Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มีนาคม 2527








 
นิตยสารผู้จัดการ มีนาคม 2527
บริษัทอย่างนี้ก็มีในโลก เขาสร้างบริษัทขึ้นมาด้วยการทำงานที่ผิดมาตลอด             
 


   
search resources

Printing & Publishing
Pulp and Paper
วิค เตอร์ บารูห์
บารูห์ อีตัน อัลเลน




ลี อับราฮัมเซน เพิ่งจะเข้ามาร่วมงานกับ บริษัท บารูห์ อีตัน อัลเลน ได้เพียงสามปีเศษหลังจากที่ทำงานให้กับบริษัทคู่แข่งนานถึง 20 ปีเต็ม เขาบอกว่า “ไม่มีบริษัทใดในโลกที่เขาเป็นกันอย่างนี้หรอกครับ” และยังแถมเพิ่มเติมอีกด้วยว่า

“ถ้าคุณวัดเอาจากวิธีการที่เขียนไว้ในตำรับตำราและแนะวิธีว่าต้องทำอย่างโน้นอย่างนี้แล้วล่ะก็ บริษัทนี้เจ๊งแน่ๆ ครับ และสิ่งที่เขากล่าวก็มิได้เกินเลยไปจากความจริงเลย”

บริษัทที่กำลังก้าวไปไกลด้วยข่ายการขายนับหลายชาติ และมีมูลค่าเกินกว่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐ เช่นที่ว่านี้ ไม่ควรจะมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในอาคารริมน้ำในเมืองบรุ้คลีนเสียด้วยซ้ำ ธุรกิจที่ต้องใส่ใจในเรื่องการควบคุมต้นทุน ไม่ควรจะว่าจ้างบุคคลที่ไม่มีงานจะป้อนให้ทำ หรือเอาเงินสดไปจมอยู่ด้วยการให้ลูกจ้างกู้อย่างไม่ต้องเสียดอกเบี้ยแม้แต่สตางค์แดงเดียว บริษัทอย่างนี้ควรจะมีกลุ่มที่เชื่อมโยงภายนอก มีการวางแผนนโยบายต่างๆ อย่างดี มีโปรแกรมตอบแทนที่ดีแก่ระดับบริหาร ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ บริษัทซึ่งอยู่ในวงการอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันระดับสูงไม่ควรจะส่งอดีตนักจดชวเลขไปทำพิธีเปิดโรงงานสาขาแห่งใหม่ ประธานของบริษัทไม่ควรจะมัวบรรจุม้วนหมึกป้อนเครื่องจักร เขาไม่ควรจะจุมพิตสตรีที่ทำงานด้วย ไม่ควรจะเรียกสรรพนามแทนสาวๆ เหล่านี้ว่า หนู เขาไม่เห็นจะต้องตะโกนตะเบ็งเสียงอะไรกันมากมาย และเขาไม่ควรจะทำเป็นพาซื่อว่า ความรักและความเคารพเป็นเรื่องที่จำเป็นยิ่งต่อความสำเร็จของธุรกิจ

แต่สิ่งเหล่านี้จะไม่มีผลอันใดได้เลยหากคุณจะเพียรพยายามอธิบายต่อบุรุษใหญ่วัย 57 อย่าง วิคเตอร์ บารูห์ เขาจะไม่มีวันเข้าใจถึงสิ่งที่คุณกำลังจะเอ่ยถึง

บารูห์เป็นทั้งผู้ก่อตั้ง ประธาน และผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท บารูห์ อีตัน อัลเลน ซึ่งมักจะรู้จักกันในชื่อของผลิตภัณฑ์ชนิดหนึ่งที่ผลิตออกมาขายนั่นคือ โกเรค ไทป์ เพราะเป็นสินค้าที่ใช้กันแพร่หลายมากที่สุด และโดยที่มีโรงงานตั้งอยู่บนสองฝั่งน้ำของเปอร์โตริโก แคนาดา รวมไปถึงไอร์แลนด์

โกเรคไทป์จึงกลายเป็นผู้ผลิตหมึกพิมพ์นานาชนิด เช่น ผ้าหมึกพิมพ์ดีดี หมึกแต้มต่างๆ รายใหญ่ที่สุดของประเทศ

คู่แข่งรายสำคัญของแนวสินค้าชนิดเดียวกันนี้ก็คือ ไอบีเอ็ม ซึ่งเกือบจะขับดันบารูห์ออกไปจากตลาดของธุรกิจชนิดนี้ได้เมื่อไม่กี่ปีก่อน

เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องที่ออกจะมีแก่นสาร เพราะจะให้คำอธิบายถึงกรรมวิธีที่บุรุษผู้นี้ใช้ในการดำเนินกิจการบริษัทของเขา

ในปี ค.ศ. 1957 เพียงปีเดียวหลังจากที่เริ่มทำธุรกิจ บารูห์ก็ได้ผลิตผลิตภัณฑ์ขึ้นมาชนิดหนึ่งอย่างไม่ตั้งใจ หรือจะเรียกว่าโดยบังเอิญก็ได้ และตัวผลิตภัณฑ์ที่ว่านี้เองกลับมีส่วนผลักดันอย่างมากในการขยายบริษัทแห่งนี้ในระยะต้นๆ

เหตุนั้นเกิดจากการที่พนักงานพิมพ์ดีดคนหนึ่งของบริษัทได้เก็บเอาชอล์กสีไว้แท่งหนึ่งข้างๆ เครื่องพิมพ์ดีดของเธอ และเมื่อพิมพ์ผิดเธอก็จะเอาชอล์คนั้นป้ายเบาๆ ไปบนตัวที่พิมพ์ผิดนั้น และการแก้คำที่ผิดนั้นออกมาได้อย่างประณีตหมดจดด้วย

