เหมราชเร่งสร้างยอดขายโครงการเดอะพาร์ค ชิดลม หวังต่อยอดรับรู้รายได้ ตั้งเป้ายอดรายได้รวมทั้งปีเหลือ 4,400 ล้านบาท จากเป้าต้นปีตั้งไว้ 4,800 ล้านบาท เล็งหาทำเลที่ดินเปล่าย่าน ซีบีดีผุดโครงการคอนโดฯหรูอีกแห่ง คาดกลางปี 49 เริ่มพัฒนาโครงการ ส่วนธุรกิจนิคมฯตั้งเป้ายอดขายทั้งปี 750 ไร่
นายเดวิด นาร์โดน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) หรือ HEMRAJ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2/48 ของบริษัทน่าจะใกล้เคียงกับผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปี 2548 ที่มีรายได้ 795.8 ล้านบาท โดยจะรับรู้รายได้จากโครงการ เดอะพาร์ค ชิดลม ในไตรมาสที่ 2/48 ประมาณ 300 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 3/48 รับรู้ประมาณ 600 ล้านบาท และไตรมาสที่ 4/48 รับรู้รายได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยยอดขายล่าสุดที่ลูกค้าได้ทำสัญญาซื้อขายแล้วมีมูลค่า 3,200 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการ 5,600 ล้านบาท ขายพื้นที่ไปแล้ว 30,000 ตร.ม.จากพื้นที่ขายสุทธิ 53,000 ตร.ม. รวมจำนวนยูนิตที่ขายออกไป 130 ยูนิต คิดเป็น 60% ของจำนวน 219 ยูนิต โดย 80% เป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัย
ขณะที่รายได้จากการดำเนินงานทั้งปีของบริษัทเหมราชฯจาก 5 ธุรกิจ คาดว่าจะเพิ่มเป็น 4,400 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าประมาณการ ที่ตั้งเป้าไว้ โดยเมื่อช่วงต้นปีที่คาดว่าปีนี้จะมีรายได้ 4,800 ล้านบาท เนื่องจากการรับรู้รายได้ของโครงการเดอะ พาร์ค บางส่วนล่าช้า ออกไปรับรู้ในปี 2549 ประมาณ 3,300 ล้านบาท
ทั้งนี้ คาดว่ายอดรับรู้รายได้จากโครงการเดอะพาร์ค ชิดลมในปีนี้ประมาณ 2,000 ล้านบาท อีก 1,600 ล้านบาท เป็นรายได้จากธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ที่เหลือมาจากรายได้โครงการสาธารณูปโภคและอื่นๆ อีก 400 ล้านบาท
"โครงการเดอะพาร์ค ชิดลม เป็นโมเดลของการพัฒนาอสังหาฯ ที่ไม่มีความเหมือนกับใคร โดยขณะนี้บริษัทเตรียมหาที่ดินประมาณ 4-5 ไร่ เพื่อพัฒนาโครงการอสังหาฯแห่งที่ 2 ในทำเล เขตซีบีดี คาดว่าจะเริ่มดำเนินการพัฒนาโครงการประมาณกลางปีหรือปลายปี 2549 โดยเป็นการพัฒนาโครงการใหม่ไม่ใช่เป็นการเทกโอเวอร์โครงการร้างที่มีอยู่ เพราะว่าด้วยมาตรฐานและรูปแบบที่วางไว้ จึงไม่มีโครงการไหนเข้ากับคอนเซ็ปต์ของแบรนด์เดอะพาร์ค ส่วนโครงการเดอะพาร์ค ชิดลม จะเริ่มโอนยูนิตแรกให้กับลูกค้าได้ประมาณเดือนต.ค. 2549" นายเดวิดกล่าว
ในส่วนของธุรกิจทางด้านนิคมอุตสาหกรรมนายเดวิดกล่าวว่า บริษัทได้ตั้งเป้ายอดขายที่ดินในปีนี้ 750 ไร่ โดยบริษัทมีแผนที่จะพัฒนาที่ดินในนิคม เหมราช อีสเทิร์น ซีบอร์ดอีก 1,700 ไร่ เพื่อขายในช่วงครึ่งปีหลัง และพัฒนาที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมตะวันออกอีก 200-300 ไร่เพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมปิโตรเคมี
นอกจากนี้ บริษัทยังเข้าถือหุ้นในบริษัท เอส ไอ แอล ที่ดินอุตสาหกรรม จำนวน 25% ของหุ้นทั้งหมด โดยบริษัทจะเข้าไปบริหารที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมของบริษัทเอสไอ แอลฯ จำนวน 2 แห่ง และรับรู้กำไรจากการดำเนินงานของ เอส ไอ แอลฯ ซึ่งปีนี้กำไรของ เอส ไอ แอล น่าจะโตจากปี 2547 ประมาณ 10% และมีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นบริษัท เอส ไอ แอลฯเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ถือ อยู่ 25% เป็น 100% ใน 5 ปีข้างหน้า เนื่องจากที่เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น จุดมุ่งหมายเพื่อให้บริษัทมีพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเพิ่มอีก 3,000 ไร่ ในแถบ จ.สระบุรีและระยอง รวมทั้งจะได้ลูกค้าเพิ่ม อีก 30 ราย นอกจากนี้ ยังเป็นการ เพิ่มรายได้จากการให้บริการสาธารณูปโภคของบริษัทอีกด้วย ปกติผลตอบแทนจากการลงทุนอยู่ที่ประมาณ 15-18% โดยผลตอบแทนจากการลงทุนในการให้เช่าโรงงานอยู่ที่ 12-14%
รวมถึงธุรกิจสาธารณูปโภค บริษัทร่วมกับบริษัท โกลว์ พลังงาน (GLOW) ก่อตั้ง บริษัทโกลว์ เหมราช เอนเนอจี เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าอิสระ(IPP) โดยบริษัทจะถือ หุ้น 50% ในโครงการผลิตไฟฟ้าอิสระ มูลค่า 10,000 ล้านบาท กำลังการผลิต 350 เมกะวัตต์ และถือหุ้น 35-40% ในโครงการอื่นๆที่มีมูลค่า มากกว่า 30,000 ล้านบาท
"ตามแผน 5 ปีบริษัทได้ตั้งเป้าโครงสร้างรายได้ของเหมราชไว้อย่างชัดเจน โดยเป็นรายได้จากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประมาณ 25% ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม 45% และที่เหลือเป็นธุรกิจสาธารณูปโภคและเอสเอ็มอี เป็นต้น"
|