Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กรกฎาคม 2527








 
นิตยสารผู้จัดการ กรกฎาคม 2527
“โครงการธนาคารคู่บ้านคู่เมือง” คนใดคนหนึ่งในนี้มีสิทธิ์เป็นผู้นำในอนาคตได้             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารกรุงเทพ

   
search resources

ธนาคารกรุงเทพ, บมจ.
Education
Banking
อำนวย วีรวรรณ




มันดูเหมือนจะเป็นโครงการฝึกอบรมนิสิตนักศึกษาให้รู้เรื่องงานธนาคารให้มากขึ้นเท่านั้นเอง ซึ่งก็คงจะไม่ต่างไปกว่าการฝึกอบรมทั่วๆ ไป ที่องค์กรต่างๆ รับนิสิตนักศึกษาเข้าฝึกงาน

แต่ “โครงการธนาคารคู่บ้านคู่เมือง” กลับมีอะไรพิเศษหลายอย่างที่แอบแฝงอยู่ในการรับเด็กเข้ามาฝึกงานครั้งนี้

“เป็นความคิดของ ดร. อำนวย วีรวรรณ ที่จะให้เริ่มโครงการนี้ขึ้นมา” พนักงานแบงก์ตราบัวหลวงคนหนึ่งพูดให้ฟัง

“ผมคิดว่าผมอยากจะให้บรรดานิสิตนักศึกษาเหล่านี้ ในวันหนึ่งข้างหน้าจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำรุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพในสังคมไทยต่อไป จากการที่พวกเขาได้เข้ามารับการฝึกอบรมและเรียนรู้เรื่องราวของภาคธุรกิจตลอดจนวิชาการด้านต่างๆ ที่เป็นของจริงจากคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ และโครงการนี้จะทำต่อเนื่องกันไปทุกๆ ปี ใน 10-20 ปี เราจะมีคนเป็นพันที่เคยได้รับการฝึกมาและก็หวังว่าในบรรดาคนเหล่านั้นเราคงจะมีคนที่มีคุณสมบัติผู้นำแฝงอยู่บ้างไม่มากก็น้อย” อำนวย วีรวรรณ เล่าให้ “ผู้จัดการ” ฟัง

ในการรับสมัครนั้นปรากฏว่ามีคนสมัครมาเกือบ 600 คน แต่ได้รับเลือกเพียง 88 คน จาก 17 สถาบันทั่วประเทศ มีทั้งขอนแก่น สงขลา เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ จุฬาจะเป็นสถาบันที่เข้ามามากที่สุดถึง 31 คน รองลงมาเป็นเกษตรฯ 10 คน และธรรมศาสตร์ 8 คน

“เรามองที่คะแนนผลการเรียนต้องดี พอใช้ และต้องเป็นเด็กกิจกรรมเพราะการเข้าไปร่วมทำกิจกรรมนั้นเป็นคุณสมบัติของการทำงานเป็นหมู่และการสร้างคุณสมบัติผู้นำขึ้นมา” เจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงเทพคนหนึ่งเล่าให้ฟัง

“เด็กๆ พวกนี้น่ารักมากและตั้งใจดี มีอยู่ไม่น้อยที่พอเข้ากลุ่มแล้วเราจะเห็นว่าเขาแสดงตัวเป็นผู้นำกลุ่มทันทีโดยอัตโนมัติ” เจ้าหน้าที่คนเดิมพูดต่อ

ดูจากการฝึกอบรมรวมทั้งรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิที่เข้ามาบรรยายแล้วน่าทึ่ง เพราะจัดได้ว่าเป็นการฝึกอบรมที่ค่อนข้างละเอียดและลึกซึ้งพอสมควรแม้แต่คนที่เรียนขั้นปริญญาโทในมหาวิทยาลัยก็คงจะไม่ได้มีโอกาสจะได้รับฟังการบรรยายจากผู้ทรงคุณวุฒิที่ธนาคารจัดมาให้

ผลพลอยได้ครั้งนี้นับว่ามากมายมหาศาล เพราะการปลูกฝังและการศึกษาที่ธนาคารมอบให้กับคนหนุ่มสาวพวกนี้เหมือนการเพาะพันธุ์พืชที่จะเจริญเติบโตและมีความเข้าใจที่ถูกต้องกับธุรกิจและระบบธนาคาร ซึ่งแน่ละในเมื่อเป็นโครงการของธนาคารกรุงเทพ ก็ต้องเป็นธนาคารกรุงเทพที่บรรดานิสิตนักศึกษาเหล่านี้ได้ทำความเข้าใจและมีความรู้สึกที่ดีต่อสำนักบัวหลวงนี้