เดิมทีธุรกิจของบารูห์คือการผลิตกระดาษคาร์บอน เมื่อเขาได้เห็นการกระทำของพนักงานคนนั้น ก็เกิดความคิดใหม่ขึ้นมา เขาจึงได้ยืมชอล์กแท่งนั้น นำไปถูกับกระดาษด้านหนึ่งและเอากระดาษนั้นวางลงระหว่างตัวผิดกับก้านอักษรพิมพ์ดีด เมื่อกดก้านนั้นลง ตัวที่ผิดก็จะเลือนหายไปทิ้งไว้แต่รอยเคลือบบางๆ ของฝุ่นชอล์คเท่านั้น

และนี่เองคือกรรมวิธีที่โกเรคไทป์พัฒนามาจนเป็นสินค้าเลื่องชื่อที่สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับบริษัท

และแล้วบริษัทไอบีเอ็มก็ได้เริ่มประดิษฐ์สิ่งที่เรียกว่า พิมพ์ดีดลบคำผิดเองขึ้นมา

บารูห์ได้กล่าวบางสิ่งบางอย่างออกมาอย่างงดงามเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “สิ่งที่ตลกอย่างยิ่งก็คือในตอนวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ก็ไม่รู้ ไอบีเอ็มก็ประกาศผางออกมาว่า พวกเขาได้สร้างเครื่องพิมพ์ดีดลบคำผิดได้เองออกมาแล้ว และแล้วพอถึงเช้าวันจันทร์ก็มีผู้คนราวสัก 40 คนเห็นจะได้มาออกันที่ประตูบริษัทของผม และบอกว่าพวกเขาได้เห็นโฆษณาในโทรทัศน์แล้ว และเราจะต้องพบกับความเดือดร้อนเป็นแน่ เพราะจะไม่มีใครใช้โกเรคไทป์กันอีกต่อไปแล้ว”

“ดังนั้น เราก็เลยพากันไปที่ห้องโชว์สินค้าของไอบีเอ็มทันที เมื่อเซลส์แมนแสดงวิธีการใช้เครื่องให้ผมดู เขาก็หันมามองทางผมและบอกว่า ถ้าคุณซื้อเครื่องนี้ไปแล้ว คุณก็ไม่ต้องซื้อโกเรคไทป์อีกต่อไป ดังนั้นผมก็เลยรีบสั่งซื้อเครื่องหนึ่งทันที ผมกลับมาที่โรงงานและเรียกทุกคนมาคุยกัน และบอกว่า เอาล่ะ นี่คือสิ่งที่เราจะต้องทำกัน เราจะต้องผลิตหมึกพิมพ์อย่างนี้ และเราก็ยังไม่รู้เลยว่าหมึกพิมพ์อย่างนี้มันอะไรกันนะ อย่างแรกเราก็จะต้องทำตัวกล่องบรรจุ เพราะไม่มีขายในท้องตลาด และเราก็จะต้องลุยในเรื่องธุรกิจการหล่อหัวฉีด เพราะจะต้องทำตัวแกนที่ยึดเทป... ดังนั้น ระยะแรกเราจะต้องทำเรื่องหมึก บรรจุหมึกลงบนตัวฟิล์ม...และด้วยเครื่องบรรจุหมึกนี้เอง เราก็สามารถทำม้วนเทปออกมาได้ และด้วยกล่องใส่นี้ก็จะบรรจุตัวฟิล์มเข้าไป และในระยะเวลาเพียงหกเดือน เราก็ผลิตหมึกม้วนแรกออกมาได้ และเพียงบริษัทเดียวในโลกที่ผลิตผลิตภัณฑ์อย่างที่ว่า ต่อมาเราพบว่า ไอบีเอ็มต้องใช้เวลาถึงหกปีในการพัฒนาเจ้าสิ่งที่ว่านี้ออกมาได้ แต่เราทำกันในระยะเวลาเพียงหกเดือนเท่านั้นจริงๆ โดยไม่มีกรรมวิธีพิเศษแต่อย่างใดในการเริ่มทำกัน”

ความสามารถของบารูห์ในการชักจูงใจคนนั้นทำให้ได้ผลที่ดียิ่ง ตัวอย่างเช่น พนักงานชุดแรกของเขา คือ อาสาสมัครเต็มขั้น

“งานชิ้นแรกของผมในวงการค้านี้ ก็ราวๆ สักอายุ 20 เห็นจะได้ ผมก็ได้งานทำในบริษัทโอลด์ทาวน์คาร์บอนและหมึกพิมพ์ตั้งในเมืองบรู้คลีน ทำอยู่ในแผนกส่งของ...ราวสัก 5 ปี ผมก็ได้เลื่อนเป็นผู้ช่วยผู้จัดการโรงงาน และแล้วก็ได้มีการขายทอดบริษัท พวกเขาจ้างผู้เชี่ยวชาญธุรกิจเข้ามาทำ คนกลุ่มนี้พยายามจะจัดเอาระบบการทำงานที่เขาเรียกว่า ธุรกิจแบบร้านชำให้เปลี่ยนโฉมไปเป็นธุรกิจที่มีการแยกแยะหน้าที่แบบมาตรฐานระดับชาติอย่างดี สิ่งที่เขาทำกันอย่างแรกก็คือ ส่งผู้จัดการระดับกลางไปยังเมืองฟิลาเดลเฟีย เพื่อจะทดสอบดูว่าเหมาะกับตำแหน่งที่ทำอยู่หรือไม่ แต่ผมปฏิเสธที่จะไป ผมเรียนอ่อนมากตอนที่อยู่ในโรงเรียน ก็เลยรู้ว่าตัวเองคงจะไม่ผ่านแน่ๆ และก็ไม่อยากเสียหน้าด้วย ผมก็เลยบอกตรงๆ กับพวกเขา พวกเขาก็เลยย้อนกลับว่าถ้าผมไม่ไปล่ะก็ ไม่มีทางอื่นใด นอกจากว่า ผมจะต้องลาออกจากงาน

