เกาหลีใต้เคยกระโดดเข้าสู่เทคโนโลยีเหนือญี่ปุ่นในปี 1592 เมื่อสร้างเรือหุ้มเกราะลำแรกของโลกขึ้นมาได้ แต่ก็ไม่ผลิตได้มากพอที่จะจมเรือไม้ของศัตรูได้หมด
ญี่ปุ่นบุกเกาหลีในปีนั้นและยึดกรุงโซลได้
ปัจจุบันเกาหลีได้พยายามคลำหาแนวทางอื่น ชนะด้วยการตามแบบอย่างญี่ปุ่น นโยบายก็คือ การส่งเสริมเศรษฐกิจของเกาหลี ซึ่งเจริญขึ้นร้อยละ 9 ในปี 1983 และสร้างความยุ่งยากให้แก่ตารางเวลาของญี่ปุ่นด้วยการไต่ขึ้นไปสู่ระดับเทคโนโลยีที่สูงขึ้นและสูงขึ้นเรื่อยๆ
เศรษฐกิจของโลกนั้นเป็นเสมือนขั้นบันไดที่แน่นเอี้ยด โดยที่แต่ละชาติพยายามตะเกียกตะกายขึ้นสู่เบื้องบนราวกับว่ามีเพลิงไหม้อยู่เบื้องล่าง
ประเทศที่ค่าแรงต่ำกว่า เช่น จีน อินเดีย ได้ดึงเอาธุรกิจสิ่งทอไปจากเกาหลีใต้ได้
ดังนั้นเกาหลีจึงจำต้องไต่สู่ขั้นที่สูงยิ่งไปกว่านี้อีก แต่พบว่า ญี่ปุ่นยังไม่พร้อมที่จะถูกดันออกไปจากที่
การต่อเรือดูจะเป็นตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุด
ในเวลาไม่กี่ปีข้างหน้า อู่ต่อเรือเกาหลีอาจจะต่อเรือออกได้จำนวนเท่าๆ กับของญี่ปุ่น
โดยหลักการ ญี่ปุ่นยอมรับว่า การต่อเรือเป็นอุตสาหกรรมที่ตกต่ำลงแล้ว เท่าๆ กับการที่บีบให้อเมริกายอมรับว่า อุตสาหกรรมรถยนต์ไม่ใช่ธุรกิจที่จะโตได้ แต่อย่างไรก็ตาม ในการปฏิบัติมันไม่ได้เป็นการง่ายเลยที่จะเปลี่ยนงานให้กับคนงานจำนวน 7,000 คน ในอู่ต่อเรือมิตซูมิชิเฮวี่ อินดัสตรีส์ ให้กลายมาเป็นช่างออพติคัลไฟเบอร์ หรือรูปชิ้นส่วนต่างๆ ของดาวเทียม
นอกจากนี้ โรงงานถลุงเหล็กของเกาหลี ตัดราคาญี่ปุ่นอย่างมาก จนกระทั่งลูกค้าของญี่ปุ่นได้หันมาสั่งซื้อจากเกาหลีมากยิ่งขึ้น
เกาหลียังได้เริ่มท้าทายญี่ปุ่นด้วยการเริ่มเข้าสู่ธุรกิจอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แม้กระทั่งถึงธุรกิจสารกึ่งตัวนำ ซึ่งเคยผูกขาดโดยสหรัฐฯ และญี่ปุ่นเท่านั้น
การไล่ตามญี่ปุ่นเป็นความฝันระดับชาติของเกาหลีใต้ สำคัญยิ่งในด้านนโยบายเศรษฐกิจพอๆ กับการเหนี่ยวรั้งเกาหลีเหนือในด้านนโยบายทางทหาร
เศรษฐกิจของเกาหลีนั้นใหญ่โตที่สุดในประเทศอุตสาหกรรมแห่งเอเชีย หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ แก๊งทั้งสี่ หรือ เสือทั้งสี่ (อีกสามประเทศคือ ฮ่องกง สิงคโปร์ และไต้หวัน) ด้วยความเจริญเติบโตที่ปะทุขึ้นในปีที่แล้วผลิตผลรวมทั้งชาติของเกาหลีใต้โตถึง 75,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
