คณะลูกขุนในศาลสหรัฐฯตัดสินเมื่อวันเสาร์(15) ว่า อาร์เธอร์ แอนเดอร์เซน
แอลแอลพี ที่เคยมีฐานะเป็น 1 ในกิจการบัญชีระดับบิ๊กไฟฟ์ของโลก มีความผิดฐานขัดขวางความยุติธรรม
ด้วยการปิดกั้นหน่วงเหนี่ยวเจ้าหน้าที่กำกับตรวจสอบหลักทรัพย์ ที่กำลังสอบสวนกรณีการล้มครืนของบริษัทเอนรอน
คอร์ป หลังจากทราบคำตัดสินไม่นาน แอนเดอร์เซนก็แจ้งต่อทางการว่า
จะยุติการสอบบัญชีบรรดาบริษัทมหาชนตั้งแต่สิ้นเดือนสิงหาคม อันมีความหมายเท่ากับเป็นการจบชีวิตของกิจการเก่าแก่อายุ
89 ปีแห่งนี้ การตัดสินของคณะลูกขุนคราวนี้
กว่าจะออกมาได้ต้องใช้เวลาพิจารณากันอยู่ถึง 10 วัน และในการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลัง
เสร็จสิ้นการพิจารณา ลูกขุนหลายคนเผยว่า พวกเขาตัดสินโดยมีเสียงเป็นเอกฉันท์
เพราะเชื่อว่าทนายความคนหนึ่งที่เป็นพนักงานของแอนเดอร์เซนเอง ได้สั่งให้ลบข้อความสำคัญมากออกจากบันทึกช่วยจำภายในบริษัทฉบับหนึ่ง
หาใช่เนื่องจากการที่แอนเดอร์เซนสั่งทำ
ลายเอกสารอันเกี่ยวข้องกับเอนรอนจำนวนมากมายไม่ คำตัดสินว่ามีความผิดจริงในคดีอาญาคราวนี้
นับเป็นครั้งแรกที่บริษัทสอบบัญชีระดับยักษ์ใหญ่โดนกัน
อีกทั้งถือเป็นชัยชนะสำหรับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ โดยเป็นความสำเร็จในทางกฎหมายอย่างเป็นชิ้นเป็นอันครั้งแรก
ภายหลังจากเข้าสอบสวนการล่มสลายของบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่อย่างเอนรอน
มาเป็นเวลา 6 เดือนแล้ว ตามระบบยุติธรรมอเมริกัน หลังจากนี้ไปผู้พิพากษาจะตัดสินกำหนดโทษ
โดยนัดอ่านกำหนดระวางโทษกันในวันที่ 11 ตุลาคม จากความผิดในกรณีเช่นนี้
แอนเดอร์เซนอาจถูกลงโทษปรับไม่เกิน 500,000 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ในสภาพที่แอนเดอร์เซนกำลังพังครืนลงอย่างรวดเร็วอยู่แล้ว
อีกทั้งบริษัท ก็ได้ยุติความพยายามที่จะหาทางผงาดขึ้นมาใหม่
อีกหนจากเรื่องอื้อฉาวคราวนี้ ในฐานะโมเดลสำหรับการปฏิรูปวงการวิชาชีพด้านบัญชี
ผลลัพธ์สำคัญที่สุดจากคำตัดสินของคณะลูกขุน จึงน่าจะเป็นการปิดฉากความหวังซึ่งจะอยู่รอดของบริษัท
แม้กระทั่งการรอดชีวิตต่อไปในรูปแบบที่กิจการหดเล็กลงฮวบฮาบก็ตาม ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงภายหลังการตัดสิน
คณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (เอสอีซี)
ได้ออกคำแถลงกล่าวว่า แอนเดอร์เซนสมัครใจขอยุติสิทธิที่จะสอบบัญชีบริษัทมหาชนในสหรัฐฯ
อันเป็นสิทธิที่จะต้องได้รับอนุมัติจากทางเอสอีซี ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่