“...เมื่อพวกเขาไล่ผมออก ผมก็เริ่มจับจองห้องเพดานเนื้อที่ 5,000 ตารางฟุตได้แห่งหนึ่งในเมืองบรู้คลีนนั่นเองทันที และเริ่มตั้งโรงงานเล็กๆ ขึ้นมา คนราวๆ สักสิบกว่าคนซึ่งมาจากที่เก่านั่นแหละก็ได้มาช่วยผม บางคนก็ทำให้ตอนหลังเลิกงาน บางคนก็ทำให้ทั้งวัน ผมก็อธิบายกับพวกเขาว่า ผมไม่มีทางที่จะจ่ายค่าแรงให้กับพวกเขาได้หรอก แต่พวกเขาก็เต็มใจที่จะช่วยจริงๆ และจากมือที่ยื่นเข้ามาช่วยนี้เองทำให้ผมสามารถผลิตผลิตภัณฑ์อย่างแรกในระยะเวลาไม่กี่เดือน”

อะไรก็ตามที่จะทำให้ใครสักคนมาทำงานให้โดยไม่ได้รับอะไรตอบแทนนั้น โดยไม่มีสัญญิงสัญญาอันใด อาจจะเป็นอะไรก็ได้ที่น่าสนใจในตัวบารูห์ก็ได้

วันหนึ่งๆ เมื่อคนงานเพิ่มจำนวนขึ้นนับสิบ แต่ละคนต่างก็มีปัญหาหรือความคิดเห็นของตนที่ต้องการการรับรู้จากนายจ้าง นายจ้างก็จะง่วนอยู่กับการให้คำแนะนำสำหรับลูกจ้างสักรายว่า เครื่องซักผ้าชนิดใดที่ดีที่สุดสำหรับเขาที่จะซื้อจากเงินกู้ปลอดดอกเบี้ยที่บริษัทให้ การกู้เงินนี้เป็นเรื่องธรรมดามากในบริษัทนี้ อาจจะเป็นการซื้อรถสักคัน การจ่ายเงินให้หมอ เงินไปเที่ยวพักร้อน หรืออะไรก็ตามที่หัวหน้าฝ่ายเห็นว่าเหมาะสม ตัวหัวหน้าฝ่ายคนหนึ่งกล่าวว่า ตัวบารูห์เองบางครั้งให้มากกว่ากฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้เสียด้วยซ้ำ เขาเคยช่วยรับภาระเงินกู้ที่เธอไม่มีเงินพอจ่าย และอะไรก็ตามที่จะกระทบกระทั่งต่อพนักงานของเขาล่ะก็ ไม่ใช่เรื่องขี้ปะติ๋วเลยสำหรับนายบารูห์คนนี้

เขาเป็นคนชอบคุยให้ฟัง ถ้าคุณถามอะไรเขาสักอย่างล่ะก็ เขาก็จะเล่าเรื่องยาวๆ ให้คุณฟัง

คำถาม “การให้คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องเครื่องซักผ้า เป็นวิธีการใช้เวลาที่ดีที่สุดของคุณล่ะหรือ”

เรื่องราว “คนเป็นผู้สร้างวัตถุ หรือทำลายระบบการจัดการสามารถจะทำให้ได้อะไรที่คุณต้องการด้วยระบบการธนาคาร การกู้ยืมและการยักย้ายถ่ายเท และทุกๆ อย่าง ถ้าสปิริตของผู้คนไม่ใช่ทุกๆ อย่างแล้วล่ะก็ สิ่งต่างๆ ก็จะต้องพังทลายลงชนิดที่ไม่เป็นท่า...”

“ผมมีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง เขาเกษียณออกไปแล้วจากที่นี่ (คาสเปอร์) เขาทำงานอยู่ที่บริษัทเป็นเวลาหลายปีทีเดียว แต่ขาไม่ค่อยแข็งแรงนักแม้จะเกษียณแล้วก็จริง แต่ก็อยู่เฉยๆ ที่บ้านไม่ได้เขาจะต้องมาที่นี่สักวันละสองสามชั่วโมง และเราก็จัดมอบหมายงานให้เขาทำในออฟฟิศ วันหนึ่งภรรยาของเขาก็โทรฯ มาและบอกว่าจะขอพูดกับวิค ผมไม่เคยพบภรรยาของเขาเลย แต่เมื่อโทรฯ มาก็บอกว่าจะพูดกับวิคนั่นเป็นเพราะเวลาที่กลับบ้านไปแล้ว เขาก็ชอบพูดว่า วิคอย่างนั้นวิคอย่างนี้ (หมายถึง วิคเตอร์ บารูห์) ดังนั้นเธอก็เลยเรียกหาวิค และพูดว่า วิค นี่คือภรรยาของคาสเปอร์ ผมรู้สึกเป็นห่วงเรื่องนี้มากตอนที่เขากลับไป เขาไม่ยอมมาที่นี่อีก และตอนนี้เขากลับต้องไปอยู่ในโรงพยาบาลแทน”

“เดี๋ยวนี้ เธอไม่เคยขออะไรอีกเลย เธอไม่เคยขอให้ผมช่วยเรื่องหมอหรือเรื่องเงิน พวกเขาพากันปิดบังซ่อนเร้นทุกเรื่องไว้ แต่เธอจะต้องคุยให้ใครฟังสักคนแน่ๆ”