การไล่ตามญี่ปุ่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เศรษฐกิจของญี่ปุ่นนั้นใหญ่กว่าเกาหลีถึง 14 เท่า
เกาหลีใต้มีตลาดภายในประเทศเพียงหนึ่งในสามของญี่ปุ่น
รายได้ต่อคนของประชากรญี่ปุ่นตกราว 9,500 เหรียญสหรัฐ
รองนายกรัฐมนตรีของเกาหลีคือ ชิน เปียง ฮวน กล่าวว่า เป้าหมายล่าสุดของประเทศของเขาคือการพยายามเร่งรายได้ต่อคนจากจำนวนหลายร้อยเหรียญให้เป็น 2,000 เหรียญภายในปีหน้า
คนเกาหลีบางคนคิดว่า สิ่งที่พวกเขาทำได้ดีที่สุดคือ รายได้ต่อคนคงจะได้เพียงครึ่งหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้น ประเทศนี้ยังมีอุปสรรคอื่นๆ เฉพาะพิเศษอีก แม้จะไม่มีปัญหาในการชำระหนี้
หนี้สินต่างประเทศของเกาหลีนั้นใหญ่เป็นลำดับสี่ของโลกรองจากกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ คือ บราซิล เม็กซิโก อาร์เจนตินา คือ วงเงิน 4,000 ล้านเหรียญ
งบประมาณป้องกันประเทศนั้นเกินร้อยละ 6 ของผลิตผลรวมทั้งชาติ ในขณะที่ญี่ปุ่นใช้ไม่ถึงร้อยละ 1 เสียด้วยซ้ำ เช่นเดียวกับการใช้งบป้องกันประเทศร้อยละเท่าๆ กันในวอชิงตัน เซอูลบ่นพึมพำว่า การเตรียมการณ์ที่ว่านี้ทำให้ญี่ปุ่นหลุดพุ่งไปข้างหน้า
การเดินตามญี่ปุ่นนั้นมีอันตรายเฉพาะอย่างเช่นกัน ถ้าญี่ปุ่นก้าวพลาด เกาหลีใต้ก็ก้าวพลาดตามด้วย
มองย้อนหลังไปอาจเป็นการพลาดสำหรับญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ในอันที่จะก้าวเข้าไปสู่อุตสาหกรรมปิโตรเคมี ทั้งสองประเทศต่างต้องสั่งวัตถุดิบเข้าหลังจากที่น้ำมันขึ้นราคาอย่างรุนแรงในช่วงปี 1970 เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะอย่างยิ่งในทางเศรษฐกิจที่จะสั่งน้ำมันเข้าจากตะวันออกกลางและแปรเปลี่ยนไปเป็นปุ๋ย ประเทศแคนาดา และสหรัฐฯ สามารถผลิตปุ๋ยได้จากก๊าซธรรมชาติราคาถูก และแม้ว่าเกาหลีใต้และประเทศที่กำลังเติบโตอื่นๆ ในเอเชียได้ตัดสินใจที่จะเลียนแบบความสำเร็จของญี่ปุ่นในธุรกิจรถยนต์นานาชาติ ก็ยังคงมีปัญหาว่า ผู้ติดตามรายใดจะทำกำไรได้บ้าง
การเลียนแบบญี่ปุ่นของเกาหลีใต้นั้นส่วนใหญ่นั้นมีเหตุผล นอกเหนือจากช่องว่างทางเศรษฐกิจขนาดมหาศาลระหว่างสองประเทศแล้วพวกเขายังมีความแข็งแกร่งเหมือนกัน เช่น กำลังแรงงานที่มีวินัย และยังมีความอ่อนแอเหมือนกัน คือ การขาดแคลนวัตถุดิบ
