Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กรกฎาคม 2545








 
นิตยสารผู้จัดการ กรกฎาคม 2545
Digital Cinema             

โดย ไพเราะ เลิศวิราม
 

   
related stories

ภาพยนตร์ไร้ฟิล์ม




คำว่าโรงภาพยนตร์ระบบดิจิตอลในเมืองไทย เริ่มต้นมาจากระบบเสียงก่อน เป็นผลมาจากการฟื้นตัวของธุรกิจโรงภาพยนตร์เริ่มกลับมาตื่นตัวอีกครั้ง จากการรุกเข้ามาบุกเบิกตลาดของกลุ่มอีจีวี ตามติดด้วยเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ลูกพี่ลูกน้อง ตระกูลพูลวรลักษณ์ ตลอดจนกลุ่มเอสเอฟ

การเข้ามาของกลุ่มธุรกิจเหล่านี้ ไม่เพียงแต่เป็นการปฏิวัติโฉมหน้าของธุรกิจโรงภาพยนตร์ที่อยู่ในแบบเดิมๆ ไปสู่โรงภาพยนตร์ให้ทันสมัย ทั้งการออกแบบตกแต่งอย่างดี และยังเป็นศูนย์กลางความบันเทิง และก็ได้กลายเป็นจุดเริ่มของการนำระบบเสียงดิจิตอลมาใช้

วิวัฒนาการจากระบบเสียงที่เป็น mono ธรรมดามาสู่ระบบ stereo ตามมาด้วยระบบดิจิตอล มีทั้งระบบ SRD, DTS, THX และ SDDS ของโซนี่

สิทธิพร ศรีสงวนสกุล ผู้อำนวยการ บริษัท GOLDENDUCK ผู้นำเข้าและติดตั้งอุปกรณ์เสียงและภาพระบบดิจิตอลสำหรับโรงภาพยนตร์ เล่าว่า ระบบเสียงของโรงภาพยนตร์ในเมืองไทยเวลานี้อยู่ในอันดับต้นๆ ของเอเชีย นอกจากทำซับไตเติ้ลเป็นภาษาไทยแล้ว ด้วยเหตุนี้ บริษัทผู้ผลิตรายใหญ่จากฮอลลีวู้ด ไม่ว่าจะเป็น ฟ็อกซ์ ดิสนีย์ โคลัมเบีย จึงให้เมืองไทยเป็นศูนย์กลางในการ mix เสียงเป็นภาษาอื่นๆ เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น อินเดีย ก่อนที่จะนำไปฉายในประเทศเหล่านี้

หลังจากที่บรรดาคอหนังได้อรรถรสในเรื่องของระบบเสียงดิจิตอลมาพักใหญ่แล้ว ก็มาถึงระบบภาพดิจิตอล ซึ่งเป็นเรื่องที่พัฒนาได้ยากกว่า ปัญหาไม่ได้อยู่ที่การถ่ายทำ เพราะปัจจุบันภาพยนตร์หลายเรื่องก็ถ่ายทำระบบดิจิตอลแล้ว ซึ่งหมายความว่า ภาพยนตร์เรื่องนั้นแทนที่จะถ่ายลงบนฟิล์ม ก็จะเปลี่ยนมาเป็นไฟล์ข้อมูล และบรรจุอยู่ใน hard disk แทน ไม่แตกต่างไปจากระบบคอมพิวเตอร์

แต่เมื่อถึงเวลาจะต้องนำไปฉายในโรงภาพยนตร์แล้วกลับต้องเจออุปสรรค เนื่องจากอุปกรณ์ที่ใช้ในการฉายภาพยนตร์ หรือโปรเจกเตอร์ที่เป็นระบบดิจิตอล ยังมีขีดความสามารถไม่เทียบเท่ากับการใช้ฟิล์ม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแสง หรือความละเอียดของภาพ

จนกระทั่งบริษัท Texas Instrument บริษัทพัฒนาและวิจัยด้านเทคโนโลยี ได้พัฒนาชิปขึ้นมา เรียกว่า digital light processing หรือ DLC มีลักษณะคล้ายกระจกเงาสะท้อนแสง โดยชิปที่ว่านี้มีขนาดแค่นิ้วกว่าๆ แต่ความสามารถในเรื่องของภาพ คือ มีความละเอียดได้เท่ากับฟิล์ม

"ระบบดิจิตอล เราต้องมองอยู่ 2-3 จุด คือ ความละเอียดของภาพเทียบเท่ากับฟิล์ม แต่ความนิ่งเหนือกว่าฟิล์ม ภาพจะมีความนิ่งมากกว่า" สิทธิพรเล่า

