|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"ปริญสิริ" ประกาศจับมือพันธมิตรร่วมทุนผุดโครงการอสังหาฯ หวังเสริมความเข้มแข็งของบริษัทก่อนเข้าตลาดหุ้น มั่นใจภายใน 1-2 สัปดาห์ ตลท. อนุมัติไฟลิ่ง ยันกระจายหุ้นภายในปีนี้ แต่ต้องรอดูสถานการณ์ตลาดก่อน เผยเตรียมเปิดขายคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ลาดพร้าว 44 ไตรมาส 2 ปี49 พร้อมเดินหน้าจัดกิจกรรมการตลาดตอกย้ำแบรนด์ปริญสิริ
นายชัยวัฒน์ โกวิทจินดาชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานบริหารโครงการ บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทมีนโยบายเปิดกว้างด้านการร่วมทุนในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ โดยเป็นการร่วมมือกับบริษัทพันธมิตรด้านการค้าที่เคยร่วมงานมาก่อน ทั้งที่เป็นบริษัทก่อสร้างที่ดิน การเงิน และอื่นๆ โดยนโยบายดังกล่าวเป็นนโยบายในระยะยาว แม้ว่าบริษัทจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแล้วก็ตาม แต่บริษัทก็จะยังคงนโยบายนี้ไว้ ทั้งนี้นโยบายร่วมทุนนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มศักยภาพทั้งด้านการเงิน การตลาด และที่ดิน ร่วมถึงการบริหารโครงการให้แก่บริษัทด้วย
โดยในขณะนี้ ปริญสิริมีแผนที่จะร่วมทุนในการพัฒนาโครงการใหม่ร่วมกับบริษัทพันธมิตร ซึ่งได้แก่ บริษัทยูนิเวนเจอร์ จำกัด ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการเจรจาและมีข้อตกลงร่วมกันว่าจะร่วมทุนในการพัฒนาโครงการจัดสรร ส่วนจะเป็นลักษณะใดนั้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้ นอกจากยูนิเวนเจอร์แล้วบริษัทยังได้เจรจากับอีกหลายบริษัท โดยลักษณะของการร่วมทุนจะเป็นการลงทุนร่วมกันทางด้านที่ดิน และเทคโนโลยีในการก่อสร้าง รวมถึงเงินลงทุน ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงของการหารือเรื่องของรูปแบบโครงการว่าจะมีการพัฒนารูปแบบใด คาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการสรุปรูปแบบการก่อสร้างโครงการได้ในเร็วๆ นี้
สำหรับแผนการกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้น ปริญสิริ ตั้งเป้าว่าจะกระจายหุ้นให้ได้ภายในปีนี้ โดยขณะนี้บริษัทได้ยื่นแบบ แสดงรายการข้อมูล(ไฟลิ่ง)ไปแล้วและคาดว่าจะได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ โดยจำนวนหุ้นเพิ่มทุน (IPO) ที่บริษัทจะกระจายในตลาดมีจำนวน 155 ล้านหุ้นหรือประมาณ 25% ส่วนที่เหลือ 75% บริษัทจะเป็นผู้ถือไว้ ส่วนหุ้นที่นำเข้ากระจายในตลาดนี้บริษัทแบ่งขายเป็น 3 ส่วน คือ 1.เสนอขายให้กับสถาบัน 2.เสนอขายให้กับรายย่อย และ 3.ขายให้กับผู้มีอุปการคุณ
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ปริญสิริยังไม่ได้กำหนดสัดส่วนว่าจะขายให้กับกลุ่มใดในจำนวนเท่าใด แต่จะให้ความสำคัญกับกลุ่มนักลงทุนสถาบันเนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีการถือหุ้นในระยะยาว ซึ่งจะทำให้หุ้นมีเสถียรภาพ อย่างไรก็ดีขณะนี้ยังไม่มีการระบุเวลาที่แน่ชัดในการเข้ากระจายหุ้นในตลาดเนื่องจากต้องรอดูสถานการณ์ของตลาดด้วย ว่ามีความเหมาะสมแก่กากระจายหุ้นในช่วงเวลาใด แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าในช่วงระยะใกล้นี้จะยังไม่เร่งการกระจายหุ้นเพราะตลาดยังมีความผันผวนสูง
นายชัยวัฒน์กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 6 โครงการ โดยแบ่งสัดส่วนเป็นการเปิดโครงการภายใต้ แบรนด์ปริญญดา 60% แบรนด์ปริญลักษณ์ 20% และแบรนด์ปริญสิริ 20%
นอกจากนี้ ปริญสิริมีแผนจะเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่โครงการใหม่ ในช่วงต้นปี 2549 ขณะนี้ได้เริ่มก่อสร้างแล้วคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2549 โครงการดังกล่าวตั้งอยู่ที่ถนนลาดพร้าว 44 โดยโครงการนี้จะเป็นโครงการโลว์ไลน์ มูลค่า 200 กว่าล้านบาท จำนวน 200 กว่ายูนิต ราคาขายเฉลี่ยประมาณ 1 ล้านบาทขึ้นไป
สำหรับในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ปริญสิริมีแผนจะเร่งทำตลาดมากขึ้น โดยจะมีการจัดกิจกรรมด้านการตลาดประมาณ 5-6 กิจกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความรับรู้ในแบรนด์ "ปริญสิริ" ต่อกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากขึ้น โดยกลยุทธ์ที่บริษัทนำมาใช้นั้นคือ Below The line โดยมุ่งเน้นการสื่อสารตลาดแบบครบวงจรเจาะกลุ่มเป้าหมายโดยตรง ซึ่งล่าสุดปริญสิริได้จัดกิจกรรม "Prinsiri ...On the Road" เพื่อเป็นการตอกย้ำแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักกันมากขึ้น
โดยกิจกรรมดังกล่าวเป็นการจัดขบวนคาราวาน จำลองแบบบ้านของปริญสิริ 2 แบรนด์ คือ ปริญญดา และปริญลักษณ์ พร้อมข้อมูลการตลาดที่น่าสนใจ บนรถแห่โชว์เป็นเวลา 7 วัน ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งในการจัดกิจกรรมครั้งนี้บริษัทใช้งบประมาณในการลงทุนทั้งสิ้น 3 ล้านกว่าบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังมีการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อ ทั้งสื่อ สิ่งพิมพ์ สื่อวิทยุ โดยในปีนี้บริษัทวางงบประมาณด้านการตลาดไว้ประมาณ 3% ของยอดรับรู้รายได้ของทั้งปี ซึ่งบริษัทตั้งเป้ารับรู้รายได้ในปีนี้ไว้ที่ 2,300-2,500 ล้านบาท
|
|
|
|
|