แต่การไล่ตามนั้นถูกลากจูงด้วยอารมณ์ทางหนึ่ง ในช่วงที่ญี่ปุ่นครอบครองคาบสมุทรเกาหลีเป็นเวลายาวนาน จากปี 1910 จนกระทั่งสิ้นสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นพยายามที่จะเปลี่ยนคนเกาหลีใต้ให้กลายเป็นคนญี่ปุ่นชั้นสองด้วยไม่ให้ใช้ภาษาเกาหลี และนักธุรกิจเกาหลีด้วยนายทุนจากญี่ปุ่น
ชาวเกาหลีมีความรู้สึกปนเปต่อผู้กดขี่เดิมอย่างมาก ในขณะที่ไม่ชอบพฤติกรรมอย่างหนึ่งเพียงเพราะว่าเป็นญี่ปุ่น แต่กลับชื่นชมพฤติกรรมอีกอย่างเพราะเหตุผลเดียวกัน
ในปี 1982 สมัชชาแห่งชาติได้ออกกฎให้นักเรียนสวมเครื่องแบบในบรรดาข้อโต้แย้งกับเครื่องแบบนั้นข้อหนึ่งบอกว่า เป็นแบบอย่างของญี่ปุ่น
ในขณะเดียวกัน นิสัยการจัดการแบบญี่ปุ่นได้ครอบงำอุตสาหกรรมเกาหลี นับตั้งแต่การออกกำลังกายในตอนเช้าจนกระทั่งธรรมเนียมการจ่ายเงินตอบแทนอย่างงามในการจ่ายโบนัสทุกครึ่งปี
ชาวเกาหลียังเชื่อด้วยว่า เทคโนโลยีของญี่ปุ่นนั้นดีที่สุดในโลก หรืออย่างน้อยที่สุด ก็เหมาะกับเกาหลีมากที่สุด
เกาหลีและญี่ปุ่นนั้นเกี่ยวเนื่องกันเป็นแน่แท้ ถ้ามองย้อนผ่านกาลเวลาไปตามรอยตระกูลจักรวรรดิญี่ปุ่นให้ไกลพอจะพบว่า รากเหง้านั้นอยู่ในเกาหลี
แต่เกาหลีและญี่ปุ่นในทุกวันนี้มีกิริยาที่แตกต่างกันมาก
คนญี่ปุ่นนั้นเป็นแบบแผนของการระมัดระวังท่าที
ส่วนคนเกาหลีนั้นไม่เป็นแบบแผนและโผงผาง
ผู้เสนอขายสินค้าในเกาหลีอาจจะเอามือของเธอวางบนบ่าของลูกค้าเมื่อเดินนำเข้าประตู ผู้บริหารระดับสูงของเกาหลีจะเชิญผู้คุ้นเคยในการทำธุรกิจไปบ้านเพื่อให้รู้จักกับครอบครัวของเขา
การปฏิบัติด้วยความคุ้นเคยอย่างนี้เป็นเรื่องผิดปกติเอามากๆ ในญี่ปุ่น
ต่างไปจากคนญี่ปุ่น คนเกาหลีค่อนข้างจะโต้เถียงเก่ง
นักการทูตคนหนึ่งพูดถึงชาติทั้งสองอย่างชื่นชมกล่าวว่า “ถ้าหากว่าคุณคุ้นเคยกับคนญี่ปุ่นสักหกเดือน เขาอาจจะยอมขัดคุณในบางจุดเพียงนิดเดียว แต่คนเกาหลีจะใช้คำว่าตอแหลในเวลาเพียง 15 นาที เท่าๆ กับความพอใจที่คนอเมริกันพบความตรงๆ นั้น
คนเกาหลีออกจะหงุดหงิดกับความโอนเอียงไปในทางโต้แย้งที่เกิดขึ้นในทีมงาน แนวทางของญี่ปุ่นที่เขาชื่นชม
คุณความดีของเกาหลีอยู่ในความอุทิศตนให้กับงาน งานอะไรก็ได้
ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา ชาวเกาหลีได้รับเหรียญมากที่สุดในการแข่งขันที่เรียกว่า International Vocational Training Competition ซึ่งคล้ายกับการแข่งขันโอลิมปิกอย่างหนึ่ง ซึ่งผู้ชำนาญงานหนุ่มสาวแข่งกันในงานฝีมือ ตั้งแต่การทำเครื่องมือต่างๆ ไปจนถึงการเชื่อมโลหะ
