|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ ตุลาคม 2527
|
|
เคยมีคนถามผมว่าระหว่าง ชิน โสภณพนิช กับ เทียม โชควัฒนา นั้นใครเก่งกว่ากัน?
เป็นคำตอบที่ยากเพราะคำว่า “เก่ง” นั้นมีความหมายที่กว้างอย่างมากๆ
แต่ผมคิดว่า ผมพอจะมีคำตอบอยู่บ้าง
ทั้งเทียม โชควัฒนา และชิน โสภณพนิช เริ่มต้นด้วยความลำบากทั้งคู่
ในช่วงแรกของการเริ่มต้นนั้น เทียมอาจจะดีกว่าชิน ตรงที่ยังมีร้านขายของอยู่เป็นของตัวเอง
ในขณะที่ชินต้องรับจ้างขนของ และก็เป็นหลงจู๊ลูกจ้างเขา
แต่ถ้าจะให้วัดกันว่าใครมองการณ์ไกลกว่ากัน ก็ต้องยกให้ “ชิน โสภณพนิช”
การมองการณ์ไกลนี้ ไม่ได้หมายความว่ามองในรายละเอียดของอนาคตธุรกิจนั้นๆ
แต่เป็นการมองระหว่างธุรกิจกลายๆ ประเภทว่าอย่างไหนดีที่สุด?
ปรากฏว่า “ชิน โสภณพนิช” หันมาจับธุรกิจการเงินซึ่งพิสูจน์แล้วว่า 40 ปีให้หลังอำนาจของธุรกิจที่ชินทำนั้นมหาศาล และเป็นธุรกิจที่คุมทุกธุรกิจ
แต่ก็นั่นแหละ!
ถ้าถามว่าระหว่างการค้าเงิน กับ การค้าของเบ็ดเตล็ด นั้น อะไรยากง่ายกว่ากัน!
ก็คงจะเป็นตรงนี้แหละกระมัง ที่ต้องให้คะแนน นายห้างเทียม” สูงกว่า “นายห้างชิน”
สูงกว่าหลายคะแนนทีเดียว!
อาจจะเป็นเพราะว่า “เงิน” เป็น COMMODITY ที่มี DEMAND มากกว่า SUPPLY ในขณะที่ “CONSUMER PRODUCTS” นอกจาก SUPPLY ที่มากกว่า DEMAND แล้ว ยังมีความยุ่งยากในขบวนการเสนอออกไปที่เกี่ยวพันกับ “พฤติกรรมของผู้ซื้อ” (BUYER'S BEHAVIOR) อีก
มาถึงตรงนี้ก็คงจะพอเห็นได้ชัดว่า การสร้าง CONSUMER'S PRODUCTS แล้วให้มันเติบใหญ่มาขนาดเครือของสหพัฒฯ นี่เป็นสิ่งที่ไม่ใช่ทำกันได้ง่ายๆ
แล้วยิ่งถ้าสร้างขึ้นมาบน “ความซื่อสัตย์และยุติธรรม” ก็ยิ่งต้องน่านับถือใหญ่
“นายห้างเทียม” เป็นพ่อค้าที่ผมยกมือไหว้ได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจและไม่ละอายต่อฟ้าดินที่จะเคารพคนคนนี้
บางคนบอกว่า นายห้างเทียมเป็น “เปาบุ้นจิ้น” ของเมืองไทยในรูปแบบของการค้าขาย ซึ่งหาได้ยากมาก
ผมได้มีโอกาสรู้จักพ่อค้าใหญ่อยู่มากจากอาชีพของผม ที่จะต้องรู้จัก และก็มีอยู่มากๆ ในบรรดาคนที่ผมรู้จักนั้นเจริญเติบโตขึ้นมาด้วยวิธีทางเอารัดเอาเปรียบ รวมไปถึงบางคนร่ำรวยขึ้นมาบนหยาดเหงื่อของ SUPPLIERS
บางคนร่ำรวยขึ้นมาด้วยการฉวยโอกาสกับประชาชน
แต่กฎแห่งกรรมก็มักจะมีผลกับคนพวกนี้ทุกคน
ถ้าเรามองดูรอบๆ ตัวเรา ก็คงพอจะเห็นได้ว่า ในบรรดาการค้าแบบสหพัฒฯ นั้น
คงมีแต่สหพัฒฯ เท่านั้นที่เจริญเติบโตขึ้นมาขนาดนี้ และก็มีการเติบโตต่อไปเรื่อยๆ
ที่เป็นเช่นนี้ เพราะผู้บริโภคยินดีสนับสนุนให้สินค้าที่มีคุณภาพ