“ให้ผมเล่าอะไรต่อมิอะไรให้คุณฟังนะ ผมต้องการความช่วยเหลือบ้างเหมือนกัน มีเวลาที่ไม่ค่อยจะโสภานัก ผมต้องเดินลงไปข้างล่างให้ได้และโอบบ่าโอบไหล่คนสักสี่ซ้าห้าคนและพูดว่า เอ้อ นี่แน่ะ ผมชักจะมีปัญหายุ่งยากใจแล้วล่ะพวกคุณจะทำอะไรให้ผมสักหน่อยได้ไหม คุณจะต้องทำให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหา อะไรก็ตาม”

คำถาม “คุณต้องเฟ้นเลือกคนหรือเปล่า ก่อนที่จะจ้างเขาไว้”

เรื่องราว “ไม่ เมื่อเราเพิ่งซื้อตึกหลังนี้และมีของเหลือใช้ต้องทิ้ง เจ้าเด็กหนุ่มเม็กซิกันหน้าใหม่คนหนึ่งเห็นผมง่วนอยู่กับงาน เขาก็เดินตรงเข้ามาและพูดกับผมเป็นภาษาสเปนว่า--ให้ผมช่วยคุณทำเถอะ—ผมจะบอกอะไรคุณนะ ผมต้องการความช่วยเหลือ เพราะผมเหนื่อยแทบจะขาดใจอยู่แล้ว สิ่งที่ผมสังเกตเห็นก็คือ เขาเลือกจับงานส่วนหนึ่งที่หนักกว่าทำแทนที่จะส่งกล่องของที่เขายกออกจากรถลากให้กับผม เขากลับยกมันออกมาเสียเองแล้วไต่ขึ้นบันไดไป และเมื่อเขาไต่กลับลงมา ผมก็แค่ส่งอีกกล่องหนึ่งให้เขา ผมก็บอกกับตัวเองว่า ไม่รู้ว่า ไอ้หมอนี่หัวใสเพราะอาจจะมีใครสักคนบอกเขาว่าผมเป็นนายใหญ่ที่นี่และเขาพยายามจะสร้างความประทับใจให้กับผมหรือจะเป็นเพราะเขาเป็นคนมีน้ำใสใจจริงกันแน่

ต่อมาสักพักหนึ่ง กริ่งสัญญาณพัก 10 นาทีก็ดังขึ้น ผมก็บอกเขาว่า เอาล่ะเธอพักได้แล้ว 10 นาที แต่ผมก็ยังคงตั้งหน้าขนต่อไปอีก เมื่อเขาเห็นเช่นนั้นเขาก็เลยไม่หยุดพัก และเราก็ทำงานกันต่อจนถึงเที่ยงครึ่ง กริ่งสัญญาณให้กินข้าวก็ดังขึ้นอีก ผมก็เลยบอกเขาอีกครั้งว่า เธอไปกินข้าวเถอะ เพราะฉันมีนัด เธอกลับมาภายในครึ่งชั่วโมงนะ เราจะต้องทำงานกันให้เสร็จ ที่จริงผมไม่ได้นัดอะไรไว้กับใครหรอก แต่อยากดูใจเขาเท่านั้นเอง ผมก็เลยเดินออกไปจากตรงนั้น และยืนแอบดูอยู่หลังประตู และเขาก็ยังคงทำงานต่อไป เขาทำงานตลอดช่วงเวลาข้าวเที่ยงและขนอะไรต่อมิอะไรออกไปจนหมด ในที่สุด ก่อนหมดเวลาพักเที่ยงสักห้านาที เขาก็เอาถุงกระดาษออกมาและกินแซนด์วิชแห้งกรากอันหนึ่ง เมื่อผมเดินลงมา เขาก็พร้อมที่จะกลับไปทำงานที่อีกแผนกหนึ่ง ผมก็บอกกับตัวเองว่า ไอ้เด็กหนุ่มนี่ไม่รู้หรอกว่าผมแอบมองเขาอยู่ เขาเป็นคนดี และควรจะได้ดี เป็นคนที่ผมมองหา”

“ตอนแรก ผมก็เอาเขาไปไว้ในแผนกแท่นพิมพ์ เขาไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง ในเวลาเพียงแค่อาทิตย์เดียวเขาก็ทำได้อย่างดี พอถึงอาทิตย์ที่สองเขาก็ถอดแท่นพิมพ์แยกออกเป็นชิ้นๆ และประกอบเข้าใหม่หมด อาทิตย์ที่สามก็เริ่มหัดไปดูเครื่องชนิดอื่น สักระยะหนึ่ง ผมก็ให้เขารับผิดชอบข่ายงานการพิมพ์ทั้งหมด เขามีเด็กในสังกัดสัก 20-30 คนเห็นจะได้”

“เมื่อเขาทำงานอย่างหนึ่ง เขาก็มักจะฝึกคนอื่นๆ ให้เรียนรู้ในสิ่งที่เขาทำอยู่ และตัวเองก็มักจะเข้าไปเตร่ๆ ในแผนกอื่น และค่อยเรียนรู้วิธีการดำเนินงานของทุกแผนกที่นั่น และตอนนี้เขาก็เป็นคนคุมทุกอย่างในเปอร์โตริโก”