คนงานใช้แรงงานชาวเกาหลีทำงานอย่างเหนื่อยยากแต่ได้ค่าแรงต่ำกว่าคนงานญี่ปุ่นมาก
คนงานที่นั่งเรียงแถวในบริษัทผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในเกาหลีใต้ได้ค่าแรงเริ่มต้นราว 3,200 เหรียญสหรัฐต่อปี หรือร้อยละ 40 ของคนงานประเภทเดียวกันในญี่ปุ่น
ผู้นำในระบบการจัดการในเกาหลีใต้ แม้จะไม่ได้รับการศึกษาดีกว่า อย่างน้อยก็กว้างขวางกว่า
หนทางอาชีพสำหรับคนญี่ปุ่นหนุ่มสาวที่เฉลียวฉลาดนำไปสู่มหาวิทยาลัยที่มีชื่อ เช่น มหาวิทยาลัยโตเกียว หรือ เกียวโต และตรงเข้าสู่บริษัท ซึ่งต่อมาอาจจะส่งเขาไปเมืองนอกเพื่อความเชี่ยวชาญพิเศษต่างๆ
หนุ่มสาวเกาหลีที่ทะเยอทะยานเข้ามหาวิทยาลัยโซล และไปต่อปริญญาโทในสหรัฐฯ หรือชั้นที่สูงกว่านี้ก่อนจะเริ่มทำงาน
ชาวเกาหลีราว 8,000 คนกำลังเรียนอยู่ในสหรัฐฯ ซึ่งพวกเขามักได้รับความทะเยอทะยานแบบอย่างอเมริกันควบคู่ไปกับปริญญา
เช่นเดียวกับคนอเมริกัน แต่ไม่เหมือนคนญี่ปุ่น คนเกาหลีอาจถูกหล่อใจด้วยค่าตัวที่เหมาะสม บริษัทหนึ่งไปยังอีกบริษัทหนึ่ง นายจ้างเกาหลีได้เพิ่มค่าจ้างให้สูงขึ้นเรื่อยๆ จนเมื่อเร็วๆ นี้ เงินเดือนของผู้จัดการในเกาหลีนั้น สูงเกือบเท่าๆ กับ ผู้จัดการในญี่ปุ่น
ความแข็งแกร่งของผู้นำเกาหลีนั้นทดสอบได้ด้วยความโศกเศร้าที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เมื่อเกาหลีเหนือวางแผนที่จะสังหารประธานาธิบดี ชุน ดู ฮวาน ในขณะที่เขาเดินทางไปเยือนร่างกุ้ง แต่เคราะห์ร้ายกลับตกไปอยู่ที่ผู้ติดตามจำนวน 17 คน ซึ่งในกลุ่มนี้มีมือเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งรวมอยู่ด้วย ภายในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ประธานาธิบดีผู้นี้ก็สามารถสรรหาผู้มารับหน้าที่แทนและยังมีความสามารถเทียบเคียงกันได้
ทูตสหรัฐฯ ประจำเกาหลีใต้ คือ ริชาร์ด วอล์คเกอร์ กล่าวว่า “พวกนี้มีความสามารถลึกล้ำถึง 9 และ 10 ส่วน ผมคิดว่า คนทำธุรกิจและรัฐบาลที่พวกเขามีอยู่เป็นผู้นำที่ได้รับการศึกษาอย่างดีที่สุดในโลก”
ญี่ปุ่นคิดว่า เกาหลีมีแรงงานที่เฉลียวฉลาดและเสียสละ และการมองเห็นนี้ทำให้เกิดความเป็นกังวลมากยิ่งขึ้น เมื่อเห็นว่าจริยศาสตร์ในการทำงานของตนเองกลับลดลงเล็กน้อย
จากการสำรวจพบว่า หนุ่มสาวญี่ปุ่นมีความเต็มใจที่จะทำงานในชั่วโมงพิเศษหรือวันหยุดพักน้อยกว่ากลุ่มที่สูงอายุกว่า
