เค.อี.แลนด์ลุยธุรกิจศูนย์ค้าปลีก วางแผนพัฒนาเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทราเป็นย่านศูนย์การค้าระดับไฮ-เอ็น ปี 2549 ผุด 3 โครงการหรูมูลค่ารวมกว่า 5,500 ล้านบาท ประเดิม "คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์" บนเนื้อที่ 21 ไร่ คาดเปิดให้บริการปลายปี 2549 โครงการช็อปปิ้ง มอลล์ และโครงการบ้านหรูระดับเอ็กครูซีฟบนเนื้อที่ 40 ไร่

นายกวีพันธ์ เอี่ยมสกุลรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค.อี. แลนด์ จำกัด เปิดเผยถึงแผนการพัฒนาที่ดินของบริษัทบริเวณเลียบ ทางด่วนเอกมัย-รามอินทราว่า ที่ดิน บริเวณดังกล่าวเป็นที่ดินแลนด์แบงก์ ซื้อมาเป็นเวลาหลายปี ซึ่งที่ผ่านมาได้พัฒนาไปแล้วบางส่วน ปัจจุบันเหลือที่ดินในย่านนี้ประมาณ 300 ไร่ และยังมีแผนที่จะซื้อเพิ่มเติมในบริเวณใกล้เคียงอีกด้วย นอกจากนี้บริษัทยังต้องการพัฒนาทำเลดังกล่าวนี้เหมือนเช่นทำเลสุขุมวิท ในอดีตซึ่งจะต้องมีมูลค่าเพิ่มตลอด ดังนั้น ทุกโครงการที่บริษัทลงทุนจะต้องมีคอนเซ็ปต์ และต้องสร้างมูลค่าเพิ่มซึ่งกันและกัน เป็นธุรกิจที่เข้ากับเทรนด์ของตลาด

สำหรับแผนการพัฒนา บริษัทจะนำที่ดินดังกล่าวออกมาพัฒนาเพิ่มขึ้น ซึ่งตามแผนจะนำที่ดินประมาณ 3 แปลงออกพัฒนาก่อน โดยนำที่ดิน 42 ไร่ ตรงข้ามโลตัส ออกพัฒนาเป็นธุรกิจศูนย์ค้าปลีกรูปแบบใหม่ โดยเฟสแรกจำนวน 21 ไร่ ภายใต้ชื่อโครงการ "คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์" มูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท เน้นสินค้าที่เกี่ยวกับบ้าน อาทิ วัสดุตกแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ สุขภัณฑ์ กระเบื้อง ไฟ การออกแบบ โดยสินค้าที่จะนำมาขายในโครงการนี้จะต้องเป็นแบรนด์สินค้าระดับบนหรือเป็นที่สุดของสินค้าแต่ละประเภท

คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ จะพัฒนาคล้ายๆ วิลเลจ การตกแต่งสไตล์บูติกชอป ซึ่งการตกแต่งของทุกร้านจะสัมพันธ์กลมกลืนกัน เหมือนกับมีชีวิต ทั้งนี้ บริษัทได้ทำวิจัยความต้องการของลูกค้าทั้งลูกค้าที่มาเช่าร้าน และลูกค้าที่จะเข้ามาซื้อสินค้า ถึงรูปแบบของการตกแต่งร้านวามีความต้องการรูปแบบดังกล่าว ส่วนเฟส 2 นั้นจะมีพื้นที่ 21 ไร่ พัฒนาเป็นออฟฟิศให้เช่า คาดว่าจะสามารถเปิดโครงการได้ประมาณ ปลายปี 2549

"บริษัทได้นำรูปแบบโครงการ ไปเสนอให้กับเจ้าของแบรนด์สินค้าระดับโลก ซึ่งก็ได้รับความสนใจอย่างมาก แต่ตอนนี้ยังไม่ได้เซ็นสัญญาเช่าเพราะโครงการยังไม่เริ่ม แต่เชื่อว่าหากเปิดให้จองก็คงหมด ซึ่งแต่ละร้านค้าจะมีขนาดใหญ่และมีพื้นที่เพื่อนำเสนอสินค้า โดยบริษัทจะเป็นผู้บริหารพื้นที่เอง เพราะเชื่อว่าจะสามารถทำได้ดีกว่าคนอื่นเพราะเราเป็นเจ้าของเอง ย่อมต้องการให้โครงการมีมูลค่าเพิ่มอยู่ แล้ว" นายกวีพันธ์กล่าว

สำหรับโครงการที่ 2 นั้น จะพัฒนาเป็นชอปปิ้งมอลล์ บนเนื้อที่ 35 ไร่ พื้นที่ประมาณ 30,000-100,000 ตร.ม. โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการวางแผนโครงการ มูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท ทั้งนี้ คอนเซ็ปต์ของโครงการยังคงพัฒนาเพื่อกลุ่มลูกค้าระดับบนเช่นเดิม เริ่มพัฒนาโครงการในปีหน้า นอกจากนี้หากทั้ง 2 โครงการข้างต้นประสบความสำเร็จ บริษัทยังมีแผนที่จะพัฒนาโรงแรมหรูขึ้นเพื่อรองรับลูกค้าอีกด้วย

