Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน3 พฤษภาคม 2548
เบียร์ "อาซาฮี" รีโพซิชันนิงติดเบรกรสชาติใหม่รับมือคิริน             
 


   
search resources

Food and Beverage
บีแอนด์เอ ดิสทริบิวชั่น, บจก.




"อาซาฮี" รีโพซิชันนิงครั้งใหม่ครึ่งปีหลัง ปรับการสื่อสารเจาะกลุ่มคอเบียร์วัยทำงานมากกว่าวัยทีน ผุดกลยุทธ์คัลเลอร์แบรนด์ ชูกระป๋อง "สีเงิน" หัวหอกสร้างตราสินค้า-ความแตกต่างจากผู้นำตลาด ประเดิมสร้างเทรนด์ส่งกระป๋องผ่านช่องทางผับ บาร์ เบียดพื้นที่ขวดเล็ก ส่วนรสชาติใหม่รับมือ "คิริน" ติดเบรก สิ้นปียอดขาย 300 ล้านบาท ขอ 2 ปีมีแชร์ 10%

ดร.ครรชิต สิงห์สุวรรณ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท บีแอนด์เอ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายเบียร์อาซาฮี เปิดเผยกับ "ผู้จัดการรายวัน" ว่า ในครึ่งปีหลังนี้หรือระหว่างเดือนกรกฎาคม บริษัทมีแผนที่จะรีโพซิชันนิงเบียร์อาซาฮีใหม่ ภายหลังจากในช่วงปลายปีที่ผ่านมาบริษัทสร้างกระแสเจเทรนด์ส่งให้ภาพลักษณ์ตราสินค้าเจาะกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นมากกว่า แต่การปรับโพซิชันนิงครั้งนี้จะทำให้ภาพอาซาฮีมีความชัดเจนเจาะกลุ่มเป้าหมายหลักอายุระหว่าง 21-35 ปี ขณะที่กลุ่มเป้าหมายรองเป็นกลุ่มอายุต่ำกว่า 21 ปีและมากกว่า 35 ปี

"บริษัทได้นำเบียร์อาซาฮี ลงสู่ตลาดตั้งแต่เมื่อปี 2545 แต่ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้ทำตลาดอย่างจริงจังมากนัก และเพิ่งเริ่มทำตลาดเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ด้วยการปลุกกระแสเจ-เทรนด์ หรือค่านิยมญี่ปุ่นออกมาเพื่อจับกลุ่มผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นในประเทศไทย คนที่เคยไปญี่ปุ่น และกลุ่มวัยรุ่นที่นิยมชื่นชอบวัฒนธรรมญี่ปุ่น แต่จากการสำรวจตลาดในช่วงปี 2547 โพซิชันนิงของอาซาฮีเบลอมาก กลุ่มผู้บริโภคไม่รู้ว่าอาซาฮีเป็นใคร อย่างไรก็ตามแม้จะรีโพซิชันนิงใหม่ แต่บริษัทยังคงเน้นกระแสเจ-เทรนด์ในการทำตลาด"

ทั้งนี้บริษัทจะเริ่มปรับการสื่อสารการตลาดใหม่ เริ่มตั้งแต่นำกลยุทธ์คัลเลอร์แบรนด์ขึ้นมาใช้ในการผลักดันตัวแบรนด์อาซาฮี โดยจะใช้ภาพลักษณ์ของบรรจุภัณฑ์กระป๋องที่มีภาพลักษณ์เป็นพรีเมียม และมีสีเงินเป็นเรือธงหลักในการทำตลาด เนื่องจากสีบรรจุภัณฑ์ขวดของอาซาฮีมีสีเดียวกับผู้นำตลาดเบียร์พรีเมียม "ไฮเนเก้น" ซึ่งทำให้กลุ่มผู้ดื่มเกิดความเข้าใจผิดได้ โดยบริษัทจะใช้กลยุทธ์คัลเลอร์แบรนด์ ผลักดันบรรจุภัณฑ์กระป๋องผ่านช่องทางสถานบันเทิง ผับ บาร์ เป็นหลัก

พร้อมกันนี้ ยังได้เตรียมสื่อสนับสนุน เช่น โปสเตอร์ใหม่ เพื่อสื่อสารให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น ส่วนกิจกรรมการตลาดปีนี้ เน้นการเป็นผู้สนับสนุนหลักในงานต่างๆ อาทิ ในรายการแข่งขันอาซาฮี กอล์ฟ ทัวร์นาเมนต์ 8 สนาม เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-เดือนธันวาคม ฯลฯ รวมทั้งจัดทีมคอมมานโดตามร้านอาหารใหญ่ 35 แห่งในกรุงเทพฯ และร่วมออกงานเทศกาลอาหารกับเบียร์สิงห์ 6-10 ครั้งต่อเดือน นอกจากนี้ยังได้ทำเทรดโปรโมชันระหว่างเบียร์ลีโอกับอาซาฮี เพื่อช่วยผลักดันเข้าร้านค้าได้มากขึ้น ซึ่งในปีนี้บริษัทได้ใช้งบการตลาด 100 ล้านบาท

ดร.ครรชิต กล่าวว่า จากการที่บริษัททำตลาดอย่างจริงจังปลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดขายไตรมาสแรกพุ่งถึง 120 ล้านบาท เมื่อเทียบ กับปีที่ผ่านมายอดขายทั้งปี 180 ล้านบาท ทำให้ในช่วงเดือนพฤษภาคม ได้เตรียมเพิ่มกำลังผลิตมากขึ้น จากปัจจุบันกำลังการผลิต 10.6 ล้านลิตร แบ่งเป็นภายในประเทศ 3.6 ล้านลิตร ส่งออก 7 ล้านลิตร และภายในปีหน้านี้เตรียมเพิ่มกำลังผลิต 19 ล้านลิตร เป็นภายในประเทศ 12 ล้านลิตร ส่วน 7 ล้านลิตรส่งออก

แผนการออกรสชาติใหม่ คงจะต้องชะลอไปก่อน หลังจากก่อนหน้านี้มีแผนที่จะเปิดตัวรสชาติใหม่ลงสู่ตลาด เพื่อรับมือกับเบียร์คิรินจากค่ายญี่ปุ่น ทั้งนี้เพราะ ต้องการทำเบียร์อาซาฮีให้เป็นที่ยอมรับก่อน โดยตั้งเป้าสิ้นปีนี้ อาซาฮีมียอดขาย 300 ล้านบาท และภายในปี 2549 มียอดขาย 1,000 ล้านบาท หลังจากนั้นถึงพิจารณานำรสชาติใหม่เข้าทำตลาด ส่วนปี 2550 บริษัทตั้งเป้ามีส่วนแบ่งตลาด 10% จากมูลค่าตลาดเบียร์ซึ่งปัจจุบันราว 9,000 ล้านบาท ไฮเนเก้นเป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 80% ส่วนอาซาฮี 2-3%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us