เมื่อ ชิป DLC ถูกพัฒนาออกมาสำเร็จ ภาพยนตร์ที่ถูกถ่ายทำด้วยระบบดิจิตอล แต่เมื่อเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ต้องแปลงกลับมาเป็นแผ่นฟิล์ม เนื่องจากขีดความสามารถของโปรเจกเตอร์ที่เป็นระบบดิจิตอล ยังมีประสิทธิภาพไม่ดีพอ ก็จะไม่เป็นอุปสรรคอีกต่อไป

ภาพยนตร์ที่เคยอยู่ในรูปของแผ่นฟิล์ม จะถูกเปลี่ยนเป็นไฟล์ข้อมูลที่เก็บอยู่ใน hard disk เมื่อต้องการนำไปฉายในโรงภาพยนตร์ในที่ต่างๆ ก็ download ใส่แผ่น DVD หรือส่งผ่านอินเทอร์เน็ต หรือยิงดาวเทียม นำมาฉายผ่านเครื่อง Digital Projector ที่เป็นเครื่อง server สำหรับเก็บข้อมูลภาพยนตร์ หรือที่เรียกว่า Digital Movie Storage

สิทธิพรบอกว่าข้อดีของระบบดิจิตอล คือ คุณภาพของภาพยนตร์ที่ปรากฏอยู่ในโรงภาพยนตร์จะเหมือนกับที่อยู่ในสตูดิโอถ่ายทำ นอกจากนี้ไม่ว่าภาพยนตร์เรื่องนั้นจะถูกนำออกฉายกี่รอบ และกี่วันก็ตาม จนกระทั่งวันสุดท้าย คุณภาพของภาพจะไม่เปลี่ยน

"ไม่เหมือนกับฟิล์ม พอฉายไปเรื่อยๆ ก็จะมีเกิดเส้น หรือเพราะฟิล์มจะมีการสึกกร่อนไปเรื่อยๆ ภาพที่ฉายวันแรกกับวันสุดท้ายที่ออกจากโรงจะไม่เหมือนกัน"

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเครื่องฉายระบบดิจิตอล ที่จะทำให้ผู้ชมได้สัมผัสกับอรรถรสของคำว่า ดิจิตอลเธียเตอร์ ที่เป็นทั้งเสียงและภาพ แต่ก็ยังไม่เห็นถึงความแตกต่างมากนัก อาจจะเป็นเพราะสไตล์ของภาพยนตร์ และเป็นปกติของอุปกรณ์ไอทีที่เป็นรุ่นแรกๆ ยังต้องใช้เวลาในการพัฒนาต่อเนื่อง

แต่อุปสรรคสำคัญของการฉายภาพยนตร์ระบบดิจิตอล อยู่ที่การทำซับไตเติ้ลยังเป็นปัญหาอยู่ เนื่องจากเป็นระบบใหม่ ผู้นำเข้าภาพยนตร์ยังไม่สามารถทำได้เอง ไม่เหมือนกับระบบฟิล์มที่ทำเองได้ในไทย กรณีของภาพยนตร์เรื่อง Star Wars : Episode II ต้องส่งไปทำซับไตเติ้ลที่สหรัฐอเมริกา

"เป็นกระบวนการที่ต้องใช้ทั้งเวลาและต้นทุน" สิทธิพรบอก กรณีของ Star Wars : Episode II จึงต้องใช้เวลา 10 วัน และเงินลงทุนหลักล้านในการส่งไปทำซับไตเติ้ลที่สหรัฐอเมริกา ก่อนจะนำมาเปิดฉายก็เรียกว่าหวุดหวิดเต็มที

สิทธิพรเล่าว่า การทำซับไตเติ้ลภาษาไทยในระบบดิจิตอลนั้น ไม่เหมือนกับระบบฟิล์ม ที่เป็นการซ้อนภาพตัวอักษรลงบนแผ่นฟิล์ม แต่กรณีของภาพยนตร์ในระบบดิจิตอลนั้นทำเช่นนั้นไม่ได้ จะต้องบันทึกอักษรลงบนภาพใหม่ทั้งหมด

แม้ว่าจะมีความยุ่งยากในบางขั้นตอน และยังไม่เห็นความแตกต่างของภาพมากนัก เมื่อเทียบกับการใช้ฟิล์ม ซึ่งยังต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าจะเข้าที่เข้าทาง ฟิล์มอาจจะลดความสำคัญลง

แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับโรงภาพยนตร์ที่ใช้เครื่องฉายระบบดิจิตอล ที่มี 94 โรงในโลก ก็คือ การทำกิจกรรมในโรงภาพยนตร์ เช่น การเปิดตัวสินค้าใหม่ของต่างประเทศ จะสามารถถ่ายทอดสัญญาณแบบเรียลไทม์มาที่โรงภาพยนตร์ได้ทันที

และนี่คือผลต่อเนื่องที่เกิดจากพัฒนาการของคำว่า Digital Cinema

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us