นอกเหนือจากลูกค้าแล้ว บรรดาพ่อค้าหรือคนค้าขายที่ต้องเกี่ยวข้องกับเครือสหพัฒฯ เท่าที่ถามดูยังไม่มีใครต่อว่านายห้างเทียมเลยแม้แต่น้อย
“คนคนนี้ เป็นคนมีสัจจะ ไม่เคยหักหลังคน และไม่เอารัดเอาเปรียบใคร แต่ก็ไม่ยอมเสียเปรียบใครเหมือนกัน ค้าขายกับนายห้างเทียมแล้วสบายใจ ถ้าเคยร่วมลำบากกันมาก่อนรับรองว่า เขาไม่ทิ้งหรอก “คนจีนคนหนึ่งเล่าให้ฟัง
ก็คงจะเป็นเช่นนั้น เพราะทุกวันนี้กลุ่มพ่อค้า 8 คน ที่เอาเงินมาลงตั้งบริษัทจำหน่ายซิปวีนัสเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วก็สบายกันทุกคน บางคนถึงกับเข้าไปถือหุ้นในโรงงาน
ชีวิตของ เทียม โชควัฒนา เป็นชีวิตของผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จมาได้ด้วยหลักใหญ่ๆ ไม่กี่ประการ
1. มุมานะไม่ท้อถอย นายห้างเทียมเป็นคนบ้างาน ไม่เคยยอมแพ้ต่องาน ไม่ว่าหนักก็เอาเบาก็สู้ ทั้งชีวิตหายใจเป็นงาน นายห้างเทียมเวลาจะมีกำไรเข้ามาก็จะเอากำไรไปขยายงาน โดยไม่สนใจในวัตถุนิยมที่จะเป็นความสุขส่วนตัว ต่างกับผู้ประกอบการอื่นที่พอเริ่มประสบความสำเร็จก็จะเริ่มแสดงออกเพื่อให้คนอื่นเห็นว่าตนมีเงิน
2.ใฝ่หาความรู้ไม่หยุดยั้ง คุณลักษณะหนึ่งของนายห้างเทียมที่ทำให้คนที่มีการศึกษาน้อยแบบนี้ มีสายตามองการณ์ไกล คือการขวนขวายหาความรู้ตลอดเวลา ทุกครั้งที่นายห้างเทียมจะพูดคุยกับตน ก็ต้องเป็นเรื่องของการไต่ถามเหตุการณ์ข้อมูล ยิ่งถ้าเป็นเรื่องที่แกไม่รู้ และมีคนมาเล่าให้ฟังนายห้างเทียมจะสนอกสนใจเป็นพิเศษ ทุกครั้งที่ใครเล่าอะไรให้แกฟัง ก็จะจำเอาไว้เพื่อจะได้เอามาประยุกต์ใช้ได้ และก็มีหลายเหตุการณ์ในชีวิตที่แกเคยเอาเรื่องคนอื่นเล่ามาประยุกต์ใช้จนประสบความสำเร็จ
นายห้างเทียมเชื่ออย่างแน่วแน่ว่า คนเราถ้ามีความรู้แล้วชื่อเสียงเงินทองและอนาคตก็จะตามมา
จากการที่เป็นคนมีการศึกษาต่ำทำให้นายห้างเทียม นอกจากหาความรู้แล้วยังอ่านหนังสือพิมพ์อีกวันละหลายชั่วโมง
ผู้ประกอบการหรือผู้จัดการใหญ่บางคนกลับไม่เคยอ่านหนังสือพิมพ์เกินกว่า 1 ฉบับต่อวันทั้งๆ ที่ตัวเองมีการศึกษาสูงกว่านายห้างเทียม
3. มีความคิดสร้างสรรค์และยอมรับการเปลี่ยนแปลง นายห้างเทียมเป็นคนไม่อยู่นิ่งเฉย ยอมรับการเปลี่ยนแปลง และกล้าทดลองกับสิ่งใหม่ๆ การกล้าบุกเบิกตลาดให้เครดิตลูกค้าต่างจังหวัด และการกล้าหาญชาญชัยใช้โฆษณาเข้าช่วยส่งเสริมสินค้าเมื่อเกือบ 40 ปีที่แล้ว เป็นตัวอย่างหนึ่ง นายห้างเทียมจะไม่ยอมพอใจอยู่กับความสำเร็จเฉพาะหน้า แต่จะหาทางทำให้มันดีขึ้นไปเรื่อยๆ
