Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน20 พฤษภาคม 2548
ซีพี เมจิฝัน 3 ปีขึ้นแท่นผู้นำอาเซียน รุกหนักตลาดโยเกิร์ตเล็งโค่นดัชมิลล์             
 


   
search resources

Dairy Product
ซีพี-เมจิ, บจก.




ซีพี เมจิขยายกำลังผลิตนมพาสเจอไรซ์และโยเกิร์ต เตรียม รุกตลาดไทยและลุยต่างประเทศ ส่งเทคโนโลยีปรับแพกเกจใหม่ยืดอายุนมพาสเจอไรซ์ ส่วนตลาดโยเกิร์ตรุกหนักขึ้นหลังตลาดโตกว่า 15% วาดฝัน 3 ปีโค่นดัชมิลล์ และก้าวเป็นผู้นำตลาดโยเกิร์ตย่านอาเซียน หลังโชว์ศักยภาพขึ้นแท่นผู้นำในสิงคโปร์ คาดยอดขายรวมโต 30%

นางสาวสุดธิดา สังขมณี ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัทซีพี เมจิก จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้กลยุทธ์ทางการตลาดของบริษัทฯ จะเน้นเพิ่มความหลากหลายให้แก่ผลิตภัณฑ์หลักทั้งนมพาสเจอไรซ์และโยเกิร์ต ด้วยการการเปิดตัวสินค้ารสชาติใหม่และการเพิ่มขนาดผลิตภัณฑ์ โดยในส่วนของนมพาสเจอไรซ์ขณะนี้เมจิเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่ง 50% จากตลาดรวม 2,500 ล้านบาท ซึ่งเมื่อช่วงต้นปีบริษัทฯ ได้มีการพัฒนาแพกเกจจิ้งนมพาสเจอไรซ์ใหม่ด้วยเทคโนโลยี "เฟรชแพก" เพื่อช่วยยืดอายุการเก็บรักษานมได้นานขึ้นเป็นเดือน จากเดิมเก็บได้เพียง 2 อาทิตย์ ซึ่งบริษัทฯได้มีการลงทุนเพิ่มกว่า 600 ล้านบาท ในการเพิ่มเครื่องจักรที่ใช้บรรจุโยเกิร์ตและเครื่องบรรจุแพกเกจใหม่ ทั้งนี้ ปีที่ผ่านมาตลาดรวมของนมพาสเจอไรซ์มีอัตราการโตประมาณ 7-8% จากการที่รัฐบาลส่งเสริมให้คนไทยดื่มนมและคนก็ใส่ใจสุขภาพตัวเองมากขึ้น

ประกอบกับปีนี้บริษัทฯให้ความสำคัญกับตลาดโยเกิร์ตมากขึ้น เนื่องจากตลาดโยเกิร์ตมีอัตราการเติบโตมากกว่า 15% จากกระแสคนห่วงใยสุขภาพจึงหันมานิยมทานโยเกิร์ตมากขึ้น ซึ่งทำให้โยเกิร์ตของเมจิได้รับความนิยมตามไปด้วย เพราะเป็นสินค้าเพื่อสุขภาพและมีให้เลือกหลากหลาย

ล่าสุดเมจิได้เปิดตัวโยเกิร์ตในไทย 4 รสชาติ อาทิ วุ้นมะพร้าว,ว่านหางจระเข้, มะม่วง และสับปะรด เพื่อรับมือการ แข่งขันและเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค รวมถึงขยายฐานลูกค้า จากเดิมเป็นวัยรุ่นไปสู่กลุ่มนักเรียนและคนสูงอายุ ทั้งนี้เดิมทีในแต่ละปี บริษัทฯ จะออกโยเกิร์ตประมาณ 1 รสชาติเท่านั้น แต่ปีนี้คาดว่าจะมีโปรดักต์ออกสู่ตลาดหลายรส

