ไทยเดย์ฯ จับมืออินเตอร์เนชั่นแนล เฮอรัลด์ ทริบูน สร้างนวัตกรรมใหม่ของวงการหนังสือพิมพ์ในเมืองไทย ด้วยการเปิดหนังสือพิมพ์ฉบับภาษาอังกฤษ "IHT/THAIDAY" วางแผง 1 มิถุนายนนี้ เน้นความแตกต่างจากหนังสือพิมพ์ในท้องตลาด ขายผู้บริหารระดับสูงในเมืองไทย มั่นใจเทียบชั้นซีเอ็นเอ็นที่โกลบอลและหลากหลาย ตั้งเป้าเพิ่มยอดผู้อ่านและสมาชิกเป็นสองเท่า

วานนี้ (26 พ.ค.) นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานในงานเปิดตัวหนังสือพิมพ์ฉบับภาษาอังกฤษ THAIDAY ในหนังสือพิมพ์อินเตอร์เนชั่นแนล เฮอรัลด์ ทริบูน (IHT) หรือชื่อว่า IHT/THAIDAY อย่างเป็นทางการ โดยมีแขกเหรื่อมาร่วม งานเป็นจำนวนมาก โดยนายสุรเกียรติ์กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่าง IHT กับ THAIDAY ถือเป็นพัฒนาการที่สำคัญของประวัติศาสตร์สื่อสารมวลชน ไทย ซึ่ง IHT เป็นสื่อที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกในด้านคุณภาพการเสนอข่าวต่างประเทศและข่าวธุรกิจ ส่วน THAIDAY ได้รับการยอมรับในด้านคุณภาพ ข่าววิเคราะห์ และข่าวออนไลน์ ดังนั้นความร่วมมือทั้งสององค์กรนี้ จะช่วยยกระดับการรายงานและการวิเคราะห์ข่าวในประเทศไทยและภูมิภาคนี้โดยรวม

นายริชาร์ด วู้ลดริดจ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร IHT กล่าวว่า ปี 2548 มีแผนที่จะขยายฐานกลุ่มผู้อ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษในภูมิภาคนี้ให้เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการเพิ่มทีมงานและนักข่าวเพื่อรองรับการขยายตัวของสำนักข่าว IHT ในฮ่องกงด้วย โดยไทยถือเป็นประเทศที่ 3 ที่เราร่วมมือกับสื่อในท้องถิ่นต่างประเทศในเอเชีย หลังจากที่ได้ร่วมลงทุนกับ Jung Ang Iibo ของเกาหลี เพื่อจัดจำหน่าย Jung Ang Daily ในปี 2543 และตามด้วยการเปิดตัว IHT/Asahi Shimbun ในญี่ปุ่นเมื่อปี 2544 ซึ่งการลงทุนใน 2 ประเทศนี้ทำให้มียอดพิมพ์สูงขึ้นเป็น 17,041 ฉบับในเกาหลี และ 18,676 ฉบับในญี่ปุ่น

นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยเดย์ ด็อท คอม จำกัด กล่าวว่า ถือเป็นการเปิดนวัตกรรมใหม่ของวงการหนังสือพิมพ์ในเมืองไทย และน่าจะเป็นกรณีทอล์กออฟเดอะทาวน์ได้เรื่องหนึ่ง เนื่องจาก IHT ถือเป็นหนังสือพิมพ์ระดับโลกที่มีคุณภาพและความน่าเชื่อถือ ขณะที่ไทยเดย์ก็เป็นสื่อท้องถิ่นที่มีศักยภาพ

สำหรับหนังสือพิมพ์ดังกล่าวนี้จะเป็นหนังสือพิมพ์ระดับพรีเมียมที่ไม่มีคู่แข่งในตลาดเมืองไทย เริ่มวางแผงฉบับรูปแบบใหม่วันที่ 1 มิถุนายนนี้ ในราคาเท่ากับของเดิมคือ 50 บาทต่อฉบับ ซึ่งในส่วนของ THAIDAY เริ่มแรกจะมี 8 หน้า และคาดว่าจะมีการเพิ่มขึ้นต่อไตรมาสเป็น 12 หน้า และ 16 หน้าในอนาคต หากตลาดให้การต้อนรับที่ดี