4. รักลูกเมีย รักครอบครัว รักพ่อแม่ และรักตัวเอง ชีวิตประจำวันของนายห้างเทียม คือ ทำงานแล้วกลับบ้าน เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ ไม่เที่ยวเตร่ ความรักในพ่อแม่ทำให้นายห้างยึดถือคุณธรรมความซื่อสัตย์ ของผู้บังเกิดเกล้ามาเป็นตัวอย่างในการดำรงชีวิต
ความรักในลูกเมียทำให้นายห้างเทียมต้องขวนขวายทำงานหาหนทางเปลี่ยนแปลงวิถีการค้าขาย จากการขายส่งนม น้ำตาล มาเป็นสินค้าเบ็ดเตล็ด เพื่อให้กิจการมีอนาคตลูกเมียจะได้สบาย
ความรักในตนเอง คือ การสร้างงาน แล้วมุมานะทำให้ประสบความสำเร็จให้ตัวเองพอใจ
ในทางตรงกันข้าม มีอาเสี่ยและเถ้าแก่อีกไม่น้อยที่นำเอาผลกำไรไปผลาญในรูปของวัตถุ เช่น แหวนเพชร นาฬิกาฝังเพชร รถยนต์เป็นล้าน บ้านตากอากาศ เมียน้อยเมียเก็บ นางบำเรออีกเป็นฝูง และลูกหลานของบรรดาอาเสี่ย เถ้าแก่ หรือเจ้าสัว พวกนี้ก็จะยโสจองหองพองขน ลืมกำพืดของเตี่ยตัวเอง ผลาญเงินทองเล่นการพนันไม่ทำมาหากิน
ในทางตรงกันข้าม ลูกๆ นายห้างเทียมทุกคนล้วนแล้วแต่ทำมาหากิน LOW PROFILE และรู้จักใช้เงิน
5. ซื่อสัตย์ และยุติธรรม พ่อค้าบางคนอาจซื่อสัตย์ แต่ขาดความยุติธรรมในการค้าแต่นายห้างเทียมเป็นผู้มีทั้งสัจจะและคุณธรรม ซื่อสัตย์ในรูปที่ว่า รับปากใครในเรื่องอะไรแล้วก็ไม่กลับคำพูด
คุณธรรมของการครองชีวิต และการขายของให้ผู้บริโภค
คุณธรรมกับบรรดาผู้ร่วมงานที่ได้รับความเมตตาธรรมอย่างทั่วถึง
ซื่อสัตย์กับผู้ร่วมลงทุน ยอมรับผิดถ้าตัวเองทำผิด
ยุคนี้เป็นยุคที่นายห้างเทียมเริ่มจะลดบทบาทตัวเองในเครือสหพัฒฯ ไปมากแล้ว
ยุคของเถ้าแก่ที่ลุยงานมาแต่แรก เช่น ชิน โสภณพนิช, เทียม โชควัฒนา, จอห์นนี่ มา, ชวน รัตนรักษ์, อุเทน เตชะไพบูลย์ ฯลฯ กำลังจะถูกคลื่นลูกหลังพัดสลายออกไป
บางคนโชคร้ายหน่อยที่อาจจะต้องสลายไปอย่างเจ็บช้ำน้ำใจ เช่น จอห์นนี่ มา (โปรดอ่าน “ผู้จัดการ” ฉบับที่ 12 เดือนสิงหาคม)
ในนิยายยุทธจักร เมื่อผู้กล้าหรือเจ้าสำนักจะถอนตัวไม่ยุ่งเกี่ยวกับผิดถูกในวงการก็ต้องประกาศล้างมือในอ่างทองคำ
บางคนก็สามารถจะล้างได้ เพราะในชีวิตไม่เคยทำผิดมโนธรรม เงยหน้าก็ไม่อายฟ้า ก้มหน้าก็ไม่อายดิน
บางคนถึงอยากจะล้างก็ล้างไม่ได้ เพราะไปสร้างความแค้นเจ็บช้ำน้ำใจกับคนไว้มากจำเป็นต้องดำรงอยู่เพื่อฟาดฟันกับวงการต่อไป
นายห้างเทียม ก็คงเป็นคนหนึ่งในจำนวนที่น้อยมากที่สามารถจะล้างมือในอ่างทองคำได้ท่ามกลางการโห่ร้องแซ่ซ้องสรรเสริญ
วีรกรรมของนายห้างเทียมในวงการค้าก็คงจะถูกกล่าวขานกันในหมู่ จนเชื่อได้ว่าจะต้องเป็น “ตำนาน” ตำนานหนึ่งอีกนานแสนนาน
|
|
|
|
|