ในขณะที่ญี่ปุ่นเริ่มระแวงการท้าทายในการแข่งขันของเกาหลีใต้ พวกเขาก็ไม่เต็มใจที่จะให้เกาหลีรู้เทคโนโลยีจากเขาที่จะทำให้ผลิตได้มากกว่าตน
บริษัทของญี่ปุ่นบางแห่งขายวิชาการให้ง่ายดายกว่านี้ในอดีต ยกตัวอย่างเช่น ในต้นทศวรรษ1970 บริษัทนิปปอนสตีล ได้ช่วยเกาหลีสร้างคอมเพล็กซ์ขนาดยักษ์ของบริษัท โปฮัง ไอออน แอนด์ สตีล
ญี่ปุ่นยังขายเหล็กให้เกาหลีใต้มากกว่าที่ซื้อทั้งหมดในช่วงทศวรรษที่เหลือ
เดี๋ยวนี้ ลูกค้าของญี่ปุ่นซื้อเหล็กจากเกาหลีมากขึ้นจนยอดขายเหล็กของทั้งสองประเทศเกือบใกล้เคียงกัน
อู่ต่อเรือของญี่ปุ่นเริ่มระแวงเมื่อเกาหลีใต้ตามเข้ามาใกล้ในช่วงทศวรรษ 1970
ญี่ปุ่นยังคงขายเชื้อเพลิงและเครื่องจักรตัดเหล็กให้ก็จริงอยู่ แต่เกาหลีต้องหันไปหาอังกฤษ สวีเดน และอเมริกาให้ช่วยด้านการออกแบบ
ผู้ต่อเรือเกาหลีรายหนึ่งกล่าวว่า “คนญี่ปุ่นละโมบเกินไป” พวกเขาต้องการทุกสิ่งทุกอย่างและได้คุมธุรกิจต่อเรือมาตั้งสองทศวรรษแล้ว ตอนนี้ควรจะผ่านมือไปให้คนอื่นบ้างได้แล้ว”
ญี่ปุ่นยังคงต่อเรือมากกว่าชาติใดๆ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 1983 ได้ใบสั่งซื้อถึงร้อยละ 58 จากทั่วโลก แต่เกาหลีใต้ก็ได้สัญญาใหญ่ๆ บางราย บริษัท เดหวู่ ชิปบิวดิ้ง แอนด์ เฮวี่ เมชีนเนอรี ได้สร้างเรือบรรทุกคอนเทนเนอร์จำนวน 12 ลำ ให้กับสายเดินเรือของสหรัฐฯ ในวงเงินถึง 570 ล้านเหรียญ
ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 1983 เช่นกัน เกาหลีได้ใบสั่งจองถึงร้อยละ 20 ของโลก ซึ่งเป็นส่วนที่ใหญ่กว่าปี 1977 ถึง 4 เท่า
เกาหลีใต้ได้แสวงหาประโยชน์ในการเปิดตลาด ในขณะที่ญี่ปุ่นมีแนวโน้มจะต่อเรือแบบโหล เกาหลีกลับต่อให้ตามแบบสั่งพิเศษของลูกค้า
ผู้เชี่ยวชาญบางคนคิดว่า ในไม่กี่ปีส่วนของญี่ปุ่นในธุรกิจนี้จะตกลงมาเหลือเพียงร้อยละ 35 ในขณะที่เกาหลีจะไต่ไปเป็นร้อยละ 30
การต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ระหว่างชาติทั้งสองดูจะเป็นเรื่องของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งดูจะเป็นธุรกิจส่งออกที่เบ่งบานและโตเร็วที่สุดของเกาหลีใต้ซึ่งมีมูลค่าถึงราว 1 พันล้านเหรียญ หรือราวร้อยละ 4 ของยอดขายส่งออกทั้งหมดในปี 1983
บริษัทผู้นำสองรายที่ชี้นำเศรษฐกิจของเกาหลีใต้คือ กลุ่มซัมซุง ซึ่งขายได้ราว 5,900 ล้านเหรียญ ในปี 1982 และกลุ่มลักกี้ซึ่งขายได้ 5,400 ล้านเหรียญในปีเดียวกัน