ปัจจุบันบริษัทซีพีฯมีผลิตภัณฑ์แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม อาทิ 1.นมสดพาสเจอไรซ์ ซึ่งมี 11 รสชาติ ได้แก่ รสจืด, หวาน, พร่องมันเนย, ไฮโลว์, ใบเตย และเมจิโอรสช็อกโกแลต 2. นมสดยูเอชที มี 5 รสชาติ 3. นมเปรี้ยว มี 5 รสชาติ และ 4. โยเกิร์ต มีทั้งหมดกว่า 10 รสชาติ ราคาประมาณ 10 บาท

สำหรับงบทางการตลาดปีนี้บริษัทฯตั้งไว้ที่ 150 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่ใช้งบตลาด 50 ล้านบาท โดยปีนี้จะเน้นไปที่การจัดกิจกรรมต่างๆให้กับผลิตภัณฑ์หลัก อาทิ การแจกโยเกิร์ตฟรีจำนวน 1 ล้านถ้วยตลอดทั้งปี เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าอย่างแท้จริง ขณะที่ช่องทางการขายโยเกิร์ตจะเน้นขายผ่านโมเดิร์นเทรดและขายผ่านเอเยนต์ที่มีกว่า 500 ราย

ปัจจุบันตลาดโยเกิร์ตในไทยมีมูลค่าสูงกว่า 1.5 พันล้านบาท และมีอัตราการโตสูงขึ้นจากปี 2547 อยู่ 25% โดยผู้นำตลาด คือ ดัชมิลล์ที่ครองส่วนแบ่งทางการตลาด 60% ส่วนอีก 40% เป็นของเมจิ,โฟรโมสต์และเนสท์เล่

โดยในส่วนของเมจิมีแชร์ประมาณ 20% ทั้งนี้คาดการณ์ว่าภายใน 3 ปีตลาดโยเกิร์ตจะโตขึ้นและมีมูลค่าตลาดกว่า 3-4 พันล้านบาท และเมจิจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดแทนที่ดัชมิลล์ จากจุดเด่นที่ตัวผลิตภัณฑ์เมจิเองที่เชื่อว่าผู้บริโภคได้ทานแล้วจะไม่สวิตชิ่งแบรนด์ไปทานแบรนด์อื่นและการที่เมจิมีให้เลือกหลายรสชาติ

ด้านตลาดต่างประเทศบริษัทฯได้ส่งโยเกิร์ตซีพีเมจิไปทำตลาดที่สิงคโปร์เมื่อประมาณปีกว่า โดยมี 6 รสชาติ อาทิ สตรอเบอรี, มิกซ์เบอรี, วุ้นมะพร้าว, ผลไม้รวม, ว่านหางจระเข้ และรสธรรมชาติ ซึ่งได้รับการตอบรับดีจากตลาดสิงคโปร์และสามารถครองตำแหน่ง ผู้นำตลาดได้ด้วยยอดขายกว่า 200 ล้านบาท และในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้บริษัทฯเตรียมเปิดตัวโยเกิร์ตผลไม้ไทย 3 รสชาติ ได้แก่ รสมะม่วง, ลำไย และสับปะรด เพื่อใช้รุกตลาดต่างประเทศ อาทิ ในย่านอาเซียนกลุ่มตะวันออกกลาง และแอฟริกาใต้ โดยทางซีพีได้ตั้งเป้ายอดขายโยเกิร์ตในตลาดต่างประเทศประมาณ 1 ล้านถ้วยต่อเดือน หรือประมาณ 500 ล้านบาท พร้อมทั้งได้ตั้งเป้า 3 ปีจะก้าวเป็นผู้นำตลาดในย่านอาเซียน เนื่องจากมองว่าตลาดนี้มีอัตราการเติบโตสูงและโยเกิร์ตของซีพีก็มีคุณภาพ

ผลประกอบการของบริษัทฯปีที่แล้วมียอดรวม 3,200 ล้านบาท และมีอัตราการโต 25% แบ่งเป็นยอดรายได้ในประเทศ 80% และต่างประเทศ 20% โดยในส่วนของโยเกิร์ตนั้น คิดเป็นสัดส่วน 10% ของยอดขายทั้งหมด สำหรับปีนี้บริษัทฯ คาดว่ายอดรายได้รวมจะโตขึ้น 30%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us