|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"แนเชอรัลพาร์ค" เจอศึกหนักผู้ถือหุ้นรายย่อยซักแผนแก้ปัญหาสภาพคล่อง ค้านขายหุ้น ฟินันซ่า 22.5 ล้านหุ้น ขาดทุน 400 ล้านบาท "ศิริวัฒน์ วรเวทย์วุฒิคุณ"แนะให้อึดถือหุ้นให้นานรอภาวะ ดีดกลับแล้วค่อยขายในราคาที่ขาดทุนน้อยที่สุด "เสริมสิน" ยันจะขออำนาจบอร์ดขายไว้ก่อนเผื่อเกิดจำเป็นจะได้ขายทันเวลา เผยอยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตร แต่เปิดรายละเอียดไม่ได้ ระบุตปท.มองแนเชอรัลพาร์ค มีสินทรัพย์ดี เตรียมเซ็นสัญญาร้อยชักสาม 10 พ.ค.นี้ มั่นใจมีสภาพคล่องพอที่จะดำเนินโครงการได้
วานนี้ (28 เม.ย.) บริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ N-PARK ได้จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2548 ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล โดยมี ม.ร.ว.เกษมสโมสร เกษมศรี ประธานคณะกรรมการ บริษัท แนเชอรัล พาร์ค ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม
บรรยากาศการประชุมแม้จะมีจำนวนผู้ถือหุ้นเข้าประชุมไม่มากนักก็ตาม แต่ตลอด 11 วาระ ได้มีผู้ถือหุ้นรายย่อยซักถามคัดค้านทุกวาระ แต่สามารถผ่านไปได้ด้วยดีทุกวาระ จะมีแต่วาระที่ 7 ซึ่งบรรยากาศการประชุมเข้มข้นขึ้นเนื่องจากเป็นการพิจารณาอนุมัติการแต่งตั้งผู้สอบบัญชี และการกำหนดเงินค่าตอบแทน ซึ่งบริษัทแนเชอรัล พาร์ค เสนอให้อนุมัติ นายประวิทย์ วิภูศิริคุปต์ ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตเลขที่ 3752 แห่งบริษัท อาร์เอสเอ็ม เนลสัน วิลเลอร์ ออดิท จำกัด เป็นผู้สอบบัญชีของบริษัทสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธ.ค.48 และกำหนดวงเงินค่าตอบแทนให้แก่ผู้สอบบัญชีภายในวงเงินไม่เกิน 3 ล้านบาท
ตัวแทนจากบริษัทไทยสมุทรประกันชีวิต ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นกว่า 5 ล้านหุ้น ได้ซักถามเหตุผลการเปลี่ยนผู้สอบบัญชี โดยมีการตรวจสอบข้อมูลแล้วพบว่าฐานะของบริษัทผู้สอบบัญชีดังกล่าวมีส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ 12.6 ล้านบาท และผลตอบแทน 3 ล้านบาทสูงกว่ารายเก่าที่เคยใช้
นายเสริมสิน สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน) ได้ชี้แจงว่า ผู้สอบบัญชีรายเก่าทำให้งานให้ไม่ทันเนื่องจากคนไม่พอ เมื่อถึงปีจึงเปลี่ยนรายใหม่ซึ่งมีคนมากกว่า และเนื่องจากบริษัทมีการลงทุนในต่างประเทศ การทำบัญชีมีความซับซ้อนกว่าบริษัทอื่น จึงต้องการเลือกคนที่มีความรู้และสามารถรวบรวมข้อมูล ส่วนผลตอบแทนของผู้สอบรายเดิมนั้นเคยกำหนดไว้ที่ 2 ล้านบาทแต่มีการต่อรองลดลงมาจ่ายที่ 1.7 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ตามเมื่อมีการลงคะแนนเสียงมีผู้อนุมัติกว่า 5.1 พันล้านหุ้น และมีผู้ไม่เห็นด้วย 5 ล้านหุ้นเศษ ทำให้วาระดังกล่าวผ่านไปได้ด้วยดี