|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"ปตท." ตีราคาซื้อหุ้นทีพีไอที่ราคาหุ้นละ 3.30 บาท จำนวน 6.14 พันล้านหุ้น หรือ 30% รวมเม็ดเงินกว่า 2 หมื่นล้านบาท ขณะที่ "ปลัดคลัง" ปิดปากเงียบเรื่องราคา แม้ได้ข้อสรุปเรียบร้อยแล้ว เตรียมเซ็นสัญญาซื้อขายปลายพ.ค.นี้ ระบุราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงหลังทำ "ดิว ดิลิเจนซ์" รอบใหม่ ด้านผู้บริหารปตท. ยันราคาเสนอซื้อไม่ทำให้รายย่อยเสียเปรียบ แม้ "ประชัย" สวนทันควัน "รัฐปล้นประชาชน" กดราคาต่ำ
วานนี้ (28 เม.ย.) นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะทำงานจัดหาผู้ร่วมลงทุนและการจัดสรรส่วนทุนและการขายหุ้นเพิ่มทุนของบริษัททีพีไอโพลีนจำกัด (มหาชน) หรือ TPIPL ตามแผนฟื้นฟูของบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TPI เปิดเผยภายหลัง การประชุมคณะกรรมการฯว่า ที่ประชุมได้ข้อสรุปเรื่องราคา รวมทั้งเงื่อนไขในการซื้อขายหุ้นทีพีไอแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ โดยเฉพาะราคาหุ้น เพราะจะมีผลกระทบต่อความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ
สำหรับขั้นตอนการดำเนินการต่อไปคือ การพิจารณารายละเอียดในร่างสัญญา ซึ่งพันธมิตรร่วมทุนแต่ละรายจะเสนอเรื่องให้คณะกรรมการของแต่ละแห่งพิจารณาให้ความเห็นชอบ และคาดว่าประมาณปลายเดือนพฤษภาคมนี้จะสามารถลงนามในสัญญาต่างๆ ร่วมกับพันธมิตรร่วมทุนทุกรายได้เรียบร้อย จากกำหนดเดิมที่คาดว่าจะมีการลงนามในสัญญาซื้อขายได้ประมาณวันที่ 20 มิถุนายน 2548 นี้
ส่วนในกรณีที่มีผู้สนใจเสนอราคาซื้อหุ้นทีพีไอสูงกว่าที่ราคาที่ตกลงซื้อขายกันในครั้งนี้ นายศุภรัตน์ กล่าวว่า กระทรวงการคลังจะไม่มีการทบทวนเงื่อนไขใหม่ ข้อตกลงจะเป็นไปตามมติที่ประชุมในครั้งนี้ พร้อมกับยืนยันว่า พันธมิตรร่วมทุนยังเป็นกลุ่มเดิม ขณะที่เจ้าหนี้เป็นฝ่ายที่รับเงินคืน
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)หรือ PTT กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการวานนี้ (28 เม.ย.) มีมติให้ปตท.เข้าลงทุนซื้อหุ้นทีพีไอจำนวน 6,142.5 ล้านหุ้น ราคาเบื้องต้น 3.30 บาท รวมมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 20,270 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 31.5% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ซึ่งจะปรับลดลงเหลือ 30% หลังจากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่พนักงานของบริษัทและบริษัทย่อย อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขและราคาซื้อขายสุดท้าย ยังต้องขึ้นอยู่กับผลการตรวจสอบสถานะของทีพีไอ และบริษัทย่อยเพิ่มเติม
ทั้งนี้ การพิจารณาโอกาสการลงทุนครั้งนี้ นายประเสริฐกล่าวว่า ปตท.ได้วิเคราะห์การดำเนินกิจการแผนธุรกิจ และประมาณการทางการเงินของ ทีพีไอและบริษัทย่อยอย่างละเอียด เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของปตท.ที่กำหนดอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำจากการลงทุนไว้ไม่ต่ำกว่า 15% ต่อปี และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท
พร้อมกันนี้ การเข้าร่วมลงทุนในทีพีไอจะทำให้ ปตท.สามารถใช้ธุรกิจของทีพีไอเป็นฐานในการขยายการลงทุนไปสู่ธุรกิจปิโตรเคมีแบบครบวงจร (Fully Integrated) โดย ปตท.มีเป้าหมายที่จะเข้าไปปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและสร้างมูลค่าเพิ่มให้ทีไอที่อาจยังไม่ได้ใช้งานอย่างเต็มที่ รวมทั้งมุ่งเน้นการใช้ประโยชน์จากศักยภาพของธุรกิจที่เกื้อกูลกัน หรือ Synergies ในหลายๆ ส่วน อาทิ การจัดหาน้ำมันดิบและวัตถุดิบ (Feedstock) การทำการตลาดและจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ (Marketing and Trading) ของกลุ่มน้ำมัน และปิโตรเคมี
นายประเสริฐ กล่าวว่า ปตท. จะเข้าไปมีบทบาทในการบริหารจัดการธุรกิจทีพีไอ เพื่อให้แน่ใจว่าภายหลังออกจากแผนฟื้นฟูกิจการแล้ว ธุรกิจของทีพีไอและบริษัทย่อยจะสามารถดำเนินงานได้อย่างราบรื่น และสามารถเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการดำเนินงานและความสามารถในการแข่งขัน ตลอดจนมีระบบบรรษัทภิบาลตามมาตรฐาน และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นด้วย
"ปตท.คาดว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับเงื่อนไขต่างๆ ในสัญญาซื้อขายหุ้นภายในเดือนพฤษภาคม โดย ปตท.และผู้ร่วมลงทุนจะร่วมลงนาม ในสัญญาซื้อขายหุ้นกับทีพีไอและและผู้ถือหุ้นเดิมที่เสนอขายหุ้นภายในเดือนมิถุนายนนี้ โดยการชำระเงินค่าหุ้นจะเกิดขึ้นหลังจากทีพีไอและบริษัทย่อยออกจากแผนฟื้นฟูกิจการฯ ซึ่งไม่เกินวันที่ 4 พฤศจิกายน 2548 ตามแผนการฟื้นฟูกิจการฯ"
ปตท.ยันรายย่อยไม่เสียเปรียบ
นายประเสริฐ กล่าวว่า ราคา 3.30 บาทนั้น ผู้ถือหุ้นรายย่อยจะไม่เสียหายอะไร เนื่องจากผู้ถือหุ้นรายย่อยจะได้รับการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนในอัตราส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 1.5 หุ้นใหม่ในราคาเดียวกับที่ปตท.เสนอซื้อด้วย โดยไม่มีเงื่อนไขการห้ามขายหุ้นเหมือนที่ปตท.ในฐานะพันธมิตรทางธุรกิจ ดังนั้นเชื่อว่าราคาเสนอซื้อดังกล่าวผู้ถือหุ้นรายย่อยและกลุ่มนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ผู้ถือหุ้นเดิมจะได้ประโยชน์ เชื่อว่าหลังจากมีการเพิ่มทุนจะทำให้ราคาหุ้น TPI ไดรูทลงมาอยู่ที่ระดับ 7-8 บาท
แหล่งข่าวจากปตท. กล่าวว่า ราคาเสนอซื้อหุ้น ทีพีไอหุ้นละ 3.30 บาท ยังเป็นราคาเบื้องต้น เนื่องจากปตท.คงต้องทำดิว ดิลิเจนซ์ทีพีไอและบริษัทในเครือฯต่อไป เพราะทีพีไอมีบริษัทย่อยจำนวนมากและมีการถือหุ้นไขว้กัน จึงต้องมีการตรวจสอบสถานะและสัญญาต่างๆอย่างละเอียด คาดว่าจะสรุป ราคาแน่นอนได้ก่อนที่จะมีการชำระเงินในเดือนพ.ย. ศกนี้ ซึ่งปตท.จะไม่มีปัญหาด้านการเงินอย่างแน่นอน เพราะมีสภาพคล่องเยอะมาก
สิ้นปีบุ๊กแวลู TPI เกิน 4.10 บาท
แหล่งข่าวจากคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอกล่าวว่า ราคาหุ้น TPI ในกระดานที่มีการ ซื้อขายอยู่ที่ระดับ 10 บาทต่อหุ้นนั้น เห็นว่าเป็นระดับราคาที่สูงไปเล็กน้อย เพราะหลังจากคลังจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนส่วนทุนและหุ้นเพิ่มทุนใหม่ให้กลุ่มนักลงทุนใหม่ ราคาหุ้นTPI จะไดรูทลงมา ขณะที่ผู้ถือหุ้นรายย่อยจะได้สิทธิการซื้อหุ้นเพิ่มทุนในอัตราส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 1.5 หุ้นใหม่ ในราคาเดียวกับราคาที่เสนอขายให้ปตท.