“นั่นเป็นวิธีที่เราฝึกฝนคนกันที่นี่ หัวหน้าแผนกจะมาจากใครสักคนในกลุ่มทำงาน เมื่อหัวหน้าลาออก ผมก็จะไปที่โต๊ะที่กำลังประกบม้วนหมึกพิมพ์ และบอกว่า หนู หนู ลุงอยากจะขอความช่วยเหลือสักหน่อย เด็กหญิงคนหนึ่งก็เดินตรงเข้ามาหาผมและพูดว่า เอาใบสั่งซื้อมาให้หนูสิคะ หนูจะคอยคุมเรื่องใบสั่งซื้อให้ หนูรู้งานทุกอย่างเลย ผมก็เลยย้อนว่า แน่ใจหรือลิเดีย รู้ไหมนะว่าเรากำลังพูดถึงเรื่องอะไรกัน เธอเลยบอกว่า ดูนี่สิคะ แล้วก็เอาสมุดเล่มเล็กๆ ออกมาให้ผมดูตัวเลขสั่งซื้อทุกตัวซึ่งเราไม่มีสเป็กเอาไว้นั้นแต่เธอจดไอ้รายการห่าเหวทั้งหมดเอาไว้หมดทุกๆ อย่าง ไม่มีอะไรตกหล่นเลย ดังนั้น เธอก็เลยกลายมาเป็นคนคุมแทน สักพักหนึ่ง แผนกนี้ก็เพิ่มจำนวนเด็กสาวๆ ถึง 120 คน และเธอก็คอยคุมพวกนั้น เธอมีเด็กสาวสองคนที่รู้ทุกอย่างเท่าๆ กับที่เธอรู้ เพราะเธอเป็นคนฝึกมากับมือและนั่นคือสิ่งที่พวกเขาทำกันทั้งหมด ไม่มีใครสักคนในโรงงานใหญ่โตแห่งนี้ที่พ่วงเอาดีกรีวิศวะเดินเตร่ไปเตร่มา”

“ทุกอย่างดูจะเป็นไปอย่างส่งเดช ไม่มีการวางแผนกันเอาเสียเลย ตัวอย่างเช่น เมื่อคู่แข่งรายใหญ่เกิดล้มละลายขึ้นมาบารูห์จะต้องจ้างพนักงานเดินตลาดเก่าแก่คนหนึ่งไว้ แต่ก็ไม่เคยกำหนดงานเฉพาะอย่างให้ทำ ลี อับราฮัมเซน ซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นรองประธานอาวุโส หรือพนักงานเดินตลาดคนนั้นเล่าว่า “ในที่สุดผมก็ถามวิคว่า เขาต้องการให้ผมทำอะไรกันแน่ แต่เขากลับย้อนถามว่า ผมต้องการทำอะไรล่ะ ผมก็บอกว่าผมต้องการจะจัดการเรื่องการขายด้านต่างประเทศ เขาก็พูดว่าตกลง คุณคอยดูแลเรื่องพวกนี้ก็แล้วกัน”

เมื่อโกเรคไทป์ต้องรับช่วงกิจการค้าและลูกจ้างของคู่แข่งที่ล้มละลาย บารูห์ก็บอกเจ้าของให้จัดส่งลูกจ้างมาให้และใช้เวลาสักสองสามสัปดาห์ในบริษัทของเขา เขาบอกกับชายคนนั้นว่า พวกเขาจะรู้เองแหละว่า เขาต้องการจะทำอะไรกันแน่

โรซีอานน์ แลนกอน รู้สึกเบื่อหน่ายงานจดชวเลขที่เธอทำอยู่ในเมืองแมนฮัตตัน จึงได้สมัครเข้ามาทำงานในโรงงานของโกเรคไทป์ ในไม่ช้าก็ได้เลื่อนขึ้นไปทำงานในออฟฟิศชั้นบนและในเวลาเพียงสองปีก็มีหน้าที่คุมฝ่ายขายต่อหน่วยราชการ ซึ่งมีวงเงินสูงถึง 4 ล้านเหรียญสหรัฐ ประมาณสามเท่าตัวของเมื่อแรกเริ่มที่เข้ามาคุม “ฉันมักจะคอยถามผู้คนว่า เฮ้ ฉันควรจะทำอะไรดี แต่พวกเขากลับบอกว่า ไม่อะไรสักอย่าง เธอคงคิดออกได้เองหรอกน่า” บารูห์บอกว่า “แลนกอนน่ะเหรอ ผมไม่เคยต้องบอกให้เธอทวียอดขาย ทุกวันเธอจะเข้ามาที่นี่และพยายามที่จะทำให้ได้เพิ่มเป็นสิบๆ เท่า เธอเป็นคนกำหนดเอาไว้เอง ไม่ใช่ผม”

บารูห์ต้องการให้แลนกอนออกไปจากบรู้คลีนซึ่งเธอเคยอยู่ตลอดมา และไปคุมการบริหารในโรงงานซึ่งจะเปิดในแนวชายแดนเทกซัสกับเม็กซิโก แลนกอนบอกว่า เธอไม่แน่ใจว่าจะไปหรือไม่ แต่บารูห์กลับเห็นว่า “เมื่อแลนกอนจัดระบบการทำงานของเทกซัส...” เขารู้ว่าเธอต้องไป

เวลาที่บารูห์เข้าไปในแผนกของซัวลา มอไรรา เขาก็จะกอดเธอ บางครั้งก็จะจุมพิตแก้มและเธอก็จะกอดตอบ มันอาจจะเป็นเรื่องที่ยากสำหรับสตรีหัวก้าวหน้า หรือพวกสมาชิกสหภาพจะยอมรับ แต่คนสองคนนี้ก็รักใคร่ซึ่งกันและกันเหมือนเป็นเพื่อนกันมานานถึง 12 ปี

ลูกจ้างอีกรายหนึ่งบอกว่า “มีคนที่นี่ ซึ่งอาจจะตายแทนวิค บารูห์ได้”

