แผ่นดินทอง จับมือพันธมิตรต่างชาติ กองทุนอสังหาริมทรัพย์มอร์แกน สแตนลี่ย์
ผุดโครงการหรูในซอยโปโล ย่านกลาง กรุง มูลค่ารวม 3.6 พันล้านบาท ก่อนจะขยายสู่โครงการร่วมทุนใหม่ในอนาคต
โดยเล็งโครงการที่อยู่ภายใต้การดูแลของบสท. ขณะที่ผู้บริหารชี้เป็นการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในไทยครั้งแรกของ
"มอร์แกน สแตนลี่ย์" และเป็น การเปิดประตูดึงเม็ดเงินต่างชาติเข้า
สู่ไทย
หลังเกิดภาวะวิกฤติเศรษฐ-กิจในไทย วานนี้ (13 มิ.ย.) บริษัท แผ่น ดินทอง
พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอป-เม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GOLD ได้ร่วมลงนามในสัญญาการร่วมทุนกับกองทุนอสังหาริมทรัพย์
มอร์แกน สแตนลี่ย์ (Morgan Stanley Real Estate Fund) อย่างเป็นทาง การ
เพื่อพัฒนาโครงการที่พักอาศัย ในซอยโปโล ย่านใจกลางธุรกิจกรุงเทพฯมูลค่าโครงการลงทุนรวม
3.6 พันล้านบาท
หรือประมาณ 82 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมอร์แกน สแตนลี่ย์ จะเป็นผู้ลงทุนร้อยละ
65 ขณะที่แผ่น ดินทองจะเป็นผู้ลงทุนที่เหลืออีก 35% ของมูลค่าโครงการทั้งหมด
ทั้งนี้โครงการในซอยโปโล เป็นโครง
การพักอาศัยเกรดเอ ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 34 ไร่ (ประมาณ 54,300 ตารางเมตร)ภายในโครงการประกอบด้วย
วิลล่า ทาวน์เฮาส์ และคอนโดมิ-เนียม ในสไตล์การออกแบบที่มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร
พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าระดับบนในตลาดที่อยู่อาศัยหรูย่านใจกลางธุรกิจในกรุงเทพฯ
และคาดว่าจะสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี 2547 นายเลียแค็ท
สุลต่าน แดนจี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้
ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GOLD กล่าวว่า
การลงนามในสัญญาร่วมทุนฉบับนี้จะส่งสัญญาณที่ชัดเจนไปยังนักลงทุนต่างชาต
ิว่าภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทย พร้อมแล้วที่จะกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
รวมทั้งยังเป็น
การปูทางไปสู่ความสัมพันธ์ระยะยาว และเป็นก้าวสำคัญสู่การเติบโตของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยโดยรวม
"แผ่นดินทอง รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่กอง ทุนอสังหาริมทรัพย์ มอร์แกน
สแตนลี่ย์
ตัดสินใจเลือกโกลเด้นแลนด์เป็นพันธมิตรไทยรายแรก ในการร่วมลงทุนในโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในไทย
และมีความเชื่อมั่นในโครงการในซอยโปโล
จะเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่หรูหราที่สุดอีกโครงการหนึ่งของ GOLD ในย่านใจ
กลางธุรกิจกรุงเทพฯ" ส่วนสาเหตุที่บริษัทถือหุ้นในสัดส่วนเพียง 35%
ซึ่งน้อยกว่าพันธมิตรนั้น
เนื่องจากบริษัทต้องการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน โดยแบ่งเงินการลงทุนในโครงการอื่นๆ
ซึ่งเงื่อนไขการร่วมทุนจะเป็นการแบ่งรายได้จากค่าเช่า
ซึ่งผลตอบแทนดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว
นายแดนจี้ กล่าวเพิ่มเติมว่า
การร่วมทุนดังกล่าวเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยประสบความสำเร็จในการเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างชาติ
และเป็นจุดเริ่มต้นที่จะนำไปสู่การไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติในปีนี้และปีหน้า
"หลังจากประสบความสำเร็จในการปรับโครงสร้างหนี้ตั้งแต่ปี 2542 ที่ผ่านมา
ทำให้ปัจจุบันบริษัทปราศจากภาระหนี้สิน
จึงมีความพร้อมที่จะก้าวสู่การเป็นผู้พัฒนาอสังหาริม- ทรัพย์ที่มีโครงการหลากหลายที่สุด
และพัฒนาโครงการได้อย่างคุ้มค่าที่สุด โดยมีรายได้ที่สมดุล
จากการพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรและรายได้ที่ต่อเนื่อง" นายแดนจี้ กล่าว
นางศศิมา ศรีวิกรม์ ประธานกรรมการ GOLD กล่าวถึง แหล่งเงินทุนที่จะนำมาใช้ในโครงการดังกล่าว
ว่า
จากสัดส่วนการลงทุน 35% นั้น ขณะนี้บริษัทได้จ่ายค่าซื้อที่ดินเรียบร้อยแล้ว
