นักเก็งทองต่างลุ้นกันตัวโก่งอย่างน้อยก็ครั้งหนึ่งเมื่อช่วงครึ่งหลังของปี 1983 ที่ผ่านมา แต่ในความลิงโลดนั้นดูเหมือนว่า ทองจะหยุดชะงักอยู่คงที่จากการลงทุน เริ่มการรุกในปี 1984 ด้วยราคาทองที่ตกต่ำถึงออนซ์ละ 365 เหรียญในเดือนมกราคม

ผู้เชี่ยวชาญตลาดหุ้น เช่น บาร์ตัน บิกซ์ และมอร์แกน แสตนลีย์ เก็งว่า ราคาทองจะพุ่งสูงขึ้นถึง 400 เหรียญในเดือนมีนาคมนี้ และจะเพิ่มไปถึง 500 เหรียญในตอนปลายปี การค้าหุ้นทองคำ อนาคต และครูเจอรันส์ได้หยิบฉวยขึ้นอย่างเด่นชัดนับแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมา

อัตราดอกเบี้ยใหม่ของทองสะท้อนให้เห็นถึงการตัดสินใจที่ผิดพลาดของหมู่นักลงทุนที่คิดว่ามูลค่าอัตราแลกเปลี่ยนของเงินสกุลดอลลาร์จะถึงจุดสุด และความกังวลเพิ่มขึ้นในเรื่องการดำเนินนโยบายด้านการคลังของสหรัฐฯ และช่องทางของการแก้ไขเงินเฟ้อ

ในเดือนมีนาคม บิกซ์ได้ปรับปรุงเงินเฟ้อที่คาดว่าจะเพิ่มจากร้อยละ 5 มาเป็น 7 และ 8 นอกเหนือไปจากเหตุอื่นที่ทำให้ราคาทองเพิ่มขึ้นแล้ว ชาร์ล อาร์ สทาห์ล ประธานของสำนักข่าวอิโคโนมิกในพรินซ์ตัน รัฐนิวเจอร์ซีย์ กล่าวว่า เนื่องมาจากลดการขายทองออกทางโซเวียตเพราะประเทศนั้นคาดว่าสามารถที่จะเพิ่มการส่งออกได้อีกราว 7 พันล้านเหรียญในปีนี้ และอีกสาเหตุหนึ่งก็เนื่องมาจากการที่พรรคเดโมแครตอาจจะสามารถเบียดประธานาธิบดีเรแกนออกไปได้ในเดือนพฤศจิกายนนี้

เมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ หลังจากที่กลุ่มผู้ก่อการร้ายได้สังหารนาวิกโยธินของสหรัฐฯ ไปเสีย 241 คนในเบรุต และการปะทุของสงครามอิหร่านและอิรักที่ขู่ปิดกั้นการส่งน้ำมันจากอ่าเปอร์เซีย ควรจะทำให้เกิดการพุ่งสูงของราคาทองแต่ไม่ยักจะเป็นอย่างที่คาดคิด แต่เมื่อเร็วๆ นี้เอง แมต ซาโชว์สกี้กล่าวว่า “ดูเหมือนว่าตลาดจะเป็นไปตามข่าวร้ายๆ อย่างเช่นการที่อิรักไปบอมบ์เกาะคาร์กของอิหร่าน”