"หนังสือพิมพ์ของเราจะมีความแตกต่างจากที่มีอยู่ในท้องตลาดอย่างสิ้นเชิง คนที่อ่านของเราจะได้มากกว่าหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษท้องถิ่นที่มีอยู่ โดยเฉพาะเนื้อหาหรือคอนเทนต์นั้น เราจะมีการผสมผสานและบูรณาการคอนเทนต์จากสื่อของเราที่มีอยู่ในกลุ่มทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นไทยแลนด์เอาท์ลุคแชนแนล แมเนเจอร์ออนไลน์ นิตยสารมาร์ส นิตยสารโพซิชันนิ่ง หรือหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการทั้งหมด เป็นต้น เอามาใช้ให้เป็นประโยชน์ รวมทั้งทีมกองบรรณาธิการข่าวใหม่ที่มีอยู่ กับข่าวของ IHT เองด้วยทั่วโลก พูดง่ายๆ เหมือนกับว่า ถ้าคุณอ่านหนังสือพิมพ์ไทยทั้งหมดก็เหมือนคุณได้ดูข่าวทีวี ส่วนการอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษรายวันเหมือนดูรายการนิวส์ไลน์ ขณะที่เมื่อคุณอ่าน IHT/THAIDAY ของเราก็จะเหมือนกับการดูข่าวซีเอ็นเอ็น ซึ่งมีความเป็นโกลบอลมากกว่า และมีความหลากหลายกว่า" นายจิตตนาถกล่าว

ปรกติแล้วตลาดผู้อ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษในไทยจะมีไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติที่อยู่ในไทย ซึ่งคาดว่าน่าจะขยายตลาดคนต่างชาติได้เพิ่มอีก 20-30% แต่ก็ยังเป็นตลาดที่เล็ก แต่ที่เรามองไว้ก็คือ การขยายตลาดที่เป็นคนไทยมากกว่า ซึ่งจะเจาะกลุ่มผู้บริหารระดับสูง

ปัจจุบัน นสพ.IHT มียอดผู้อ่านในไทยประมาณ 20,000 คน โดยเป็นสมาชิกมากกว่า 6,000 ราย และคาดว่าหลังจากที่มี THAIDAY แทรกเข้าไปแล้ว จะเพิ่มยอดผู้อ่านและสมาชิกเป็นสองเท่าให้ได้ คือ ยอดผู้อ่าน 40,000 คน และยอดสมาชิก 12,000 คน ซึ่งจะมีการใช้การตลาดเพื่อกระตุ้นเต็มที่ผนวกกับเนื้อหาและคุณภาพของหนังสือพิมพ์ โดยเฉพาะการเจาะเข้าหาระบบสมาชิก ซึ่งอาจจะมีการร่วมมือกับสื่อต่างๆ ในเครือของกลุ่มแมเนเจอร์กรุ๊ปทำโปรโมชันร่วมกันได้

เขากล่าวด้วยว่า เดิมทีนั้นทาง IHT ก็ใช้โรงพิมพ์ตะวันออกพิมพ์อยู่แล้วประมาณ 3 ปี และมีออฟฟิศใหญ่ของกองบรรณาธิการอยู่ที่ฝรั่งเศสเป็นศูนย์พิจารณาข่าวต่างๆ ที่จะตีพิมพ์ ซึ่งจะทำให้มีข่าวทั่วโลกที่น่าสนใจ และจะมีทีมขายโฆษณาดูแลตลาดทั่วโลกอยู่แล้ว ขณะที่ในไทยนั้นก็จะมีทีมขายโฆษณาต่างหาก โดยมีการแบ่งรายได้จากโฆษณาตามที่ตกลงกันไว้

"โครงการนี้เราลงทุนไปประมาณ 100 ล้านบาท คาดว่าภายใน 3 ปี น่าจะคืนทุนได้ ผมว่ามันเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากสำหรับโมเดลธุรกิจครั้งนี้ ซึ่งต่อไปเราอาจจะมีความร่วมมืออื่นๆ เกิดขึ้นตามมาอีกก็ได้ ในรูปแบบสื่ออื่นๆ แต่ตอนนี้ขอทำหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ก่อน"