิตน้ำมัน และกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา (ASIA Emerging)

'ผมตำหนินโยบายการคลังของสหรัฐฯ เสมอ เพราะการขาดดุลการค้าหลายปีมานี้ของสหรัฐฯ ไม่น่าจะเดินต่อไปได้ และที่น่าสนใจคือเงินหายไปไหน ซึ่งบอกได้เลยว่า เงินหายไปในภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งตอนนี้มีราคาสูงเกินจริง 50% ที่ไม่ได้มาจากการสร้างของนักธุรกิจ แต่เป็นเรื่องซื้อขายของคนธรรมดาเหมือนขายหุ้น ซึ่งเป็นเรื่องน่ากลัวมากสำหรับฟองสบู่ครั้งนี้ และน่าแปลกที่เห็นอังกฤษก็มีฟองสบู่นี้เช่นกัน และมีเงินจากจีนไหลออกไปลงทุนซื้อตราสารหนี้สหรัฐฯ ทั้งๆ ที่ได้ดอกเบี้ย 0% ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์เราเห็นว่าเป็นการใช้เงินที่แปลกมาก เหมือนเราเห็นน้ำไหลขึ้นภูเขา แทนที่ประเทศพัฒนาจะนำเงินไปลงทุนในจีนที่มีค่าแรงถูกสูงขึ้น เรากลับเห็นเงินไหลออกจากประเทศจีนเพิ่มขึ้น ดังนั้นสิ่งที่นักเศรษฐศาสตร์กลัวคือว่า คราวนี้ไม่เหมือนเก่า เราไม่มีระบบ ไม่มีคนเก่งในรัฐบาลสหรัฐฯ และมองไปในระยะยาวโลกไร้ผู้นำที่แท้จริง"

อย่างไรก็ตาม วิกฤติโลกนี้จะเกิดขึ้นเมื่อไรนั้น ดร.Paul Krugman กล่าวว่าไม่รู้คล้ายๆ สึนามิเกิด แต่ภายใต้ความไม่สมดุล เครียดและเต็มไปด้วยแรงกดดันที่ทางสหรัฐฯ ให้จีนปรับค่าเงินหยวน และกดดันเรื่องโควตาส่งออกสิ่งทอ ฯลฯ มีคำถามว่า โลกจะทนรับไปได้นานแค่ไหน?

'เราอาจจะไม่มีเวลา 5 ปี ผมคิดว่าปัญหานี้จะทนอยู่ได้ไม่เกินสิ้นทศวรรษนี้ มันมาแน่นอน"

สำหรับคนต่างชาติที่เคยลิ้มลองอาหารไทยต้มยำกุ้งมาแล้ว ย่อมตระหนักดีว่า การสูญเสียความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจพริบตาเดียวที่เกิดวิกฤติ การณ์ทางการเงินในอดีตนั้นให้บทเรียนที่ไม่ควรซ้ำรอยประวัติศาสตร์อีกแล้ว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us