แต่บรรยากาศเริ่มเข้มข้นขึ้นอีกครั้ง เมื่อถึงการพิจารณาวาระที่ 10 การพิจารณาอนุมัติขายหุ้น สามัญของ บริษัท ฟินันซ่า จำกัด (มหาชน) หรือ FNS จำนวน 22.5 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 18% ของทุนชำระแล้ว ในราคาที่ต่ำกว่าราคาต้นทุนจากการซื้อมา แต่จะไม่ต่ำกว่าราคาตลาดถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก 30 วันทำการ ย้อนหลังก่อนวันประชุมถือหุ้น เพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามแนวทางการเสริมสภาพคล่องชั่วคราวของบริษัท
โดยเงินที่ได้จากการขายจะส่งผลให้บริษัทมีสภาพคล่องสูงขึ้น และสนับสนุนการดำเนินงานอย่าง ต่อเนื่องในอนาคต ซึ่งหุ้นสามัญของ FNS ถือเป็นสินทรัพย์รองที่จะกระทบต่อการดำเนินงานน้อยที่สุด และมีสภาพคล่องสูง โดยขอให้ผู้ถือหุ้นอนุมัติให้มอบหมายให้คณะกรรมการบริษัทเป็นผู้มีอำนาจในการดำเนินการในนามของบริษัทในการเจรจาขายหุ้น
นายศิริวัฒน์ วรเวทย์วุฒิคุณ นักลงทุนชื่อดัง และผู้ถือหุ้นรายย่อยอีก 3 คน ได้ผลัดกันขึ้นแสดงความเห็นคัดค้านการเสนอขายหุ้นฟินันซ่าโดยมองว่า การขายหุ้นฟินันซ่าวานนี้อยู่ที่ประมาณ 18 บาท จะทำให้มีผลขาดทุนถึง 400 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทซื้อมาในราคาหุ้นละ 38 บาทรวมเป็นเงินเกือบ 1 พันล้านบาท จึงอยากให้ชะลอไปก่อนแล้วรอให้ราคาหุ้นฟินันซ่าปรับขึ้นก่อนจึงค่อยขายจะทำให้เกิดผลขาดทุนน้อยที่สุด
นายศิริวัฒน์ ระบุว่า ตนเป็นผู้แนะนำไปเมื่อ 11 ก.พ.ซึ่งขณะนั้นราคาหุ้นอยู่ที่ 30 บาท และได้เสนอให้ขายในราคาที่ไม่ทำให้ขาดทุน แต่ไม่เห็นด้วยที่จะขายตอนนี้ซึ่งขาดทุนมาก เมื่อบริษัทขาดเงินก็ควรจะหาแนวทางอื่นแก้ เช่น ออกหุ้นกู้แปลงสภาพระดมเงินจากผู้ถือหุ้นรายย่อยให้อัตราดอกเบี้ยสูงกว่า ธนาคารพาณิชย์ ที่สำคัญหากจะนำหุ้นฟินันซ่าไปขายให้กับรายเดิมที่ซื้อมายิ่งไม่เห็นด้วย และเกรงว่าคณะกรรมการอาจจะผิดกฎหมายได้ เพราะซื้อแพง ขายถูกให้กับกลุ่มเดิม ซึ่งคาดว่าจะเป็นผู้ถือหุ้นก่อตั้งของฟินันซ่าเอง ซึ่งทำให้เห็นด้วยกับที่ผู้ถือหุ้นอีกรายที่มองว่าเหมือนกับเป็นความฉลาดน้อยแต่หากจะขายขอให้แบ่งขายคราวแรก 10% ของ 22.5 ล้านหุ้นก่อน
นายเสริมสิน ซึ่งได้ชี้แจงอยู่หลายครั้ง โดยกล่าวว่า การลงทุนในหุ้นฟินนันซ่า 18% มีการมาร์กตามราคาตลาดอยู่แล้ว และหุ้นได้มีการจำนำไว้กับธนาคารกรุงไทย ต้องการขออนุมัติให้มอบหมายให้คณะกรรมการมีอำนาจตัดสินใจขายหุ้นไว้ก่อน ถ้าเกิดจำเป็นจะใช้เงินลงทุนต่อหากต้องมาได้ดำเนินการได้ทันเวลาหากต้องมารอขอมติผู้ถือหุ้นใหม่ก็จะต้องใช้เวลานาน