มูลค่ารวมประมาณ 600 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีกกว่า 600 ล้านบาท ขณะนี้ได้มีสถาบันการเงิน
ติดต่อให้กู้เรียบร้อยแล้ว
แต่บริษัทจะต้องเสือกข้อเสนอที่ดีสุด ขณะที่ด้านผลการดำเนินงานนั้นในปี
2545 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้จากการขายคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 80% ส่วนที่เหลืออีก
20% เป็นรายได้จากค่าเช่า ขณะที่ในปี
2544 ที่ผ่านมา มีสัดส่วนรายได้จากการขายสูงถึง 90% และรายได้จากค่าเช่า
10% ทั้งนี้บริษัทจะคงสัดส่วนรายได้จากค่าเช่าไว้ประมาณที่ 20% นายเค เอส
คัลซี กรรมการผู้จัดการ
และผู้จัดการกองทุนอสังหาริมทรัพย์ มอร์แกน สแตนลี่ย์ เอเชีย กล่าวว่า กองทุนอสังหาริมทรัพย์
มอร์แกน สแตนลี่ย์ มีความเชื่อมั่นในการดำเนิน งานที่ผ่านมาของโกลเด้นแลนด์เป็นอย่างดี
รวมทั้งมั่นใจว่าโครงการเกรดเอในย่านใจกลางเมืองยังเป็นที่ต้องการของตลาดระดับบน
ดังนั้นจึงตัด สินใจลงทุนในโครงการดังกล่าวเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า
"การลงทุนในโครงการของโกลเด้นแลนด์ครั้งนี้ เป็นการลงทุนทางตรงครั้งแรกในประ
เทศไทย ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าโครงการเช่นนี้จะส่งสัญญาณ
ที่ดีต่อการพัฒนาและการเติบโตในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย และต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ"
สำหรับแผนการดำเนินงานของ GOLD นั้น นายแดนจี้ กล่าวว่า นอกจากการโครงการร่วมทุน
กับกองทุนอสังหาริมทรัพย์มอร์แกน สแตนลี่ย์แล้ว บริษัทยังมีความสนใจที่จะเข้าไปลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในการดูแลของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย
(บสท.)
ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอเงื่อนไขการลงทุนที่ชัดเจน ของบสท. โดยรูปแบบของการลงทุนนั้น
บริษัทจะเข้าไปลงทุนในรูปของการจัดตั้งกองทุนขึ้นมา ซึ่งจะร่วมมือกับกองทุนอสังหาริมทรัพย์มอร์แกน
สแตนลี่ย์
เพื่อจะศึกษาและหาแนวทางของรูปแบบที่จะเข้าลงทุน "ขณะนี้กองทุนอสังหาริมทรัพย์มอร์แกน
สแตนลี่ย์ มีเงินที่จะลงทุนในอสังหาริทรัพย์ทั่วภูมิภาคประมาณ 12-13 พันล้านเหรียญสหรัฐ
โดยไม่มีการกำหนดสัดส่วนของการลงทุนในแต่ละภูมิภาค แต่จะพิจารณาจากความน่าสนใจของโครงการและผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ"
นายคัลซี กล่าว
สำหรับการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในไทยมองว่าเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวและศักยภาพของการลงทุนที่ชัดเจน
ซึ่งการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในไทยมีความเป็นไปได้ที่กองทุนจะร่วมลงทุนกับบริษัทแผ่นดินทองในลักษณะพันธมิตร
นอกจากนี้
ภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเอเซียขณะนี้ที่กองทุนเข้าไปลงทุนในประเทศเกาหลี
ฮ่องกง จีน ญี่ปุ่น และไทยที่เพิ่งเข้าลงทุน
ครั้งแรกมองว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเอเชียเริ่มฟื้นตัวและราคาได้ปรับลดลงต่ำสุด
ซึ่งทุกประเทศมีความน่าสนใจในการลงทุนยกเว้นในเมืองโตเกียวของญี่ปุ่น
ที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มถดถอยลง สำหรับมอร์แกน สแตนลี่ย์ เป็นผู้ให้บริการ
ด้านการเงินระดับโลก และเป็นผู้นำตลาดทางด้าน ธุรกิจหลักทรัพย์ การบริหารสินทรัพย์
และบริการ สินเชื่อ
โดยมีสำนักงานกว่า 700 แห่ง ใน 28 ประ เทศทั่วโลก ซึ่งเป็นเครือข่าย เชื่อมโยงผู้คน
ความคิด และเงินทุน เพื่อช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมาย ทางการเงิน ส่วนมอร์แกน
สแตนลี่ย์ เรียล เอสเตท ฟันด์
(MSREF) เป็นกองทุนหุ้นสามัญในกลุ่มธุรกิจการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ในเครือมอร์แกน
สแตนลี่ย์ โดยเน้นการลงทุนในโครงการอสังหา-ริมทรัพย์ทั่วโลก และนับตั้งแต่ปี
2534 เป็นต้นมา มอร์แกน
สแตนลี่ย์ เป็นผู้ลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
โดยมีมูลค่าการซื้อสินทรัพย์ทั่วโลกประมาณ 23 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