31 สิงหาคมนี้
แอนเดอร์เซนนั้นปัจจุบันอยู่ในสภาพเหลือ แต่เปลือกของร่างเดิมอยู่แล้ว บริษัทต้องสูญเสีย
ลูกค้าที่เป็นบริษัทมหาชนไปถึง 690 รายจากที่มีอยู่ทั้งสิ้นกว่า 2,300 รายนับตั้งแต่วันที่
1 มกราคมเป็นต้นมา
นอกจากนั้นลูกจ้างพนักงานก็ลดลงจากที่มีอยู่ 27,000 คนในสหรัฐฯ เหลืออย่างเก่ง
ไม่เกิน 10,000 คน การหดหายไปนี้มีทั้งการที่บริษัทเลย์ออฟพนักงานเอง
และการที่สาขาบางสาขายกหนีไปอยู่กับพวกบริษัทคู่แข่ง โดยเฉพาะกิจการในต่าง
แดนทั่วโลกซึ่งสังกัดอยู่กับ แอนเดอร์เซน เวิลด์ไวด์ แทบทั้งหมดได้แยกตัวออกจากกิจการแม่ที่
อยู่ในสหรัฐฯ
และกำลังถูกบริษัทสอบบัญชียักษ์รายอื่นๆ เขมือบกลืนกิน กระทั่งในอเมริกาเอง
ดีลอยต์ แอนด์ ทูช ก็ได้ตกลงเข้าซื้อธุรกิจด้านภาษีของแอนเดอร์เซน ขณะที่
เคพีเอ็มจีแสดงความสนใจจะเทกโอเวอร์
กิจการด้านที่ปรึกษา รัสตี้ ฮาร์ดิน ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมทนายความ ว่าคดีของฝ่ายแอนเดอร์เซน
แถลงว่าบริษัทจะอุทธรณ์แน่นอน ภายหลังผู้พิพากษากำหนดโทษแล้ว แต่ผู้สังเกตการณ์ต่างชี้ว่า
กว่าการพิจารณาคดีในขั้นศาลอุทธรณ์จะเสร็จสิ้นน่าจะกินเวลาไม่ต่ำกว่า 1
ปี ดังนั้นจึงหมายความว่าผลการตัดสินในขั้นอุทธรณ์จะแทบไม่มีผลอะไรต่อความสามารถในการอยู่รอดของแอนเดอร์เซน
การตัดสินว่ามีความผิดจริงคราวนี้ ออกมาภายหลังการพิจารณาคดีราว 6 สัปดาห์ที่บ่อย
ครั้งดำเนินไปอย่างเชื่องช้าและสลับซับซ้อน อีกทั้งถูกขัดจังหวะเป็นระยะจากการโต้แย้งอัน
ดุเดือดทั้งจากฝ่ายอัยการและฝ่ายจำเลย อย่างไรก็ตาม คณะลูกขุนได้สร้างความประหลาดใจให้แก่นักกฎหมายทั้งหลาย
เพราะพวกเขามิได้สนใจประเด็นสำคัญที่สุดซึ่งทางอัยการของรัฐผู้เป็นโจทก์
พยายามหยิบยกขึ้นมาพิสูจน์ นั่นคือเรื่องที่แอนเดอร์เซนได้ทำลายเอกสารต่างๆ
รวมน้ำหนักเป็นตันๆ เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว
ซึ่งฝ่ายอัยการระบุว่าเป็นความตั้งใจขัดขวางไม่ให้เจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ได้หลักฐานในการสอบสวนกรณีเอนรอน
อันมีฐานะเป็นลูกค้าใหญ่อันดับสองของแอนเดอร์เซน เรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับการบอกให้คนทำ
งานทำลายเอกสารต่างๆ นั้น เป็นเพียงเรื่องฉาบ ฉวยผิวเผินเท่านั้น" ออสการ์
ไครเนอร์ ศาสตรา-
จารย์ในมหาวิทยาลัยผู้หนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่เป็นหัว หน้าของคณะลูกขุนชุดนี้
