|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ ตุลาคม 2527
|
|
“ผมได้มีโอกาสในชีวิตที่คุยกับผู้ใหญ่มาหลายระดับ ตั้งแต่ระดับอดีตรองนายกฯ รัฐมนตรี นักการเมือง ผู้จัดการใหญ่ธนาคาร และคนใหญ่คนโตในวงการธุรกิจหลายสาขาวิชาชีพ ทั้งหมดที่ได้เข้าไปสัมผัสนั้น มีอยู่เพียงไม่กี่คนที่ผมมีความรู้สึกประทับใจ และรู้สึกอบอุ่นที่ได้เข้าใกล้รวมทั้งประเทืองปัญญาผมด้วย และหนึ่งในไม่กี่คนนั้นก็มี นายห้างเทียม โชควัฒนา รวมอยู่ด้วย”
“ผมรู้จักนายห้างเทียมมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2522 และได้มีโอกาสไปนั่งคุยเพื่อขอความรู้ประสบการณ์ในชีวิต แต่แทนที่ผมจะได้พบคนที่จะต้องมีลักษณะใหญ่โต เพราะมีกิจการในเครือหลายสิบบริษัท ผมกลับพบคนที่สมถะ และดูธรรมดาสามัญมาก แต่ในรูปแบบของความธรรมดานั้น ก็ยังดูออกว่าแฝงไว้ด้วยบารมี และความเมตตาธรรมดาที่หาได้ยากในสังคมทุกวันนี้ พอจะเรียนนายห้างเทียมได้ว่าเป็นคนที่อยู่ในระดับสูงสุด ที่คืนสู่สามัญได้แล้ว”
“การทำเรื่องของนายห้างเทียมครั้งนี้ เป็นการนำการทำงานของนายห้างตั้งแต่เยาว์วัย จนถึงปัจจุบันมาเล่าให้ฟัง ยิ่งได้ศึกษานายห้างมาอย่างละเอียดแล้ว ก็พอจะพูดได้ว่า คนคนนี้เป็นคนที่มีแต่สร้างกับสร้าง”
“การสร้างของนายห้างเทียมเป็นการสร้างโดยใช้ไหวพริบปฏิภาณ การเรียนรู้ อย่างไม่หยุดยั้ง การทำงานหนัก สามัญสำนึก และที่สำคัญที่สุด การมีคุณธรรมในการค้าขายซึ่งหาได้ยากมากในวงการนี้”
“บทเรียนที่นายห้างเทียมเล่าให้ฟัง และที่ผมสืบเอามา มิใช่สิ่งที่จะหากันได้ในโครงการ MBA ที่ไหน ไม่ว่าจะเป็น HARVARD หรือ WHARTON หรือจากลมปากของคนที่คุยว่าเป็นปรมาจารย์ทางการตลาด หรือจากบรรดาที่ไปนั่งสัมมนากันแล้วยกทฤษฎีนี่ขึ้นมาว่ากัน แต่การตลาดของนายห้างเทียมคือ ผลของการที่เด็กหนุ่มส่งของโชวห่วยในตรอกอาเนียเก็ง ทรงวาด ได้สร้างขึ้น แล้วกล้างัดข้อกับบริษัทข้ามชาติ เช่น คอลเกตปาล์มโอลีฟ กับลีเวอร์บราเธอร์ โดยที่ตัวเองไม่มีการศึกษาอะไรเลย”
“ผลงานอันนั้นคือยอดขายของกลุ่มเครือสหพัฒน์ที่ผมคิดว่ามีมูลค่าหลายพันล้านบาทต่อปี ในจำนวนบริษัทร่วม 70 บริษัทที่เกิดขึ้นจากคนที่เคยทำงานแบบจับกังแบกของให้กับเตี่ยและอาเมื่อห้าสิบกว่าปีก่อน”
“เรื่องของนายห้างเทียมที่ผมเอามาลงครั้งนี้ เป็นเรื่องที่ผมภูมิใจมาก และที่น่าเสียดายอย่างมากคือการที่สถาบันอุดมศึกษามองไม่เห็นผลงานของนายห้างเทียม โชควัฒนา นี่ถ้านายห้างเทียมอยู่แถวๆ อเมริกาก็คงได้ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ทางพาณิชยศาสตร์ไปนานแล้ว และก็คงจะได้ในระดับ TOP TEN UNIVERSITIES ด้วย”
|
|
|
|
|