ส่วนที่ดินที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องกับโครงการคริสตัส พาร์ค จำนวน 40 ไร่ จะพัฒนาเป็นโครงการบ้านเดี่ยวระดับเอกซ์คลูซีฟ จับลูกค้ากลุ่มเดียวกับโครงการคริสตัส พาร์ค คาดว่ามูลค่าโครงการประมาณ 1,500 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างวางแผนและออกแบบ เพื่อให้มีคอนเซ็ปต์โครงการที่ชัดเจน เพื่อเป็นจุดขายและแตกต่างจากโครงการเดิม คาดว่าจะสามารถเปิดโครงการได้ประมาณต้นปี 2549 และเมื่อรวมทั้ง 3 โครงการที่บริษัทจะพัฒนาในปีนี้ไปจนถึงปีหน้าแล้วมีมูลค่ารวมกว่า 5,500 ล้านบาท

นางศุภานวิต เอี่ยมสกุลรัตน์ กรรมการบริหาร บริษัท เค.อี.แลนด์ จำกัด กล่าวว่า สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายนั้น เนื่องจากในย่านนี้เป็นทำเลที่อยู่อาศัยระดับบนของโครงการที่มีอยู่กว่า 30 โครงการ ในระดับราคาตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งถือว่าเป็นทางผ่านของทำเลที่อยู่อาศัยหนาแน่นในย่านรามอินทรา-วัชรพล-เกษตร นวมินทร์-ลาดพร้าว-โชคชัย 4 โดยกลุ่มเป้าหมายของบริษัทต้องการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวให้เป็นศูนย์กลาง รองรับการใช้ชีวิตมีระดับครบวงจรของกลุ่มลูกค้าบีบวกถึงเอ

นอกจากนี้ จากการสำรวจยังพบอีกว่าประชากรในย่านดังกล่าวมีรายได้สูงรองจากประชากรย่านสุขุมวิทเท่านั้น ซึ่งย่านสุขุมวิทถือเป็นย่านธุรกิจที่มีบริษัทจำนวนมาก ในขณะที่ย่านรามอินทราเป็นย่านที่อยู่อาศัยการที่รายได้ประชากรสูงแสดงว่า ประชากรมีฐานะดีจริงๆ รวมถึงยังมียอดฝากเงินสูงติดอันดับ 1 ใน 10 ของกรุงเทพฯ อีกด้วย

"ปีนี้เราจะโฟกัสไปที่ คริสตัล ดีไซน์ ทุกอย่างที่นี่จะต้องเหมือนมีชีวิต มีดีไซน์ เป็นผู้นำเทรนด์ตลาด ทุกอาชีพที่เกี่ยวกับบ้านจะต้องมาอัปเดตที่เรา และต่างชาติก็จะมาดูสินค้าเรา รวมไปจนถึงสั่งนำเข้าสินค้าจากร้านค้าในศูนย์ของเราไปขาย" นางศุภานวิตกล่าว

สำหรับโครงการคริสตัล พาร์ค ที่เปิดขายมาประมาณ 1 ปี ปัจจุบันมียอดขายไปแล้ว 90% หรือจำนวน 65 ยูนิต เหลือที่ดินอีกประมาณ 6 แปลง รวมมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 18-80 ล้านบาท บ้านที่ขาย ดีที่สุดเฉลี่ยราคา 35-40 ล้านบาท โครงการนี้พัฒนารูปแบบบ้านสั่งสร้าง 90% ส่วนอีก 10% เป็นบ้าน สร้างเสร็จ โดยส่วนใหญ่ลูกค้าจะสร้างบ้านหลังขนาดใหญ่ มีบางหลังมูลค่าเกือบ 100 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมค่าตกแต่ง จึงทำให้การก่อสร้างล่าช้าออกไปด้วย

ส่วนจำนวนยูนิตเหลือขาย 10 ยูนิต คาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ประมาณปลายไตรมาส 2 ถึงไตรมาส 3 โครงการคริสตัล พาร์คได้รับการสนับสนุนสินเชื่อโครงการจากธนาคารกรุงเทพในวงเงิน 700 ล้านบาท แต่จนถึงขณะนี้บริษัทได้นำมาใช้เพียง 70 ล้านบาท

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าที่ซื้อบ้านในโครงการ รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์อันดีให้กับลูกบ้านได้รู้จักกัน บริษัทจึงได้จัดงาน "Crystal Night Welcoming Party" ขึ้นในวันพุธที่ 11 พฤษภาคม นี้ เวลา 18.00 น ณ ห้องแกรนด์ บอลรูม โรงแรมโอเรียนเต็ล นอกจากนี้ลูกค้าของโครงการยังจะได้รับเครดิต วีซ่า โกลด์ ของธนาคารกรุงเทพอีกด้วย