Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน12 มิถุนายน 2545
แกรมมี่แตกพาร์เหลือ1บาท พร้อมปรับโครงสร้างบ.ย่อย             
 


   
search resources

จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่, บมจ.




"จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่" ประกาศแตกพาร์เหลือหุ้นละ 1 บาท หวังเพิ่มสภาพคล่องในตลาดหุ้น พร้อมปรับโครงสร้างการลงทุน ด้วยการขายเงินลงทุนให้บริษัท จีเอ็มเอ็ม โฮลดิ้ง จำกัด บริษัทย่อยที่ถือหุ้น 100%

รวมทั้งสิ้น 5 บริษัท มูลค่ารวมเกือบ 40 ล้านบาท ขณะเดียวกันทุ่มเงินซื้อหุ้นเพิ่มทุนบริษัทย่อยอีก 6 แห่ง เพื่อรักษาสัดส่วนการลงทุน ด้านราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นปิดที่ 180 บาท นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน

ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GRAMMY กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 3/2545 ได้มีมติให้ให้เปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ (Par Value) จาก

เดิมกำหนดไว้หุ้นละ 10 บาท เป็น มูลค่าหุ้นละ 1 บาท ส่งผลให้ทุนจดทะเบียนเดิมของบริษัทจากเดิม กำหนดไว้ 500 ล้านบาท แบ่งออก เป็นทุนหุ้นสามัญจำนวน 50 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท เป็นหุ้น

สามัญจำนวน 500 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท พร้อมกันนี้ คณะกรรมการบริษัทยังได้มีมติให้ปรับโครงสร้าง การลงทุนในบริษัทย่อย เพื่อเป็น การปรับโครงสร้างการลงทุน รวม

ถึงการปรับโครงสร้างการใช้เงินทุน หมุนเวียนของบริษัทย่อยและบริษัทในเครือใหม่ทั้งหมด ด้วยการขายหุ้นในบริษัทย่อยให้กับบริษัท จีเอ็มเอ็ม โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่ง เป็นบริษัทย่อยที่ GRAMMY ถือ

หุ้นอยู่ในสัดส่วนทั้ง 100% สำหรับบริษัทย่อยที่ GRAMMY ขายให้กับบริษัท จีเอ็มเอ็ม โฮลดิ้ง จำกัด ครั้งนี้ รวม ทั้งสิ้น 4 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท แกรมมี่ แมจิกซ์ จำกัด ผู้ผลิตสื่อการศึกษาสำหรับเด็ก

จำนวน 199,994 หุ้น ราคาหุ้นละ 14.84 บาท รวมมูลค่า 2,967,910.96 บาท บริษัท เวอร์เทกซ์ วิชั่น จำกัด ผลิตรายการโทรทัศน์ จำนวน 139,995 หุ้น ราคาหุ้นละ 7.45 บาท มูลค่ารวม 1,042,962.75 บาท

บริษัท แกรมมี่ ไดเร็คท์ จำกัด จำนวน 39,994 หุ้น ราคาหุ้นละ 6.28 บาท มูลค่ารวม 251,162.32 บาท และบริษัท แกรมมี่ภาพยนตร์ จำกัด จำนวน 240,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 17.78 บาท รวมมูลค่า

4,267,200 บาท นอกจากนี้ GRAMMY ได้อนุมัติให้ เอ็มจีเอ จำกัด บริษัทย่อยที่ GRAMMY ถือหุ้นอยู่ในสัดส่วน 100% ขายเงินลงทุนในบริษัท เอ็มจีเอ รีเทล จำกัด ให้กับบริษัท จีเอ็มเอ็ม โฮลดิ้ง จำกัด จำนวน

499,994 หุ้น ราคาหุ้นละ 58.11 บาท รวมมูลค่า 29,054,651.34 บาท โดยมูลค่าการขายหุ้นทั้ง 5 บริษัท เท่ากับ 37,583,887.37 บาท หลังจากนั้น GRAMMY ได้ อนุมัติให้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนบริษัทย่อย

ที่ถืออยู่ในสัดส่วนทั้ง 100% เพิ่มอีก 5 บริษัท เพื่อรักษาสัดส่วนการถือหุ้นไว้ทั้ง 100% เพื่อนำเงิน ที่ได้จากการเพิ่มทุนไปชำระหนี้เงิน กู้ยืมแก่บริษัทที่เกี่ยวข้องกัน ประกอบด้วย บริษัท เมกเกอร์เฮด จำกัด

ดำเนินธุรกิจผลิตผลงานเพลง เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 20 ล้านบาท เป็น 50 ล้านบาท โดยจะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นจาก 199,993 หุ้น เป็น 499,993 หุ้น บริษัท กรีนบีนส์ จำกัด