หลังจากคลังจัดสรรหุ้นทีพีไอแล้วเสร็จคาดว่า ภาระหนี้ทีพีไอจะลดลงจาก 2.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ เหลือเพียง 800-900 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ภาระหนี้ลดต่ำกว่าแผนฟื้นฟูฯที่ระบุไว้ว่า หลังจากขายหุ้นเพิ่มทุนทีพีไอมาชำระหนี้ภาระหนี้ของทีพีไอจอยู่ที่ 1.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้เพราะผู้บริหารแผนฯ จะนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนรวมกับเงินที่ได้จากการขายหุ้นทีพีไอโพลีนมาชำระหนี้ทั้งหมด ส่งผลให้ฐานะการเงินทีพีไอแข็งแกร่งขึ้น โดยคาดว่าสิ้นปี 2548 มีมูลค่าตามบัญชี (Book value) เกิน 4.10 บาท สูงกว่า ณ สิ้นปี 2547 อยู่ที่ 2.60 บาท
สำหรับราคาหุ้น TPI หลังเพิ่มทุนนั้น เชื่อว่าจะอยู่ที่ระดับ 6-8 บาท หากพิจารณาที่ P/E 10-12 เท่า โดยคาดว่าทีพีไอจะออกจากกลุ่มรีแฮบโกและการฟื้นฟูกิจการได้ภายในไตรมาส 3 ปีนี้ ซึ่งเร็วกว่าที่กำหนดไว้ในแผนฯ ว่าจะดำเนินการออกจากการฟื้นฟูฯภายในไตรมาส 4 /2548
ด้านความเคลื่อนไหวราคาหุ้นทีพีไอ วานนี้มีการปรับตัวลดลงจากวันก่อนหน้า ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 9.55 บาท ลดลงจากวันก่อน 0.95 บาท หรือ 9.05% มูลค่าการซื้อขายรวม 1,357.47 ล้าน บาท
ประชัยโวยรัฐปล้นประชาชน
ด้านนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้บริหารลูกหนี้ กล่าวว่า ราคาเสนอซื้อหุ้นทีพีไอของปตท.ที่ 3.30 บาท ต่ำกว่าราคากระดานที่อยู่ระดับ 10 บาท ถือเป็นการปล้นประชาชน รวมทั้งกระทรวงการคลังทำไมไม่ให้ผู้ถือหุ้นเดิมซื้อหุ้นทีพีไอ ทั้งที่ความจริงแล้วเป็นสิทธิ์ที่ผู้ถือหุ้นเดิมควรใช้สิทธิเป็นอันดับแรก
ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2547 ทีพีไอ มีสินทรัพย์รวม 1.47 แสนล้านบาท หนี้สินรวม 1.26 แสนล้านบาท รายได้จากการขาย 1.55 แสนล้านบาท และกำไรสุทธิ 1.23 หมื่นล้านบาท
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกล่าวว่า เงื่อนไขการซื้อขายหุ้นทีพีไอคงจะเกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะผู้ถือหุ้นเดิมที่ไม่ใช่เจ้าหนี้ ซึ่งถือหุ้นรวมกัน 25% ส่วนประเด็นที่ทีพีไอจะออกจากหมวดฟื้นฟูกิจการ (รีแฮบโก้) นั้นจะไม่เป็นประเด็นที่สำคัญ ที่จะมีผลต่อการกำหนดราคาเสนอขายหุ้น
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2548 กระทรวงการคลังได้จัดให้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจในการร่วมลงทุนในทีพีไอ ระหว่างกระทรวงการคลัง ปตท. กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ(กบข.) และธนาคารออมสิน โดยเบื้องต้นกำหนดสัดส่วนการจัดสรรหุ้นรวม 90% ให้กับพันธมิตร ประกอบด้วย ปตท. 30% ธนาคารออมสินประมาณ 10% กบข. กองทุนรวมวายุภักษ์ 1 และกองทุนอื่นๆ ประมาณ 20% ผู้ถือหุ้นเดิมจะได้รับการจัดสรรประมาณ 15% ส่วนหุ้นที่เหลืออีก 15% กระทรวงการคลังจะได้จัดสรรให้แก่ผู้ร่วมลงทุนรายอื่น
|
|
|
|
|