บารูห์เองก็แทบจะเสียชีวิตเมื่อไม่นานมานี้เอง ไม่ใช่ด้วยเหตุทางธรรมชาติเสียด้วย เป็นเรื่องอีกเรื่องหนึ่งที่น่าเล่า เพราะจะหยั่งไปในรากฐานที่ทำให้ชายผู้นี้มีเครดิตมากมายและบริษัทก็เจริญขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อไม่กี่ปีมานี้ บารูห์ถูกคนทำร้ายและปล้นทรัพย์สินในบริเวณที่จอดรถนอกโรงงานของเขาเอง เขาก็เลยซื้อปืนมาใช้กระบอกหนึ่งไม่กี่เดือนต่อมา วายร้ายสองคนก็ยิงยามรักษาความปลอดภัยของโรงงาน บารูห์ก็ออกไปจากออฟฟิศร่วมล่าตัวผู้ร้ายด้วย หลังจากนั้น เขาก็จัดดำเนินการรณรงค์ให้มีการต่อต้านอาชญากรรมขึ้น เขาติดต่อกับเจ้าของธุรกิจต่างๆ ในท้องถิ่นขอให้คนนิวยอร์กจำนวนหลายหมื่นคนบริจาคเงินกันคนละเพียง 1 ดอลลาร์ให้กับเทศมนตรีเพื่อที่จะได้เพิ่มอัตราจ้างตำรวจมากขึ้น เขาส่งเสริมการแก้ไขรัฐธรรมนูญอันเกี่ยวเนื่องกับการตัดสินการกระทำผิดของผู้ก่อคดีอาญาร้ายแรงที่รุกรานสิทธิมนุษยชน เขาเปิดเผยว่า นี่เป็นปฏิกิริยาโต้ตอบกลับอย่างกราดเกรี้ยว

“สิ่งที่ส่งเสริมให้ผมมายุ่งเกี่ยวเกี่ยวกับเรื่องอาชญากรรมไม่ใช่เรื่องความโง่ เมื่อผมถูกทำร้ายผมรู้สึกคลั่ง และผมโกรธไอ้หมอนั่น และถ้าผมได้ตัวไอ้นั่นมา เขาจะฆ่าผมหรือผมจะเป็นคนฆ่าผมก็ยังไม่รู้ แต่ผมรู้สึกขนลุกกับความจริงที่ว่าใครสักคนได้เอาปืนมากระแทกที่หัวของผมตั้งหลายครั้ง และผมก็โกรธตัวเองที่ไม่ได้สู้กลับ จริงอยู่ที่เขามีปืน แต่ผมก็ยังโมโหตัวเองอยู่นั่นแหละ สิ่งที่ทำให้ผมเจ็บปวดไม่ใช่เรื่องที่ผมถูกทำร้าย...สิ่งที่ทำผมเจ็บปวดจริงๆ ก็คือ เมื่อไอ้คนนั้นมันยิงยามต่อหน้าต่อตา เมื่อผมเหลือบมอง ก็เห็นเลือดทะลักออกมาจากตับไตไส้พุงเขา และเห็นสีหน้าเปลี่ยนไปเป็นสีขี้เถ้า และจากนี่เองที่ผมได้ประจักษ์ต่อหน้าต่อตาตนเอง ทำให้ผมเข้าใจอย่างแท้จริงว่า ความโหดร้ายเป็นเช่นไรและผลของมันเป็นอย่างไรบ้าง”

“เราก็เคยมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นที่นี่ เมื่อใครสักคนชักมีดออกเพราะมีการโต้เถียงกันอย่างโง่ๆ ที่จริงคนอื่นๆ ก็จะวิ่งหนีกันออกมา และมีต้นเรื่องสองคนที่ยืนอยู่ที่นั่น คนหนึ่งมีมีด อีกคนมือเปล่า และนั่นเองที่ทำให้เกิดปัญหา แต่ผมก็จะเดินไปยืนอยู่ใกล้พวกเขา และบอกให้คนอื่นเข้ามายืนอยู่ด้วยกัน ในช่วง 30 กว่าปีที่ทำการค้ามามันเกิดขึ้นนับสิบๆ ครั้ง และทุกครั้งเราก็ทำให้ไอ้ตัวร้ายเย็นลงได้ และเหวี่ยงมีดทิ้งไป เมื่อมีเหตุเกิดขึ้น ถ้ากลุ่มคนสัก 10 ถึง 20 คนจากจำนวน 5-600 คนที่เราจ้างเอาไว้อยู่เห็นเข้า ผมก็จะกระตุ้นให้พวกเขาบอกต่อๆ กันไป ถ้าคุณยืนจับกลุ่มกันไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก แต่ถ้าคุณวิ่งหนี และปล่อยให้คนหนึ่งรอความเมตตาจากคนที่ทำผิด คนนั้นอาจจะเป็นคุณเองก็ได้”

“ตอนที่ผมยังเป็นอยู่ที่เมืองบรอนซ์ เราก็จะเอาด้ามไม้กวาดและไปตามริมถนน พร้อมกับตีลูกบอลล์เช่นกัน ถ้ามีผู้หญิงสักคนเข็นรถเข็นเด็กผ่านมาและเริ่มฉีกปากส่งเสียงให้เราไปให้พ้นๆ เพราะกลัว ลูกบอลล์จะกระแทกใส่รถเข็นได้ และหากว่าเด็กสัก 10 คนนั้นปักหลักไม่ยอมถอยและตั้งกองยั่วคุณผู้หญิงคนนั้นล่ะก็ หน้าต่างสัก 50 บานในละแวกนั้นก็จะเปิดผางออก หญิงราวสัก 50 คนเห็นจะได้ก็จะอ้าปากตะโกนบอกว่า เฮ้ ไอ้หนู พวกเอ็งไปให้พ้นแถวนี้นะโว้ย และเมื่อเราเห็นว่าคนตั้ง 50 คนเข้ามาร่วมสังฆกรรมล่ะก็ เราก็จะเดินผละออกมาและไปชุมนุมกันที่สนามเด็กเล่นของโรงเรียน หรือสวนสาธารณะต่อ เพราะคน 50 คนให้ความใส่ใจนั่นเอง”