“ผมว่ามันเป็นโครงการประชาสัมพันธ์อย่างหนึ่งที่ดีมาก และถึงแม้จะใช้เวลานานและต้องมีความอดทนแต่ผลที่ธนาคารกรุงเทพจะได้รับก็คงจะยาวนาน” นักหนังสือพิมพ์อาวุโสคนหนึ่งให้ความเห็น

สำหรับบางคนที่คิดว่าธนาคารกรุงเทพผูกขาดก็ได้เปลี่ยนความคิดไปบ้างหลังจากที่ได้เข้ามาสัมผัสอย่างเช่น ไกรเลิศ หาญวิวัฒน์กุล เศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ซึ่งปัจจุบันทำงานอยู่กับเครือซิเมนต์ไทย พูดว่า “ผมได้เรียนรู้มากพอสมควรทำให้ผมเข้าใจวิธีการทำงาน ซึ่งผมรู้ว่าธนาคารกรุงเทพพยายามจะแก้ภาพลักษณ์ของเขาเรื่องการผูกขาดซึ่งผมคิดว่าในบางส่วนเขาก็ยังผูกขาดอยู่ แต่ตอนนี้ผมเห็นการแข่งขันของเขาในท้องตลาดแล้วทำให้เข้าใจดีถึงงานที่แท้จริงของธนาคาร” แต่เสกสม บัณฑิต บัณฑิตกุล วารสารศาสตร์ ธรรมศาสตร์ คิดว่าเขาเรียนรู้ได้ไม่มากในระยะนั้น “อาจจะเป็นเพราะว่าระยะเวลาฝึกอบรมมันสั้นเกินไปก็ได้ที่จะให้ผมได้เข้าใจอะไรจริงๆ แต่ผมเห็นด้วยนะครับว่า ธนาคารกรุงเทพควรจะดำเนินโครงการนี้ต่อเพื่อให้การศึกษาต่อประชาชน เพราะแม้แต่ในกลุ่มที่เรียกกันว่าปัญญาชนเองก็ยังเข้าใจเรื่องเศรษฐกิจกันไม่ถ่องแท้ และผมก็คิดว่าโครงการนี้ถ้าทำดีๆ จะเป็นการเสริมสร้างความคิดให้คนเข้าใจธนาคารดีขึ้น”

ส่วนเพ็ญประภา บูลภักดิ์ วิทยาศาสตร์ ศิลปากร มองธนาคารกรุงเทพในแง่ดีมาก “เอ๋ไม่คิดว่าธนาคารกรุงเทพจะเป็นเสือนอนกิน เพราะธนาคารกรุงเทพเป็นตัวหลักในการพัฒนาการค้า และถ้าไม่มีธนาคารกรุงเทพแล้ว เอ๋ก็คิดว่าประเทศจะ SUFFER ค่ะ”

โครงการธนาคารคู่บ้านคู่เมืองนี้ ธนาคารจะจัดทำปีละ 2 รุ่น ซึ่งจะแบ่งเป็นนิสิตนักศึกษาภายในประเทศซึ่งจะจัดขึ้นในระหว่างปิดภาคเรียนฤดูร้อนเดือนมีนาคม-เมษายน

อีกรุ่นก็จะเป็นสำหรับนักศึกษาไทยในต่างประเทศที่กลับมาเยี่ยมบ้านในภาคฤดูร้อน คือเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ตลอดไปซึ่งการฝึกอบรมจะแบ่งเป็นสองภาคคือ ภาคบรรยาย และภาคฝึกอบรม
กับดูงาน

ระยะเวลาจะอยู่ประมาณ 5 สัปดาห์

ความจริงแล้วโครงการนี้น่าจะใช้ชื่อว่า “โครงการธนาคารกรุงเทพสร้างผู้นำคู่บ้านคู่เมือง” มากกว่า

อำนวยพูดว่า “สังคมไทยในปัจจุบันและในอนาคตกำลังต้องการผู้นำรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถฉลาดเฉลียวรวดเร็วว่องไวต่อวิวัฒนาการอันเป็นความเปลี่ยนแปลงของโลก และมีความขยันหมั่นเพียรเพื่อเสริมสร้างความเจริญก้าวหน้าให้แก่เศรษฐกิจโดยส่วนรวมด้วย และขณะเดียวกันก็เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยคุณธรรมและศีลธรรมจึงไม่เกินความจริงเลยถ้าจะถือว่าคนพวกนี้คือความหวังในอนาคตของสังคมไทยและธนาคารกรุงเทพรู้สึกภูมิใจที่มีส่วนร่วมในการช่วยหล่อหลอมผู้นำรุ่นใหม่ให้ก้าวออกไปสู่โลกการประกอบสัมมาอาชีพอย่างผู้ทรงภูมิรู้ทุกประการ”

ก็หวังว่าผลคงจะเป็นอย่างที่ว่าน่ะ   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us