ให้สัมภาษณ์เบื้องหน้าเบื้องหลังการตัดสินของพวกเขา คณะลูกขุนยังไม่ให้น้ำหนักกับพยานเอกของฝ่ายโจทก์
นั่นคือ เดวิด
ดันแคน หุ้นส่วนของแอนเดอร์เซนซึ่งทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมผู้สอบบัญชีให้เอนรอน
และได้ถูกแอนเดอร์เซนไล่ ออกภายหลังเป็นข่าวฉาวว่า เขาได้ทำลายเอกสาร จำนวนมากของเอนรอน
ดันแคนทำความตกลง กับอัยการ โดยขอรับสารภาพผิดเรื่องกระทำการ ขัดขวางความยุติธรรม
เพื่อแลกกับการได้ลดหย่อนผ่อนโทษ ผมไม่คิดว่าเราได้เคยพูดถกเถียงกันในเรื่องที่ว่าเดวิด
ดันแคน
กระทำความผิดอาญาหรือ เปล่าด้วยซ้ำ" เดวิด ชเวบ พ่อครัวร้านขนมปังซึ่งทำหน้าที่เป็นลูกขุนคนหนึ่งในคณะนี้บอกกับนักข่าว
เขากล่าวต่อไปว่า คำให้การของดันแคน ไม่เป็นที่น่าเชื่อถือ
เนื่องจากเป็นการพูดเพื่อแลกเปลี่ยนกับการให้ทางอัยการลดโทษให้ แต่ที่คณะลูกขุนตัดสินว่า
แอนเดอร์เซนมีความจงใจที่จะปิดบังความจริง ต่อเจ้าหน้าที่ซึ่งกำลังสอบสวนเรื่องการล้มของเอนรอน
เนื่องมาจากการที่เอนเดอร์เซนแก้ไขถ้อยคำในบันทึกช่วยจำฉบับหนึ่ง ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับกรณีของเอนรอน
โดยการแก้ไขนี้เป็นไปตามคำแนะนำของ แนนซี เทมเปิล ทนายความภายในบริษัทแอน-
เดอร์เซนเองคนหนึ่ง ทั้งนี้เทมเปิลบอกให้ลบข้อความที่ระบุว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดทำบันทึกช่วยจำฉบับดังกล่าว
ชาร์ลส์ รอธเฟลด์
หนึ่งในทนายความที่ว่าความแก้ต่างให้แอนเดอร์เซนในศาลกล่าวว่า จากประเด็นการพิจารณาของคณะลูกขุนเช่นนี้
เขาถือว่าคือการยอมรับสิ่งซึ่งแอนเดอร์เซนพยายาม แก้ต่าง
เพราะได้พิสูจน์หักล้างจนชัดเจนว่า การทำลายเอกสารซึ่งมีดันแคนเป็นผู้รับผิดชอบนั้น
แท้จริงแล้วเป็นเพียงการเก็บกวาดทำความสะอาดเอกสารที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้แล้วด้วยความบริสุทธิ์ใจ
อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายอัยการตอบโต้ว่า ระหว่างการพิจารณาคดี พวกเขาเชื่ออยู่แล้วว่า
เทมเปิลคือพยานปากเอก ทว่าเธอกลับไม่ยอมขึ้นให้การ โดยอ้างสิทธิตามบทแก้ไขที่
5 ของรัฐธรรมนูญอเมริกัน
ซึ่งให้สิทธิบุคคลที่จะไม่ขึ้นให้การได้ หากเชื่อว่าการให้การดังกล่าวจะกลายเป็นการปรักปรำตัวเอง
บันทึกช่วยจำฉบับนั้นคือเอกสารสำคัญชิ้น หนึ่ง และเราได้อ้างถึงหลายต่อหลายครั้งในการ
นำสืบของเรา" แอนดริว ไวสแมน กล่าว เขาเป็น หนึ่งในสามอัยการซึ่งว่าคดีนี้ที่ใช้เวลาประมาณ
5 สัปดาห์ เธอใช้ความพยายามทุกอย่างเพื่อชำระสะสางไฟล์ของพวกเขา"