|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ซื้อซิมการ์ดระบบเติมเงินใหม่วันนี้ ต้องกรอกแบบฟอร์ม 6 ข้อ โดยคนซื้อกับบัตรที่แสดงตนต้องเป็นคนเดียวกัน โอเปอเรเตอร์ 7 รายขานรับ ยันไม่นำข้อมูลมาใช้เพื่อประโยชน์ทางการตลาด ด้านบลิสเทลย้ำขอคอมมิชชันเพิ่ม 20 เท่า เพราะร้านค้าแบบฟอร์มยุ่งยากเหมือนระบบโพสต์เพด
เมื่อวานนี้ (9 พ.ค.) ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ 7 ราย ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ในการบันทึกข้อมูลผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเภทเติมเงิน กับบริษัท ทีโอที และบริษัท กสท โทรคมนาคม โดยมีนายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เป็นประธาน และมีตัวแทนจากคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) และสมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทยเป็นพยาน
การบันทึกข้อมูลผู้ใช้บริการดังกล่าวจะเริ่มมีผลตั้งแต่ 00.01 น. วันที่ 10 พ.ค.นี้ โดยผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือทั้ง 7 รายประกอบด้วยเอไอเอส ดีแทค ทีเอ ออเร้นจ์ ดีพีซี ฮัทช์ กิจการร่วมค้าไทยโมบาย บริษัท เอเซียส รีเจนแนล เซอร์วิส ซึ่งผู้ใช้บริการระบบเติมเงินที่จะซื้อซิมการ์ดใหม่จะต้องให้ข้อมูลลงแบบฟอร์มการขาย ซึ่งผู้ขายจะกรอกรายละเอียดเท่าที่จำเป็นคือ 1.เลขหมายที่ขาย 2.ชื่อและสกุล 3.เลขที่บัตร 4.ประเภทของบัตรที่แสดงตัว 5.ชื่อร้านค้าที่ขาย และ 6.ผู้ขาย
ทั้งนี้ ผู้ซื้อและบัตรแสดงตัวจะต้องเป็นคนเดียวกัน และผู้ซื้อ 1 คน จะซื้อซิมการ์ดกี่ใบก็ได้ โดยบัตรแสดงตัวที่สามารถใช้ได้มีหลาย ประเภทคือ 1.บัตรประชาชน 2.บัตรข้าราชการ 3.ใบขับขี่ 4.พาสปอร์ต 5. บัตรแรงงานตางด้าว 6.บัตรนักเรียน นักศึกษาที่ออกโดยหน่วยงานรัฐ รวมทั้งบัตรอื่นๆที่ออกโดยหน่วยงานรัฐและมีภาพถ่าย
นายสุวิทย์กล่าวว่า ข้อมูลเหล่านี้จะถูกเก็บเป็นความลับ และจะไม่ให้ถูกใช้ประโยชน์อื่นใดในทางการตลาด ซึ่งประเด็นนี้คนที่ห่วงเรื่องสิทธิส่วนบุคคลไม่ต้องกังวล โดยข้อมูลที่ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือรวบรวมจากตัวแทนและช่องทางขาย จะถูกเก็บอยู่ที่โอเปอเรเตอร์แต่ละราย และจะไม่ถูกนำออกมาใช้จนกว่าทางราชการจะเรียกขอไปเท่านั้น ซึ่งความร่วมมือนี้เกิดขึ้นจากความยินดีสมัครใจของโอเปอเรเตอร์ที่ร่วมมือราชการในการทำประโยชน์กับสังคม โดยมาตรการนี้เมื่อปฏิบัติครบ 2 เดือน โอเปอเรเตอร์จะร่วมกันติดตามประเมินผล เพื่อปรับปรุงแนวทางที่เหมาะสมต่อไป
ส่วนกรณีที่ซิมการ์ดหาย ผู้ใช้บริการต้องแจ้งที่สถานีตำรวจหรือที่โอเปอเรเตอร์ รวมทั้งหากขายซิมการ์ดนั้นไปก็จำเป็นต้องมีการแจ้งโอเปอเรเตอร์เช่นกัน
นายสมประสงค์ บุญยะชัย ประธานกรรมการบริหารเอไอเอส กล่าวว่า บริษัทยืนยันว่าข้อมูลนี้เก็บเพื่อใช้เมื่อมีเหตุไม่ปกติเท่านั้น บริษัทร่วมมือกับราชการและเชื่อว่าผู้ขายและผู้ซื้อจะเต็มใจให้ความร่วมมือกับราชการครั้งนี้
นายวิชัย เบญจรงคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมดีแทค กล่าวว่า การเรียกขอให้ข้อมูลจากบริษัทจะต้องมีหมายศาลหรือมาจากผู้บังคับการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือหน่วยงานเกี่ยวกับความมั่นคงเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่เฉพาะ เกี่ยวกับภาคใต้แต่รวมถึงปัญหาด้านอาชญากรรมและความมั่นคงด้านอื่นๆ ด้วย อย่างเรื่องยาเสพติด ซึ่งราชการจะขอในส่วนรายละเอียดการใช้โทรศัพท์มือถือหรือ Call Details ต่างๆ
นายราจีฟ ซอร์นี่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท ฮัทชิสัน ซีเอที ไวร์เลส มัลติมีเดียหรือ ฮัทช์ กล่าวว่า ข้อมูลเอกสารการบันทึกข้อมูลผู้ใช้ทางบริษัทจะให้ผู้แทนจำหน่ายหรือจากช่องทางขายอื่นๆ ส่งเข้ามายังบริษัทสัปดาห์ละ 2 ครั้ง โดยจะไม่ให้ส่งเอกสารผ่านแฟกซ์ เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในข้อมูลส่วนนี้ ว่ามีการเก็บไว้เป็นความลับ
