คณะกรรมการสรรหาฯ เสนอชื่อ "มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ" ดำรงตำแหน่ง ผอ. "อ.ส.ม.ท."
คนใหม่ คะแนนเป็นเอกฉันท์ ทิ้งห่างคู่แข่งอันดับ 2 ชี้จุดเด่นบริหารองค์กรขนาดใหญ่
ชำนาญด้านการประชาสัมพันธ์
คาดเข้าทำงานได้ 2 สัปดาห์หลังจากนี้ "สหภาพแรงงานฯ" เตรียมตรวจสอบผลงาน
6 เดือนแรก แนะเร่งแก้ไขปัญหาองค์กรแตกแยก สร้างบุคลากรด้านการผลิตงานทางทีวี
วิทยุ รับมาตรา 40
พัฒนางานข่าวที่เป็นจุดเด่นของ อ.ส.ม.ท.สู่ระดับสากล เร่งสร้างรายได้ และกำไร
เพื่อนำส่งภาครัฐ นายเรวัติ ฉ่ำเฉลิม ประธานคณะกรรมการองค์การสื่อสารมวล
ชนแห่งประเทศไทย(อ.ส.ม.ท.)
เปิดเผยว่า หลังจากนายสรจักร เกษม-สุวรรณ ได้ลาออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการ
อ.ส.ม.ท. ทาง อ.ส.ม.ท. จึงแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 2 ชุด คือ 1.คณะกรรมการสรรหา
โดยมี นายวิษณุ เครืองาม
เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเป็นประธาน 2. คณะกรรมการพิจารณาค่าจ้าง วานนี้(19
มิ.ย.) นายวิษณุ ได้ มาชี้แจงต่อคณะกรรมการฯ ว่ามี ผู้สมัครเข้ารับคัดเลือกเป็นผู้
อำนวยการอ.ส.ม.ท. 15 คน และได้
ถอนตัวไป 2 คน จากการพิจารณา ของคณะกรรมการสรรหาฯ ได้พิจารณาจากเอกสารและเชิญผู้รับคัดเลือกมาสัมภาษณ์ผลปรากฏ
ว่า ผู้ที่ได้คะแนนเป็นอันดับ 1 คือ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ
ซึ่งเป็นมติเอกฉันท์ของกรรมการสรรหาในการคัดเลือกครั้งนี้ โดยคณะ กรรมการฯ
ได้มีการสอบถามอย่าง ละเอียดถึงขั้นตอนในการพิจารณา และการให้คะแนน รศ.ธงทอง
จันทรางศุ
รักษาการผู้อำนวยการ องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ อ.ส.ม.ท. เปิดเผยว่าหลังจากคณะ
กรรมการสรรหาได้ตัดสินเลือกนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ แล้ว บอร์ดอ.ส.ม.ท.
ได้เรียกนายมิ่งขวัญเข้ามาพูดคุยเกี่ยวกับการทำ งานใน อ.ส.ม.ท. และเห็นชอบตาม
มติของคณะกรรม การสรรหา ในการเลือกนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ เป็น ผอ. อ.ส.ม.ท.
สำหรับจุดเด่นที่เห็นได้ชัดของนายมิ่งขวัญคือ มีประสบการณ์การทำงานในองค์กรบริหารขนาดใหญ่
มีประสบการณ์ในเรื่องของการประชาสัมพันธ์
การทำงานที่เกี่ยวข้องกับสื่อสารมวลชนมาเป็นเวลานาน รวมทั้งในการแสดงวิสัยทัศน์ที่เกี่ยวกับอ.ส.ม.ท.
ที่จะ สร้างบทบาทของอ.ส.ม.ท.ในวันข้างหน้าด้วยการนำภาพที่ดี
ความจริงของประเทศไทยที่เป็นส่วนสำคัญออกสู่สายตาชาวต่างประเทศ โดยเฉพาะสำนักข่าวไทยซึ่งมีส่วนสำคัญจะต้องเพิ่มประสิทธิภาพให้มากขึ้น
การตัดสินของคณะกรรมการสรรหา
เป็นเรื่องที่ทำอย่างตรงไปตรงมา ส่วนจะมีการลือไปว่าเป็น การล็อกตำแหน่งให้กับบุคคลหรือไม่
เป็นเรื่องที่ห้ามไม่ได้ ซึ่งผลการสรรหาของคณะกรรมการ
ปรากฏว่านายมิ่งขวัญเป็นคนเดียวที่ได้คะแนนแตกต่างจาก ผู้สมัครคนอื่นอย่างชัดเจน
สำหรับเกณฑ์ในการพิจารณาผู้อำนวยการ อ.ส.ม.ท. คณะกรรมการสรรหา วางหลักเกณฑ์ไว้
5 ข้อคือ 1.