บริษัทหนึ่งในกลุ่มที่เก่าแก่ที่สุดของเกาหลีใต้คือ ซัมซุง เริ่มในปี 1938 เป็นบริษัทที่ทำการค้าเกี่ยวกับสิ่งทอ เสื้อผ้า และน้ำตาล และเริ่มทำธุรกิจอื่นๆ ต่างออกไปอีก รวมทั้งการประกันชีวิต การต่อเรือ เครื่องจักรกล และงานก่อสร้างในตะวันออกกลาง
คู่แข่งของบริษัทนี้คือ บริษัทลัคกี้ เริ่มธุรกิจหลังซัมซุงเก้าปี แต่มีความทะเยอทะยานในขอบข่ายที่กว้างขวางไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เริ่มด้วยการขายเครื่องสำอาง และปัจจุบันทำทั้งเหมือง ทองแดง โรงกลั่นน้ำมัน ผลิตพลาสติก บริษัทซึ่งขายหุ้น และปลูกต้นแอพพริคอต นอกเหนือจากกิจกรรมอื่นๆ
เกาหลีใต้ยังไม่ปะทะกับธุรกิจส่งออกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ระดับหมื่นล้านเหรียญต่อปีของญี่ปุ่น เพราะเกาหลีนั้นส่วนใหญ่ยังคงวนเวียนในอุตสาหกรรมแบบเก่าซึ่งญี่ปุ่นสนใจน้อยลง
เกาหลีใต้เป็นผู้ผลิตโทรทัศน์ขาวดำรายใหญ่ที่สุดของโลก และยังคงค้าคล่องในเขตต่างๆ หลายแห่งในโลก แม้ว่า เมื่อเร็วๆ นี้จะมีคู่แข่งที่พยายามตามมา คือมาเลเซีย ดังนั้นเกาหลีใต้จึงได้เริ่มขั้นต่อไปคือโทรทัศน์สี ซึ่งยังคงเป็นธุรกิจใหญ่ของญี่ปุ่น
แม้จะไม่ใช่ธุรกิจที่โตได้แต่แผนกโกลด์สตาร์ของลัคกี้ ได้สร้างโรงงานขึ้นในเมือง ฮันท์สวิลล์ รัฐแอละบามา และในกลางปีนี้คาดว่าจะสามารถนำเอาเครื่องรับโทรทัศน์สีจำนวน 500,000 เครื่องและเตาไฟฟ้าจำนวน 400,000 เครื่องต่อปีออกขาย ส่วนคู่แข่งคือ ซัมซุง กำลังปรับพื้นที่ในนิวเจอร์ซีย์ เพื่อสร้างโรงงานอย่างเดียวกัน
แผนการตามหลังญี่ปุ่นของเกาหลีขั้นต่อไปคือ ธุรกิจการสร้างเครื่องบันทึกเทปวิดีโอ ซึ่งน่าจะเป็นส่วนของอุตสาหกรรมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ขายได้มากที่สุดในช่วงที่เหลือของทศวรรษ
บริษัท มัตซุชิตะ ผู้ผลิตสินค้ายี่ห้อเนชั่นแนล ควาซาร์ พานาโซนิค และเทคนิคส์ ปฏิเสธคำขอซื้อวิธีการผลิตเครื่องวีซีอาร์เอสจากบริษัทโกลด์สตาร์ของเกาหลี
โกลด์สตาร์จึงได้นำเอาเครื่องของมัตซุชิตะถอดออกเป็นชิ้นๆ และเลียนแบบเพื่อขายแก่ตลาดในประเทศ
มัตซูชิตะจะต้องฟ้องร้องแน่หากโกลด์สตาร์ส่งเครื่องนี้ออกขายนอกประเทศ แต่ซัมซุงเพิ่งได้ตกลงกับโซนี่และวิคเตอร์แห่งญี่ปุ่นแล้ว จะมีสิทธิ์ส่งเครื่องวีซีอาร์เอสออกขายนอกประเทศได้ในเดือนมกราคม ปี 1985
การแข่งขันดูน่าสนุก สังเวียนของเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ากับค่าแรงที่ต่ำ แต่วิธีการผลิตผลิตภัณฑ์เกาหลีมาตรฐานญี่ปุ่นยังคงเป็นระบบเก่า