ดำเนินธุรกิจผลิตผลงานเพลง เพิ่ม ทุนจาก 2 ล้านบาท เป็น 4 ล้านบาท โดย GRAMMY เข้าถือหุ้นเพิ่มจาก 19,993 หุ้น เป็น 39,993 หุ้น บริษัท มีฟ้า จำกัด ดำเนินธุรกิจโรงเรียนสอนดนตรี เพิ่มทุน

จดทะเบียนจาก 35 ล้านบาท เป็น 45 ล้านบาท โดย GRAMMY จะถือหุ้นเพิ่มจาก 349,993 หุ้น เป็น 449,993 หุ้น บริษัท แกรมมี่ คอมมิว- นิเคชั่น จำกัด ดำเนินธุรกิจการตลาดแบบครบวงจร

เพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิม 20 ล้านบาท เป็น 25 ล้านบาท โดย GRAMMY จะถือหุ้นเพิ่มจาก 199,994 หุ้น เป็น 249,994 หุ้น และบริษัท แกรมมี่ พับลิชชิ่ง เฮ้าส์ จำกัด ดำเนินธุรกิจ ลงทุนในธุรกิจสิ่งพิมพ์

เพิ่มทุนจาก 150 ล้านบาท เป็น 165 ล้านบาท โดย GRAMMY จะถือหุ้นเพิ่มทุน จาก 1,499,994 หุ้น เป็น 1,649,994 หุ้น พร้อมกันนี้ ได้อนุมัติให้บริษัท เอ็มจีเอ จำกัด บริษัทย่อยที่ GRAMMY

ถือหุ้นอยู่ในสัดส่วน 100% ซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท แกรมมี่ เน็ตเวิร์ค จำกัด ที่ดำเนิน ธุรกิจจำหน่ายและให้เช่าสินค้าเพื่อ ความบันเทิง เพิ่มทุนจาก 100 ล้าน บาท เป็น 110 ล้านบาท โดยเอ็มจีเอ

จะถือหุ้นเพิ่มจาก 999,993 หุ้น เป็น 1,099,993 หุ้น นอกจากการปรับโครงการการลงทุนในบริษัทย่อยดังกล่าวข้างต้นแล้ว ที่ประชุมคณะกรรม การบริษัทยังได้มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการประกอบด้วย

นายเดช บุลสุช ดำรงตำแหน่งกรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบ และนางสายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา ดำรงตำแหน่งกรรมการ

โดยคณะกรรมการจะนำเสนอเรื่องทั้งหมดต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2545 พิจารณาอนุมัติอีกครั้งในวันที่ 16 กรกฎาคม 2545 และกำหนดปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้น

เพื่อสิทธิในการเข้าร่วมประชุมตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายน 2545 เป็นต้นไป นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการเปลี่ยน แปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ของ GRAMMY ครั้งนี้ บริษัทคงต้อง

การเพิ่มสภาพคล่องในตลาดหุ้นมากขึ้น เนื่องจากราคาหุ้นของ GRAMMY อยู่ในระดับค่อนข้างสูง การแตกพาร์จะทำให้นักลงทุน หันมาสนใจมากขึ้น

แม้ว่ากลุ่มบันเทิงจะเป็นกลุ่มที่นักลงทุนให้ความสนใจอยู่แล้วก็ตาม ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ ระดับราคาหุ้น GRAMMY อยู่ในระดับที่ค่อน ข้างต่ำ คือต่ำกว่าหุ้นละ 100 บาท

ซึ่งผู้บริหารเห็นว่าต่ำกว่าราคามูลค่าค่อนข้างมาก จึงได้ประกาศโครงการรับซื้อหุ้นคืนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้ราคาหุ้น ได้ปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะมีการประเมินว่าราคาหุ้นน่าจะอยู่ที่ระดับเหนือ

170 บาท สำหรับความเคลื่อนไหวของ ราคาหุ้น GRAMMY ล่าสุดวานนี้ (11 มิ.ย.) ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า โดยขึ้นไปทำราคา สูงสุดที่ 181 บาท ต่ำสุดที่ 173 บาท

ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ระดับ 180 บาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า 9 บาท หรือคิดเป็น 5.26% ปริมาณ การซื้อขาย 187,200 หุ้น มูลค่าการซื้อขายรวม 33.42 ล้านบาท ด้านผลการดำเนินประจำไตรมาสแรก

สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2545 นั้น GRAMMY มี กำไรสุทธิ 113.07 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 2.26 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 54.72 ล้านบาท และกำไรสุทธิต่อ หุ้น 1.09 บาท

ทั้งนี้สืบเนื่องจากบริษัทมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นจำนวน 297.2 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 28.8 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นจากธุรกิจเพลงในประเทศและธุรกิจวิทยุ ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการ

ขายและบริหารเพิ่มขึ้นจากการตั้งสำรองหนี้สูญประมาณ 80 ล้าน บาท ที่ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจหนังสื่อและสื่อการเรียนการสอนที่หยุดดำเนินการแล้ว

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us