ประวัติของผู้สมัคร 2. ความรู้และประสบการณ์ในการบริหาร 3. วิสัยทัศน์ด้านการสื่อสารมวลชน
4.บุคลิกภาพสภาวะความเป็นผู้นำ ความรับผิดชอบต่อสาธารณะ การกำหนด
ปัญหาและแนวทางการแก้ไขปัญหา และ 5. ความสามารถในการบริหารและปฏิบัติงานให้ได้ผล
(ความสามารถในการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ การเจรจาต่อ รอง สื่อมวลชนสัมพันธ์
และการนำวิสัยทัศน์ไปสู่การ ปฏิบัติ) ขั้นตอนต่อไปคือ การเจรจาเรื่องค่าตอบแทน
ซึ่งต้องขอความเห็นชอบจากกระทรวงการคลังในเรื่อง ของค่าตอบแทน การจัดทำสัญญาจ้างและการลงนาม
ในสัญญาจ้าง โดยผู้ที่ลงนามในนาม อ.ส.ม.ท. โดยขั้นตอนตรงนี้ขึ้นอยู่กับความเห็นชอบของกระทรวงการคลังในการพิจารณาสัญญาจ้าง
แต่คาดว่าคงไม่เกิน 2 สัปดาห์หลังจากนี้ ผู้อำนวยการ
อ.ส.ม.ท.คนใหม่คงเข้ามาทำงานได้ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ เกิดวันที่ 5 กุมภา-พันธ์
2495 อายุ 50ปี ปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรม การบริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์
ประเทศไทย จำกัด
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า ประเทศไทย จำกัด กรรมการและเลขานุการมูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย
จบการศึกษาปริญญาตรี นิติ-ศาสตร์บัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประกาศ-
นียบัตรหลักสูตรการพัฒนาผู้บริหารระดับสูง จาก The Wharton School of the
University of Pennsylvania ประเทศสหรัฐอเมริกา "มิ่งขวัญ"เปิดใจหลังประกาศผล
นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ
ผู้อำนวยการ อ.ส.ม.ท.คนใหม่ กล่าวให้สัมภาษณ์กับ"ผู้จัดการรายวัน"ทางโทรศัพท์ถึงวิสัยทัศน์ในการทำงานว่าองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย
นั้นความหมายว่ามวลชนหมายถึงประชาชนทั้งหมดของประเทศ ที่ต้องได้รับข้อมูลข่าวสารด้านสังคม
เศรษฐกิจ และการเมือง และอีกความหมายมวลชนหมายถึงสังคมโลก
ที่ต้องการให้อ.ส.ม.ท.ทำหน้าที่สื่อข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ รวมถึงภาพลักษณ์ของประเทศไทยออกไปสู่ชาวโลก
เพื่อให้ทราบถึงภาวะเศรษฐกิจ สังคม การเมืองรวมถึงความมั่นคง
เพื่อให้เกิดความมั่นใจมาลงทุนในประเทศ เช่น การมาท่องเที่ยว การลงทุน รวมทั้งการส่งออกสินค้า
ซึ่งหน่วยงานรัฐต้องมีการประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาคมโลกได้รับทราบข้อมูลตรงนี้
ในวันนี้ทางคณะกรรมการบริษัทโตโยต้าจะมีการประชุมบอร์ดกัน และนายมิ่งขวัญจะได้แจ้งผลการคัดเลือกให้บอร์ดโตโยต้ารับทราบ
หลังจากนั้นต้องขอเวลาเคลียร์งานในบริษัทสักระยะหนึ่งเนื่อง
จากเป็นองค์กรใหญ่จึงต้องใช้เวลาในการมอบหมายงานให้คนมารับช่วงต่อไป นายมิ่งขวัญ
กล่าวเปิดใจ สหภาพฯอ.ส.ม.ท.เตรียมตรวจสอบ นายยุทธพงศ์ วิชัยดิษฐ กรรมการ
สหภาพ
แรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (อ.ส.ม.ท.) เปิดเผยว่า
สหภาพฯจะมีการ ประเมินผลงานของผู้อำนวยการ อ.ส.ม.ท. คนใหม่ หลังจากทำงานได้
6
เดือนว่าเป็นไปตามที่ได้ประกาศ ไว้ตามวิสัยทัศน์ ที่ได้แสดงต่อคณะกรรมการสรรหา
หรือไม่ ที่ผ่านมาปัญหาที่เกิดขึ้นกับอ.ส.ม.ท. ที่มีผอ. จากการสรรหา ทำให้เกิดความแตกแยกในองค์กร
เนื่องจากการเป็นคนนอก ทำให้ไม่มีพวกพ้องใน อ.ส.ม.ท. เมื่อเข้ามาทำงานจึงต้องการหาพรรคพวก
ทำ ให้คนในอ.ส.ม.ท. ที่ต้องการแสวงหาประโยชน์ แบ่งเป็นก๊ก เป็นเหล่า
จนทำให้องค์กรมีความแตกแยกอย่างรุนแรง ทั้งที่ในช่วงเวลาที่ นายสรจักร เกษม-สุวรรณ
ผอ.อ.ส.ม.ท.คนก่อน มาบริหารงาน เป็นช่วง หัวเลี้ยวหัวต่อของ อ.ส.ม.ท. ที่จะมีคณะกรรมการ
กสช. และอ.ส.ม.ท.