“เมื่อผมอยากให้งานบางอย่างเสร็จลุล่วงและแสดงความกราดเกรี้ยวโกรธใครสักคน เพราะเขาทำไม่ถูก ผมก็แก้ปัญหาของวันนั้นได้ลุล่วงไป แต่วันต่อๆ มาผมก็จะพบกับปัญหาเดิมอีก ตัวอย่างก็คือ ถ้าหากใครสักกลุ่มหนึ่งผลิตสินค้าที่มีคุณภาพแย่ๆ ออกมา และสินค้านั้นต้องใช้ทุนราวสัก 5,000-10,000 หรือ 15,000 เหรียญ ก็ตาม และผมต้องขว้างสินค้านั้นทิ้งไป ผมก็ต้องเสียเงินไปถึง 15,000 ผมก็ตรงไปข้างล่างด้วยความโกรธ และแผดเสียงสิบแปดหลอดว่า ไอ้พวกหน้าโง่เอ๊ย พวกแกรู้ไหมเราต้องทำเพิ่มอีกสักกี่ม้วนเพื่อให้ได้ไอ้เงิน 15,000 ก้อนที่ทิ้งไปกลับมาเราต้องเสียทั้งลูกค้า ส่งของไม่ได้ แล้วยังต้องเสียเงินอีกโดยที่ทำงานได้กำไรเพียงน้อยนิด ต่อมาสักสองสามชั่วโมง เขาก็จะทำม้วนที่ดีออกมาได้ ทุกอย่างดูเหมือนเรียบร้อย และสักอาทิตย์หนึ่งต่อมา ปัญหาเดิมก็จะกลับมาอีก”

แต่ถ้าคุณเข้าไปหาพวกเขาแล้วพูดว่า ไอ้หนูเอ๊ย เราทำผิดพลาดกันแล้วนะ มันเป็นความผิดพลาดที่เปลืองเงินเปลืองทองเสียด้วยสิ และเราไม่อาจจะพลาดได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะถ้าทำผิดซ้ำๆ ซากๆ ฉันก็เห็นจะเจ๊งแน่ และถ้าฉันไม่มีงานทำต่อไป พวกเธอก็จะไม่มีงานทำเหมือนกัน และนี่แน่ะ จะบอกอะไรสักอย่าง ฉันไม่ได้ขู่เธอนะ เพราะฉันต้องการให้พวกเธอทำให้ดีๆ ฉันไม่อาจดูแลให้หมด ดังนั้นก็เลยต้องให้พวกเธอดูแลกันเอง”

“และถ้าหากมีไอ้หนุ่มสักคนหันมาบอกคุณว่า วิค คุณรู้ไหม นี่ไม่ใช่ความผิดของผมเลยนะ ผมได้รับไอ้ม้วนที่เสียมาแล้วและไม่รู้ด้วยว่ามันเสีย ผมก็จะบอกพวกเขาว่า เธอพูดถูก แต่เราจะต้องไปด้วยกันและคุยกับคนที่ทำมันเสียและอธิบายปัญหาให้เขาฟังว่า เรามีปัญหาอะไร และเขามีปัญหาอะไร และผมก็จะดึงเอาตัวหัวหน้าฝ่ายนั้นและลูกน้องตรงเข้าไปหาหัวหน้าใหญ่และพูดเรื่องนั้นซ้ำอีก และด้วยการเอาใจใส่ เราก็จะขจัดปัญหาซ้ำซ้อนมากมายนั้นไปได้...”

แนวโน้มความเชื่อถือและความเคารพที่บารูห์นำมาใช้กับบริษัทและพนักงานนั้นไม่ได้หมายความว่า ผู้คนจะดีไปหมดและไม่ถูกไล่ออกบ้างเลย พวกเขาก็เคยโดนบ้างเหมือนกัน ถ้าพวกเขาไม่ทำงานให้ดีเท่าที่ควรทำได้ แต่นั่นต้องหมายความว่า บารูห์และหัวหน้าฝ่ายได้ทำการพิจารณาที่ดีที่มีผลต่อคนของเขาแล้ว

การพิจารณาเกี่ยวกับการเลื่อนขั้นและเรื่องที่สำคัญนั้นในบริษัทอื่นๆ จะต้องอาศัยการเข้าร่วมภาคีเพื่อวางแบบกฎเกณฑ์หรือขั้นตอน

ตัวอย่างที่เห็นง่ายๆ คือโบนัส ทุกคนในบริษัทใครก็ได้อาจจะได้รับ แต่โบนัสให้กันไม่เป็นเวล่ำเวลาและในจำนวนที่ไม่กำหนดเสียด้วยและจากอัตรานี้ถึงแม้จะก่อให้เกิดการสงสัยหรือการไม่พอใจกันในที่อื่นๆ กลับได้ผลดีสำหรับโกเรคไทป์