ในโรงงานผลิตวีซีอาร์เอสอายุสามปีของมัตซูชิตะ ในเมืองโอซาก้า หุ่นยนต์ทำงานถึงร้อยละ 80
แต่ในโรงงานวีซีอาร์เอสของซัมซุงซึ่งเพิ่งเปิดได้สามเดือน ในเมืองซูวอน คนทำงานคือสาวๆ ซึ่งมีรายได้เพียงเล็กน้อยและชดเชยด้วยค่าอาหารมื้อละ 10 เซนต์ ซึ่งหาได้จากห้องอาหารของบริษัท พร้อมที่พักฟรีในหอพักของบริษัทเช่นกัน
หญิงสาวในซัมซุงจะสามารถปฏิบัติงานได้ดีกว่าหุ่นยนต์ในมัตซุชิตะได้หรือไม่นั้นส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับความสามารถของซัมซุงในการคงค่าจ้างของพวกเขาได้ ส่วนที่เหลือคือความสามารถของเกาหลีใต้ในการดึงภาวะเงินเฟ้อให้ลดลง ในขณะนี้ดูเหมือนประเทศจะทำได้ดี ส่วนใหญ่เพราะการเก็บเกี่ยวที่เป็นกอบเป็นกำและราคาน้ำมันที่ลดลง ดัชนีราคาสินค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 ในปี 1983
เกาหลีได้ก้าวไปสู่ธุรกิจสารกึ่งตัวนำด้วยความช่วยเหลือจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งก็เช่นเดียวกัน ญี่ปุ่นปฏิเสธที่จะร่วมมือด้วย
ราว 10 ปีก่อน ซัมซุงได้เริ่มผลิตชิ้นส่วนง่ายๆ ของนาฬิกาข้อมืออิเล็กทรอนิกส์ ปลายปีที่แล้วบริษัทได้เริ่มที่จะจับเอาส่วนตัวบันทึกความจำรุ่น 64K RAMS ซึ่งสามารถบรรจุข้อมูลถึง 64,000 บิท ออกมาได้
ในขณะเดียวกัน สหรัฐฯ และญี่ปุ่นได้เขย่งไปถึงระดับ 256K ซึ่งทำให้เกิดปัญหาว่า ทำไมเกาหลีจึงต้องการที่จะลงทุนในเทคโนโลยีที่กลายเป็นของกลางเก่าเสียแล้ว ฮี จุน ปัก ประธานกรรมการของบริษัท ซัมซุง เซมิคอนดัคเตอร์ แอนด์ เทเลคอมมิวนิเคชั่น ยอมรับว่า “ชายคนหนึ่งในสหรัฐฯ กล่าวว่า เราจะถึงวาระสุดท้ายถ้าเราเข้าสู่ธุรกิจในตอนนี้ แต่ผมก็บอกกับเขาว่า เราไม่มีทางเลือก เราต้องรู้”
ความรู้นั้นราคาแพงมาก ซัมซุงวางแผนที่จะลงทุนกว่า 400 ล้าน ในไม่กี่ปีข้างหน้า ถ้าไม่ได้นำหน้าตัวเบี้ยในเกมแล้วเกาหลีใต้ไม่อาจจะเป็นผู้เล่นเกมที่มีเวลามากรายใหญ่ ด้านอิเล็กทรอนิกส์ระดับสูง เช่น คอมพิวเตอร์ หุ่นยนต์ และโทรคมนาคม นั่นเป็นหนทางที่ญี่ปุ่นนำไปข้างหน้าอย่างเด่นชัด และเกาหลีใต้ต้องการค้นรอยตามไปอย่างสดๆร้อนๆ
ญี่ปุ่นเป็นต่อเกาหลีใต้อยู่ 3-2 เช่นเดียวกับที่เป็นต่อสหรัฐฯ แต่ช่องว่างของเกาหลีใต้หดแคบลงจาก 5-1 ในช่วง 10 ปีที่แล้ว ในขณะที่ของสหรัฐฯ กลับกว้างกว่าเก่า นัยนี้เกาหลีใต้จะจัดการกับปัญหาญี่ปุ่นได้ดีกว่าสหรัฐฯ
|