จะต้องแสดงศักยภาพให้ กสช.เห็นว่าสามารถบริหารจัดการ คลื่นโทรทัศน์ และวิทยุที่มีอยู่ทั้งหมดให้ได้
ในสมัย ผอ.สรจักร ที่ได้แสดงวิสัยทัศน์ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย และจะแสดงให้กสช.
เป็นว่า
อ.ส.ม.ท. สามารถบริหารจัดการคลื่นวิทยุ โทรทัศน์ ที่มีอยู่ได้ทั้งหมด แต่การเข้ามาบริหารงานจริงกลับไม่ได้ดำเนินการตามวิสัยทัศน์ที่ได้ประกาศไว้
สำหรับนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ที่ได้รับเลือก
เป็นผอ.อ.ส.ม.ท. คนใหม่ สหภาพฯได้กำหนดระยะเวลาในการตรวจสอบการทำงานไว้
6 เดือน และจะประเมินผลงานว่า ได้ปฏิบัติตามวิสัยทัศน์ที่ได้ประกาศไว้หรือไม่
ขณะนี้เรื่องที่สหภาพฯต้องการให้
ผอ.คนใหม่เข้ามาดำเนินการมี 4 ประการ คือ 1. การพัฒนาบุคลากรด้านการผลิตรายการทีวี
และวิทยุ เพื่อรองรับตามมาตรา 40 ที่เจ้าของคลื่นวิทยุ และทีวี จะต้องเป็นผู้ผลิตรายการเอง
ซึ่งผอ.คนก่อนไม่ได้มีการพัฒนาในจุดนี้ ทำให้ขณะนี้ อ.ส.ม.ท. ขาดบุคลากร
ในระดับปฏิบัติการอย่างหนัก 2.พัฒนางานข่าว ทั้งทีวี วิทยุ และสำนักข่าว
ซึ่งถือเป็นงานที่มีศักดิ์ศรี และโดดเด่นที่สุดของ
อ.ส.ม.ท. ให้มีศักยภาพแข่งขันได้ในระดับโลก 3. ปก ครองพนักงานในอ.ส.ม.ท.
ให้มีความเป็นปึกแผ่น มีความสามัคคี ร่วมมือกันทำงานเพื่อนำองค์กรไปสู่ความสำเร็จ
4.บริหารองค์กรให้มีรายได้และกำไร
เพราะอ.ส.ม.ท. เป็นรัฐวิสาหกิจที่จะต้องส่งผลกำไรให้รัฐในส่วน 40% ตามกฤษฎีกา
แต่ในปีที่ผ่านมารัฐเรียกเก็บรายได้จากอ.ส.ม.ท. เพิ่มขึ้นเป็น 60% ของผลกำไรในแต่ละปี
ดังนั้นผอ.คนใหม่จะต้องเข้ามา บริหารจัดการให้องค์กร สามารถสร้างรายได้และผลกำไรให้สูงขึ้น
เพื่อจะได้มีเงินนำส่งรัฐ และพัฒนา อ.ส.ม.ท. อย่างไรก็ตาม การเข้ามาดำรงตำแหน่ง
ผอ.
อ.ส.ม.ท.ของนายมิ่งขวัญ ถือว่าได้รับการสนับสนุนที่ดีจากรัฐบาลชุดนี้ ดังนั้นอายุการทำงานของ
ผอ.คนใหม่อย่างน้อยก็จะมีอายุการทำงานเท่ากับรัฐบาลชุดนี้
ซึ่งมีระยะเวลานานพอสมควรที่น่าจะเห็นผลงานจาก ผอ.อ.ส.ม.ท. คนใหม่ แต่หากการประเมินผลงานในช่วง
6 เดือนของสหภาพฯ ไม่พบการทำงานที่ชัดเจน โดดเด่น เป็นรูปธรรม และทำให้ อ.ส.ม.ท.
ดีขึ้น
สหภาพฯก็จะมีการประชุมเพื่อหามาตรการที่จะดำเนิน การต่อไป