นายศุภชัย เจียนรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า มาตรการจัดเก็บข้อมูลของซิมการ์ดใหม่ยังเป็นเพียงการเริ่มต้น ซึ่งยังคงเหลือในส่วนของซิมการ์ดเก่า ซึ่งออเร้นจ์จะหาวิธีการที่ดีที่สุดในการเก็บข้อมูลเพื่อป้องกันในเรื่องความเป็นส่วนบุคคล ถึงแม้ว่าจะมีขั้นตอนที่ต่างจากการลงทะเบียนซิมการ์ดใหม่ โดยออเร้นจ์จะหารูปแบบที่สะดวกที่สุดในการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า
บลิสเทลหันขายโพสต์เพด
นางสาวประกายดาว เขมะจันตรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท บลิสเทล กล่าวว่า ขณะนี้ทางร้านจำหน่ายโทรศัพท์หลายรายเตรียมหยุดขายซิมการ์ดระบบบัตรเติมเงิน หลังจากกระทรวงไอซีทีออกมาตรการจัดระเบียบซิมการ์ดใหม่ ซึ่งทำให้เกิดความยุ่งยากกับร้านค้าเวลาซื้อซึ่งเป็นขั้นตอนที่มีรายละเอียด เช่นเดียวกับการจดทะเบียนในระบบโพสต์เพด ทำให้ร้านค้าหลายแห่งสนใจที่จะขายซิมการ์ดในระบบโพสต์เพดมากขึ้น เนื่องจากได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่า
ตอนนี้บลิสเทลได้ค่าคอมมิชชันจากการขายซิมการ์ดระบบโพสต์เพดเฉลี่ยใบละ 500-800 บาท ขณะที่ได้จากซิมการ์ดระบบพรีเพด ประมาณ 10-30 บาท ถ้าหากให้บลิสเทลจดรายละเอียดระบบพรีเพดเหมือนโพสต์เพด ก็ต้องให้ค่าคอมมิชชั่นร้านค้าอีก 20 เท่าหรือประมาณ 300-600 บาท ถึงจะสร้างแรงจูงใจให้ร้านค้าได้
"มาตรการนี้เชื่อว่าจะทำให้ยอดระบบพรีเพดลดลง 50% ซึ่งร้านค้าต้องได้คอมมิชชันมากขึ้นเพื่อจูงใจให้ขายมากขึ้น เพราะปัจจุบันการแข่งขันสูงจนแทบไม่เหลือกำไรแล้ว"
ด้านนายธนา เธียรอัจฉริยะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการพาณิชย์ ดีแทค กล่าวว่า ขั้นตอนการเก็บข้อมูลของผู้ใช้ในระบบพรีเพด ไม่ได้ยุ่งยากเท่ากับระบบโพสต์เพด เพราะใช้เพียงเลขบัตรประชาชน 13 หลักเท่านั้น จึงคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อยอดขายซิมการ์ดพรีเพด แม้ว่าจะมีการจัดระเบียบแล้วก็ตาม นอกจากนี้ดีแทคยังเตรียมจัดแคมเปญสำหรับร้านค้าทั่วประเทศเพื่อกระตุ้นให้ร้านค้าปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวได้ดีขึ้น
จาตุรนต์เร่ง 3 เดือนให้เสร็จ
ด้านนายจาตุรนต์ ฉายแสง รองนายกรัฐมนตรี รักษาการรัฐมนตรีว่าการไอซีที กล่าวถึงการจัดระเบียบซิมการ์ดในภาคใต้ว่า ทีโอที และกสท โทรคมนาคมได้รายงานว่า ไม่สามารถเริ่มดำเนินการจดทะเบียนซิมการ์ดเก่าใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงสงขลาได้ทันภายในวันที่ 15 พ.ค นี้ เนื่องจากมีอุปสรรคในทางเทคนิค ซึ่งทางรัฐวิสาหกิจได้เสนอให้ทำครอบคลุมทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้
"เราต้องคำนึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก ไม่ใช่มาพิจารณาว่า บริษัทจะทำอะไรได้แค่ไหน ซึ่งผมเน้นย้ำว่าซิมการ์ดจะมีอายุได้แค่ 3 เดือน แต่ถ้าเกินหลังจากนั้น ทางบริษัทต้องสามารถตัดสัญญาณได้เลย บริษัทต้องขวนขวาย มิฉะนั้นบริษัทก็ต้องสูญเสียรายได้ เพราะว่าลูกค้าจะต้องนำซิมการ์ดมาคืน"
เรื่องดังกล่าวนายจาตุรนต์ได้ให้หลักการไปยังบริษัทเอกชน ให้เร่งดำเนินการให้เสร็จภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 เดือน แม้ว่าบริษัทเอกชนจะให้ข้อคิดเห็นว่า การจดทะเบียนต้องใช้เวลาถึง 6 เดือนก็ตาม ขณะเดียวกันต้องให้กำหนดวันในการตัดสัญญาณที่แน่นอน ไม่เช่นนั้นจะไม่มีใครมาจดทะเบียนซิมการ์ด
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการจดทะเบียนซิมการ์ดแล้ว หากมีการนำไปใช้ก่อเหตุวางระเบิด แต่ไม่สามารถหาเจ้าของซิมการ์ด ก็จะต้องมีระบบตรวจสอบหาผู้รับผิดชอบตามมา ซึ่งเป็นหน้าที่ของกระทรวงไอซีทีที่จะเป็นผู้ดำเนินการ
|
|
|
|
|