ตำนานของชื่อที่เป็นเครื่องหมายการค้าของเครื่องถ่ายเอกสาร Xerox เริ่มต้นธุรกิจในสหรัฐอเมริกา
ต่อมาก็ได้ขยายเครือข่ายธุรกิจไปยังทวีปอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้
ในยุโรป Xerox ร่วมมือกับ Rank corporation จัดตั้งเป็น Rank Xerox และมีการจัดตั้งโรงงาน
และสาขาประเทศต่างๆ ที่เป็นเครือจักรภพ เช่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์
ส่วนในทวีปเอเชีย Xerox จับมือกับฟูจิฟิล์ม ตั้งเป็นบริษัท ฟูจิซีร็อกซ์
ขึ้นในประเทศญี่ปุ่น เพื่อรองรับกับตลาดในเอเชีย ซึ่งเป็นผลิตผลมาจากสงครามเวียดนาม
ที่มีการจัดตั้งฐานทัพขึ้นในประเทศต่างๆ Fuji Xerox จึงได้เปิดสำนักงานขึ้นที่ไทย
ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เป็นการร่วมทุนกับผู้ถือหุ้นท้องถิ่น
สำหรับ Thai Fuji Xerox ถือหุ้นร่วมกับบริษัทในกลุ่มสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
ฝ่ายละ 50 : 50
ต่อมาได้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในยุโรป Rank corporation ขายหุ้นใน Rank
Xerox จึงกลายเป็น Xerox limited และได้ขายสิทธิในการทำตลาดของสาขาที่อยู่ในเครือจักรภพออกไปให้กับ
Fuji Xerox เข้ามาบริหารแทน ทำให้มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ออสเตรเลีย
มาขึ้นกับ Fuji Xerox
ผลที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงในครั้งนั้น ทำให้ Fuji Xerox มีบริษัทลูกที่ถือหุ้น
100% คือ สาขาในเครือจักรภพ และบริษัทร่วมทุนที่ถือหุ้นแค่ 50% มีอยู่ 10
ประเทศ เช่น ไทย อินโดนีเซีย ซึ่งประเทศเหล่านี้จะมีเอกเทศในการบริหารกิจการเอง
ถัดจากนั้น Xerox limited ในสหรัฐอเมริกา ประสบปัญหาทางการเงิน จึงได้ขายสิทธิในการทำตลาดสาขาที่อยู่ในจีน
และฮ่องกงให้กับ Fuji Xerox ได้เงินมา 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ก็ยังไม่เพียงพอ
จึงขายหุ้นที่ถืออยู่ใน Fuji Xerox ที่ถืออยู่ 50% ออกไปครึ่งหนึ่ง ส่งผลให้
Fuji Film กลายเป็นหุ้นส่วนใหญ่ถือหุ้น 75%
ส่วน Thai Fuji Xerox เนื่องจากมีการเปลี่ยน แปลงโครงสร้างการถือหุ้นในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ
โดยกองทุนการเงิน ที่ถือหุ้นใน Thai Fuji Xerox ได้ขายหุ้นออกไป แต่ผู้ถือหุ้นในฝั่งไทย
คือ สำนักงานทรัพย์สินฯ และธนาคารไทยพาณิชย์ ประสบภาวะทางการเงิน ไม่สามารถซื้อหุ้นเหล่านี้
ซึ่งมีมูลค่า 120 ล้านบาท ขึ้นมาได้ จึงต้องขายหุ้นไปให้กับ Fuji Xerox เข้ามาถือ
ทำให้หุ้นส่วนใหญ่ที่เคยอยู่ในมือของไทย 51% : 49% ต้องเปลี่ยนไปอยู่ในมือของ
Fuji Xerox
เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงการถือหุ้นใน Fuji Xerox ขึ้น จึงส่งผลต่อเมืองไทย
ที่ต้องกลายสภาพจากบริษัทร่วมทุนมาเป็นสาขา จึงต้องมีการรับนโยบายจากบริษัทแม่เข้ามาดำเนินการ
และเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในเวลานี้
แนวทางการดำเนินงานของ Xerox ในสหรัฐอเมริกา กับ Fuji Xerox มีความแตกต่างกัน
ในขณะที่ Xerox limited ในสหรัฐอเมริกา ยังคงเน้นตลาดเครื่องใหญ่ และตลาดส่วนใหญ่ยังเป็นระบบอนาล็อก
สำหรับ Fuji Xerox ได้มุ่งไปที่ระบบดิจิตอล มีการพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง
กลายเป็นมัลติฟังก์ชั่น มีการผสมผสานระหว่างเครื่องแฟกซ์ เครื่องพรินเตอร์
และ การพัฒนาระบบซอฟต์แวร์การจัดการเอกสาร เชื่อมโดยตรงกับอินเทอร์เน็ต และระบบงานภายในสำนักงาน
ซึ่ง Thai Fuji Xerox ก็ได้พัฒนาไปตามแนวทางของ Fuji Xerox
ผลจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของ Fuji Film นับว่าเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมพร้อมอนาคตในธุรกิจฟิล์ม
ที่กำลังถูกระบบดิจิตอลเข้ามาเบียดตลาดไปเรื่อยๆ ส่งผลให้ Fuji Film ต้องหาทางออกด้วยการมาผนวกกับเทคโนโลยีของเครื่องมัลติฟังก์ชั่น
เครื่องถ่ายเอกสาร พรินเตอร์ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการในการพัฒนาของตัวสินค้าในอนาคต
แต่สำหรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเวลานี้ นอกเหนือจากการปรับเปลี่ยนองค์กรที่ต้องทำอย่างเข้มข้นแล้ว
การสั่งซื้อเครื่องถ่ายเอกสารจาก Xerox corporation จะมีราคาแพงขึ้น เนื่องจากไม่ได้ถือหุ้นใกล้ชิดเหมือนกับในอดีต
ส่วนอนาคตจะเป็นอย่างไร เป็นเรื่องที่ต้องติดตาม