Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กรกฎาคม 2545








 
นิตยสารผู้จัดการ กรกฎาคม 2545
เปิดตัวครั้งแรกในไทย จุดขายใหม่ค่ายรถยนต์             
โดย ปัณฑพ ตั้งศรีวงศ์
 


   
search resources

Automotive




ณ ชั่วโมงนี้ ต้องยอมรับว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจรถยนต์ กำลังเป็นธุรกิจที่เฟื่องฟูที่สุดของไทย และได้รับแรงสนับสนุนอย่างไม่อั้นจากรัฐบาล

ทั้ง 2 ธุรกิจพยายามสร้างสรรค์กลยุทธ์การตลาดใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นและดึงดูดกำลังซื้อของผู้บริโภค

หลังจากเมื่อปีที่แล้ว แลนด์แอนด์เฮ้าส์ นำจุดขายที่ว่า "บ้านไม่ได้เห็น อย่าซื้อ" มาใช้จนประสบผลสำเร็จ หลายค่ายก็ได้ นำจุดขาย "อย่าซื้อ" เข้ามาใช้ตาม เช่น พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค และล่าสุดคือจุดขาย "บ้านทำเลไม่ดี อย่าซื้อ" ของค่ายปัญญากรุ๊ป ที่นำมาใช้กับโครงการใหม่บนถนนรามอินทรา

ส่วนตลาดรถยนต์ก็คล้ายคลึงกัน แต่ดูเหมือนว่าคอนเซ็ปต์ ที่ธุรกิจรถยนต์นำมาใช้กระตุ้นยอดขาย เป็นคอนเซ็ปต์ที่แสดงให้ เห็นถึงการให้เกียรติแก่ประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง

ช่วงหลายปีก่อนหน้านี้ หลายค่ายพยายามชูจุดขายที่ให้ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์เพื่อการส่งออก สร้างภาพให้เห็นถึงความสำคัญของค่ายรถยนต์เหล่านี้ ที่มองเห็นศักยภาพในการผลิตรถยนต์ของประเทศไทย ที่สามารถประกอบรถให้มีคุณภาพได้ทัดเทียมกับมาตรฐานสากลของรถยนต์ที่มีขายกันอยู่ทั่วโลก

มาปีนี้ นอกจากการใช้จุดขายที่ให้ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์เพื่อการส่งออกแล้ว ยังเพิ่มการให้ความสำคัญกับผู้บริโภค ในตลาดรถยนต์ของไทยมากขึ้นไปอีก ด้วยการย้ำจุดขายของรถรุ่นใหม่ที่หลายค่ายนำมาเปิดตัวในเมืองไทยว่าเป็นการเปิดตัวเป็น ประเทศแรกในโลก

เริ่มจากการจัดงานมหกรรมรถยนต์ บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 23 ซึ่งจัดขึ้นที่ศูนย์แสดงสินค้านานาชาติไบเทค ระหว่างวันที่ 29 มีนาคม-7 เมษายนที่ผ่านมา ค่ายเดมเลอร์ไครสเลอร์ได้ใช้งานนี้ เป็นการเปิดตัวรถสปอร์ตพวงมาลัยขวาครั้งแรกของโลก คือ เบนซ์ รุ่นซีแอลเค ซึ่งเป็นรถแบบคูเป้ 2 ประตู เครื่องยนต์ 6 สูบ 3 วาล์วต่อสูบ ขนาด 2,597 ซีซี 170 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที โดยเปิดขายในงานในราคา 4.95 ล้านบาท

เดมเลอร์ ไครสเลอร์ ได้โหมโฆษณาหลายวันก่อนหน้าที่จะเริ่มงานมอเตอร์โชว์ถึงรถรุ่นนี้ โดยย้ำจุดขายที่โอกาสของคนไทย ที่จะได้เห็นรถรุ่นนี้ก่อนใครๆ ในโลก

