“ท่านเขียนของท่านเอง เอาจริงเอาจัง โดยไม่ต้องมีใครมาเขียนให้ก่อนแล้วท่านค่อยมาตกแต่งทีหลัง เหมือนสุนทรพจน์หรือแถลงการณ์อื่นๆ” ผู้ที่เคยเขียนสุนทรพจน์ให้บุญชู เล่าให้ “ผู้จัดการ” ฟัง

และแล้วแถลงการณ์ 16 หน้า จากใจจริงของคนที่ไม่เคยเปียกน้ำอย่างบุญูชูก็ถูกแจกจ่ายไปทั่ววงการสื่อมวลชน

บางกอกโพสต์ทำเป็นข่าวสั้นๆ ประมาณ 10 คอลัมน์นิ้ว เนชั่น รีวิว แปลเป็นภาษาอังกฤษ ลงให้เต็มที่ในฉบับวันอาทิตย์ที่13พฤจิกายน มติชนสุดสัปดาห์ ลงจนหมดทุกถ้อยคำภาษาไทยที่ระบายออกมาคับแค้นใจ

แถลงการณ์พูดถึงการทำงานของบุญชู และโต้ข้อกล่าวหาทุกข้อ ตั้งแต่เรื่องน้ำตาล เทเล็กซ์น้ำมัน การเข้าไปธนาคารนครหลวงฯ ตลอดจนการที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจการของตึกดำแม้แต่น้อย นอกจากการช่วยเหลือในฐานะเพื่อนเท่านั้น

เหมือนกับการสืบพยานในศาลที่จำเลยต้องหาพยานมานำสืบความบริสุทธิ์ของตัวเอง ถึงบุญชูจะไม่ได้เป็นจำเลย แต่ในภาวะนี้บุญชูต้องอ้างถึงคนสองคนที่จะสามารถนำสืบได้ว่าตัวเองเป็นคนที่ไม่มีอะไรด่างพร้อย และคนสองคนนั้นก็เป็นที่สุดในภาคเอกชนกับภาครัฐบาล

คนแรกคือ ชิน โสภณพณิช ที่บุญชูยืนยันว่าเป็นคนที่รู้ว่าบุญชูทำงานอย่างสะอาด และเป็นนักธนาคารมืออาชีพที่สุด

อีกคนคือนายกฯ เปรม ซึ่งบุญชูท้าให้ดำเนินการทางกฎหมายอย่างไม่ต้องเกรงใจกันถ้ามีหลักฐานว่าตัวเขามีอะไรที่ไม่ซื่อระหว่างที่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอยู่

ปฏิกิริยาของคนที่อ่านแถลงการณ์ก็มีหลายฝ่าย ตั้งแต่เห็นอกเห็นใจที่บุญชูโดนโจมตีและทำลายตั้งแต่เข้ามาในวงการเมือง จนกระทั่งไม่เชื่อที่แถลงออกมา

“คุณบุญชูตอนนี้เหมือนมาร์กอส ที่อควิโนตาย ถึงตัวเองจะไม่ได้เกี่ยวข้องแต่รูปการณ์จะออกมาว่ามีส่วน” นักวิเคราะห์เหตุการณ์รายหนึ่งพูดให้ “ผู้จัดการ” ฟัง

เมื่อตอนที่บุญชูกระโดดเข้าไปเล่นการเมืองครั้งแรก ได้ตีพิมพ์หนังสือ ชื่อ สัจจะลูกผู้ชาย ออกมา หนังสือเล่มนั้นเป็นการรวบรวมสุนทรพจน์ของบุญชูจากที่ต่างๆ ที่เคยได้พูดมาอีก 10 ปี ให้หลัง สัจจะลูกผู้ชาย ก็ต้องออกมาอีกครั้งหนึ่ง เพียงแต่ลูกผู้ชายคนนี้ต้องมาเขียนด้วยตัวเอง เพื่อยืนยันว่า “สัจจะครั้งนั้นยังคงเป็นสัจธรรมอยู่ แม้กระทั่งบัดนี้”

คงอีกไม่นานเกินรอ ก็จะต้องมี สัจจะเป็นเล่ม ออกมาจากบุญชูแน่นอน พร้อมทั้งหมายศาลที่สำนักงานทนายความของคนึง ฤาชา จะต้องร่อนไปที่สื่อมวลชนหลายฉบับที่พูดถึงบุญชูไปเกี่ยวพันกับธุรกิจตึกดำ

ไม่รู้ “ผู้จัดการ” จะโดนด้วยหรือเปล่าแฮะ