"เราโชคไม่ดีมีข่าวเรื่องเป็นหนี้เสียธนาคารกรุงไทย ทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็น ทำให้มีปัญหาตามมาไม่สามารถขายหุ้นกู้แปลงสภาพได้ ทำให้ระดมทุนยาก และผู้ซื้อกดในอัตราที่รับไม่ได้ จึงไม่ออกหุ้นกู้แปลง และการเข้าลงทุนในฟินันซ่าขณะนั้นมาจากวิเคราะห์ว่าฟินันซ่าจะได้เป็นธนาคารพาณิชย์ ซึ่งก็เป็นการมองไปในทิศทางเดียวกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์อื่น เช่น แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ที่มีการร่วมขอตั้งธนาคาร พาณิชย์ ยืนยันว่าจะอึดให้ถึงที่สุด ถ้าขายส่วนไหนได้กำไรก่อนจะเลือกทางนั้น เพราะจำเป็นต้องขายบางส่วนเพื่อมาลงทุนในส่วนที่กำลังไปได้ดี"
สำหรับการลงทุนในโครงการอื่นหลายโครงการกำลังเป็นไปได้ เพียงแต่ไม่ได้รับความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นโครงการโรงแรมที่เชียงใหม่ ซึ่งใกล้จะเปิดได้แล้ว โครงการสยามพารากอน และยังมีโครงการที่เป็นทำเลทองอีกหลายโครงการ ซึ่งทำให้ที่ผ่านมานักลงทุนต่างประเทศให้ความสนใจบริษัทในจุดที่มีสินทรัพย์ที่เป็นทำเลที่ดี โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาหาพันธมิตร แต่ไม่สามารถเปิดผยรายละเอียดได้เพราะเกรงจะหาว่าหวังให้ราคาหุ้นขึ้นส่วน การเจราจาชำระหนี้กับธนาคารกรุงไทยอยู่ระหว่างการดำเนินการอยู่
นายเสริมสิน ชี้แจงในวาระนี้ค่อนข้างนานด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉยขึ้นสลับกับการก้มหน้าลงก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาและตอบคำถาม ซึ่งในที่สุดคณะกรรมการก็ยืนยันให้มีการนับคะแนน และผลปรากฏว่า มีผู้เห็นด้วย 5,107 ล้านหุ้น และไม่เห็นด้วย 24 ล้านหุ้น เท่ากับวาระนี้ผ่านไปได้ด้วยดี
นายเสริมสิน กล่าวถึง ความคืบหน้าในการพัฒนาโครงการร้อยชักสามว่า หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติกรมธนารักษ์ได้ส่งสัญญาให้อัยการตรวจสอบ และส่งหนังสือกลับมาแจ้งบริษัทอย่างเป็นทางการเมื่อบ่ายวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้ฝ่ายกฎหมายบริษัทกำลังตรวจสอบหนังสือสัญญาดังกล่าวอยู่ โดยจะต้องลงนามภายใน 15 วัน หรือประมาณ 10 พ.ค.ซึ่งจะต้องการเงินในวันนั้นประมาณ 175 ล้านบาท
บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมแผนการโครงการร้อยชักสามอย่างละเอียดอยู่ โดยจะมีการแถลงต่อสื่อมวลชนอีกครั้งในเร็วๆ นี้ ซึ่งในส่วนของเงินประกันจำนวน 125 ล้านบาท แบงก์การันตี และเงินลงทุนสำหรับโครงการนี้ยืนยันว่าไม่มีปัญหา โดยมีมูลค่าโครงการทั้งสิ้น 800 ล้านบาทก่อสร้างเสร็จใน 2 ปี โดยในลำดับแรกจะต้องเตรียมย้ายคนจำนวน 60 หลังคาเรือนออกจากพื้นที่ เพื่อที่บริษัทจะได้เข้า ไปก่อสร้างโครงการดังกล่าว ส่วนจะไปอยู่ที่ไหนนั้นกรมธนารักษ์กำลังดำเนินการอยู่
ทั้งนี้กรมธนารักษ์จัดเตรียมที่บริเวณ สะพานกรุงเทพ และเจริญนคร ไว้ให้ และบริษัทแนเชอ-รัลพาร์คจะต้องก่อสร้างที่อยู่ชั่วคราวให้โดยทำตามแบบที่กรมธนารักษ์เตรียมไว้ให้ โดยคาดว่าจะใช้เงินสำหรับในส่วนการจัดสร้างที่อยู่ประมาณ 15-18 ล้านบาท
|
|
|
|
|