ในงานเดียวกัน บริษัทเอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส ซึ่งเป็นผู้นำรถยนต์หรูรายใหญ่ ก็ได้ใช้งานนี้ ในการเปิดตัวรถปอร์เช่ 911 GT2 ซึ่งเป็นรถขนาดเครื่องยนต์ 3600 ซีซี 6 สูบ เทอร์โบคู่ 462 แรงม้า ที่เป็นโมเดลใหม่ และ เปิดตัวในไทยเป็นครั้งแรกเช่นกัน โดยเอเอเอส ออโต้เซอร์วิส ตั้งราคาไว้ที่ 23.75 ล้านบาท

นอกจากเบนซ์ ซีแอลเค และปอร์เช่ 911 GT2 ที่ค่ายรถนำมาให้คนไทยได้มีโอกาส ชมเป็นแห่งแรกในโลก ในช่วงงานมอเตอร์โชว์ แล้ว ล่าสุด เมื่อกลางเดือนพฤษภาคม ค่ายตรีเพชร อีซูซุ ซึ่งได้เปิดตัวรถกระบะอีซูซุ ดีแม็กซ์ ซึ่งเป็นรถรุ่นที่ได้มีการปรับโฉมใหม่ทุกส่วนเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี ของ รถกระบะอีซูซุ

อีซูซุได้ย้ำจุดขายของการเปิดตัวกระบะดีแม็กซ์ครั้งนี้ว่าเป็นการเปิดตัวครั้งแรกในโลก ที่ประเทศไทยอีกเช่นกัน

ว่ากันว่าการวางแผนเปิดตัวรถกระบะดีแม็กซ์รูปโฉมใหม่คราวนี้ อีซูซุได้เตรียมตัวมานานตั้งแต่ก่อนที่จะมีงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์

เพียงแต่เห็นว่าการเปิดตัวในงาน ซึ่งค่ายรถทุกค่ายต่าง มีเป้าหมายเดียวกัน อาจจะทำให้ความโดดเด่นของรถกระบะ ดีแม็กซ์ลดน้อยลง เพราะมีตัวเปรียบเทียบมาก จึงเลื่อนกำหนด การมาหลังจากงานดังกล่าวประมาณ 2 เดือน

การเปิดตัวรถกระบะดีแม็กซ์ของค่ายอีซูซุครั้งนี้ นับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี เพราะภายหลังเปิดตัวได้เพียงครึ่งเดือน ยอดจองรถกระบะดีแม็กซ์จากดีลเลอร์ต่างๆ ของอีซูซุ ก็พุ่งทะลุระดับ 1 หมื่นคัน จนต้องจัดงานฉลองกันยกใหญ่

แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยผลวิเคราะห์ออกมาว่า มูลเหตุที่แท้จริงของความสำเร็จของอีซูซุครั้งนี้ อยู่ที่จุดใด ระหว่างรูปโฉมใหม่ของตัวรถ ที่มีการเปลี่ยนแปลงใหญ่เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี กับจุดขายที่ใช้การเปิดตัวเป็นครั้งแรกของโลกในประเทศไทย หรือจังหวะเวลาในการเปิดตัวที่ล่าช้ากว่าค่ายอื่นๆ ไปประมาณ 2 เดือน

พร้อมๆ ไปกับการเปิดตัวรถกระบะดีแม็กซ์ อีซูซุยังถือโอกาสในจังหวะเดียวกัน แถลงข่าวการย้ายฐานการผลิตรถกระบะจากญี่ปุ่นมาในประเทศไทย โดยความร่วมมือกับค่ายเจเนอรัล มอเตอร์ ใช้โรงงานในจังหวัดระยองเป็นฐานการผลิตรถกระบะ ดีแม็กซ์ เพื่อการส่งออก

ซึ่งเป็นการตอกย้ำความสำคัญและความมั่นใจในการลงทุน ที่อีซูซุมอบให้กับประเทศไทย เฉกเช่นเดียวกับที่ค่ายรถอื่นๆ พยายามทำกัน

อีซูซุมั่นใจว่ารถกระบะดีแม็กซ์รูปโฉมใหม่ ที่แม้จะใช้เครื่องยนต์ตัวเดิม จะเป็นหัวหอกตัวกระตุ้นยอดขายรถกระบะของอีซูซุในปีนี้ให้สามารถครองความเป็นอันดับ 1 ของตลาดรถกระบะภายในประเทศของไทย ซึ่งกำลังมีการแข่งขันกันอย่าง ดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us