การกำหนดตารางงานและการคุมสต๊อกวัตถุดิบซึ่งในบริษัทอื่นๆ ที่มีขนาดใหญ่พอๆ กันมักจะใช้ระบบคอมพิวเตอร์ที่ซับซ้อนคุมด้วยบุคลากรที่ได้รับการฝึกงานมาอย่างดี กลับทำกันในโกเรคไทป์ด้วยประสิทธิภาพและได้ผลดี บางครั้งก็เพียงแค่ลงบนหลังซองกระดาษเท่านั้น ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าการติดต่อกันระหว่างฝ่ายนั้นเป็นไปอย่างง่ายๆ และไม่มีแบบแผน อีกส่วนหนึ่งก็เพราะหัวหน้าแผนกและผู้จัดการนั้นไม่ได้รับอนุญาตให้ทำหน้าที่เพียงแค่คุมหรือจัดการเท่านั้น ผู้จัดการฝ่ายขายมีขอบข่ายงานที่ต้องครอบคลุมตัวหัวหน้าฝ่ายในแผนกหลอดหมึกก็จะนั่งใส่เทปข้างๆ ลูกน้อง บางครั้งนักวิจัยของบริษัทจะต้องทำงานในฝ่ายผลิตผลิตสิ่งที่เป็นคนออกแบบเองโดยความจริงแล้ว ความเคารพบุคลากรนั้นเป็นกันทั้งบริษัท ไม่ใช่ต่อหน่วยผลิตฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดยเฉพาะ

ตัวอย่างนี้ทำกันเป็นประจำและสาธิตด้วยตัวบารูห์เองด้วยซ้ำ เขาอาจจะไปอยู่ในฝ่ายบัญชีฝ่ายขนถ่ายสินค้า หรือในส่วนใดส่วนหนึ่งของบริษัททั้งวัน ถ้าใครต้องการความช่วยเหลือด้านแรงงาน บารูห์ก็พร้อมเสมอเช่นเดียวกับคนอื่นๆ มันออกจะเป็นการยากที่จะไม่รับเชื้อความกระตือรือร้นที่น่าหลงใหลและแสนดีของเขา ลูกชายของผู้ลี้ภัยกรีก เขาไม่เคยทำหัวสูงเลยครั้งหนึ่งบารูห์มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมโรงงานของคู่แข่งตามคำเชิญของฝ่ายบริหาร ตัวผู้บริหารระดับสูงซึ่งนำชมได้แนะนำบารูห์ให้ฝ่ายคุมเครื่องจักรคนหนึ่งว่า “นี่คือคุณบารูห์” “ประธานบริษัทโกเรคไทป์” แต่บารูห์กลับสวนทันควันว่า “ไม่ใช่หรอก พ่อของผมคือคุณบารูห์ แต่เขาไม่ใช่ประธานของกิจการอะไรทั้งนั้น เขาเป็นคนคอยเก็บหมวกในร้านค้าและตอนนี้ก็ตายไปตั้งนานแล้ว ตัวผมชื่อวิคครับ”

คณะผู้บริหารของโกเรคไทป์ ซึ่งประกอบด้วยบุคคลภายในทั้งสิ้นดำเนินบทบาทแค่พอเป็นพิธีในกิจการเกี่ยวกับบริษัทเท่านั้น แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า บริษัทไม่มีวัตถุประสงค์ระยะยาวและนโยบายที่จะบรรลุวัตถุประสงค์นั้นๆ

บารูห์เล่าว่า “ผู้คนบอกผมว่า ผมจะไม่มีวันประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจนี้ เพราะ ผมไม่มีโครงสร้างที่ถูกต้องหรือองค์การที่ถูกต้อง เอ้อ ผมรู้ว่าปัญหาซับซ้อนต่างๆ นั้นก็เริ่มมาเช่นเดียวกับปัญหาง่ายๆ คำตอบง่ายๆ นั้นได้ผลธุรกิจในทุกวันนี้เป็นเรื่องที่เต็มไปด้วยการโกหกตอแหลและขั้นตอนซับซ้อนอย่างที่ราชการเป็นๆ กัน”

บารูห์ออกจะใส่ใจในเรื่องข้อเสนอที่เขาทำให้กับกลุ่มต่อต้านอาชญากรรมในท้องถิ่นที่เสนอต่อประธานาธิบดีเรแกนสำหรับการช่วยเหลือของรัฐต่อท้องถิ่น เขาได้รับสาส์นที่แสนสุภาพจากเอดวิน แมส ที่สาม ที่ปรึกษาของประธานาธิบดีซึ่งกล่าวว่า ระบบการดูแลที่ว่านี้กำลังได้รับการพิจารณาทบทวนจากทำเนียบขาวอยู่

บารูห์กล่าวว่า “มันได้ผลจริงๆ นั่นคือ ผมไม่อาจชักจูงคนทั้งโลกได้ ผมชักจูงให้ได้แค่กับคนที่ผมเห็น มันจะต้องเป็นบางอย่างทีตัวท่านประธานาธิบดีมองเห็นด้วย ในระยะเวลาเพียงสั้นๆ ประชาชนจะสามารถเดินไปตามท้องถนนได้และออกมาจากที่หลบซ่อนและเดินไปด้วยความรู้สึกที่ว่าเป็นเหมือนกับเมืองเล็กๆ และแม้แต่ในเมืองบรอนซ์เอง ซึ่งตอนนี้แทบจะลุกเป็นไฟอยู่แล้วแต่ก็อาจนำชีวิตชีวากลับมาได้อีกครั้ง มันไม่ใช่เรื่องของการต้องระแวดระวัง และไม่ใช่เรื่องของความเกลียดชัง มันเป็นเรื่องของการเอาใจใส่และการดู...”

“อะไรที่ผมจะบอกคุณน่ะหรือ ผมไม่ต้องการจะดูเหมือนเป็นคนบ๊อง แต่มันก็เป็นเช่นนั้นและนั่นก็คือผม”   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us