บริษัทฮะจิบัง ญี่ปุ่น ตั้งเป้า 10 ปี ขยายสาขา 1,000 แห่งทั่วโลก เล็งเห็นศักยภาพในจีนคาดเปิดร้านได้ 500 สาขา พร้อมเตรียมบุกออสเตรเลียและอเมริกา ส่วนฮะจิบังในไทยทุ่มงบกว่า 200 ล้านบาท ขยายโรงงานใหม่รองรับการขยายสาขา 100 แห่ง 5 ปีข้างหน้า ปีหน้าได้เห็นฮะจิบังทำตลาดเต็มสูบเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษ และเตรียมแตกไลน์ธุรกิจเจาะกลุ่มบนและล่าง เล็งอีก 2-3 ปีขายแฟรนส์ไชส์ และเปิดบริการดีลิเวอรี่
นายโกโต ชิโร ประธานบริษัท ฮะจิบัง จำกัด จากประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ปัจจุบันฮะจิบัง ราเมน เป็นอาหารที่ได้รับความนิยมเทียบเท่ากับไก่ทอด แฮมเบอร์เกอร์ หรือสุกี้ เนื่องจากรูปแบบร้านอาหารแบบนี้สะดวกและทานได้ทันทีจึงมีศักยภาพการเติบโตสูงอีกทั้งอาหารญี่ปุ่นดีต่อสุขภาพ โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าภายใน 10 ปีจะขยายสาขาฮะจิบัง ราเมนให้ได้ 1,000 แห่งทั่วโลก ซึ่งจะเน้นตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศจีน เนื่องจากมองว่าจีนมีศักยภาพสูงและมีจำนวนประชากรมากกว่าไทยถึง 13 เท่า โดยในวันที่ 1 ก.ค.นี้ ฮะจิบัง ราเมนเตรียมเปิดสาขาแรกที่เซี่ยงไฮ้ และในอนาคตคาดว่าจะเปิดสาขาในจีน 500 สาขา
นอกจากนี้ ยังมีหลายประเทศที่สนใจและมีการติดต่อบริษัทฯ เช่น ออสเตรเลียและอเมริกา คาดว่าภายใน 2 ปี จะได้เห็นขยายตลาดไปยังประเทศเหล่านี้ ปัจจุบันฮะจิบัง ราเมน มีสาขาทั่วโลกทั้งหมด 221 สาขา แบ่งเป็นญี่ปุ่น 165 สาขา, ไทย 50 สาขา, ฮ่องกง 3 สาขา, มาเลเซีย 1 สาขา, ไต้หวัน 1 สาขา และเซี่ยงไฮ้ 1 สาขา
ไทยฮะจิบังสร้างโรงงานใหม่รับ 100 สาขา
นายนิพนธ์ เหลืองภัทรเมธี กรรมการผู้จัดการ บริษัทไทยฮะจิบัง จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทฯ เตรียมลงทุนกว่า 200 ล้านบาท แบ่งเป็นการสร้างโรงงานหรือครัวกลางแห่งใหม่ที่นวนคร เพื่อรองรับการผลิตในอนาคตของร้านฮะจิบังที่ตั้งเป้าจะขยายสาขาให้ครบ 100 แห่งภายในปี 2553 หรืออีกประมาณ 5 ปีข้างหน้า ด้วยงบลงทุนประมาณ 180 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ในขั้นการออกแบบ คาดว่าโรงงานจะแล้วเสร็จในปีหน้า
ประกอบกับในปีนี้บริษัทฯ เตรียมขยายสาขาร้านฮะจิบัง ราเมน เพิ่ม 10 แห่ง ในลักษณะเปิดควบคู่กับห้างสรรพสินค้า โมเดิร์นเทรด หรือดิสเคานต์สโตร์ ด้วยงบลงทุนสาขาละ 3-4 ล้านบาท แบ่งเป็นเปิดในกรุงเทพฯและปริมณฑล 7 สาขา และต่างจังหวัด 3 แห่ง ได้แก่ นครสวรรค์, ของแก่น และพิษณุโลก ล่าสุดฮะจิบัง ราเมนเปิดสาขา 50 ที่ บิ๊กซี อ้อมใหญ่ บนพื้นที่ 100 ตาราง เมตร โดยคาดการณ์ยอดรายได้สาขานี้ไว้ที่ 8 ล้านบาทต่อปี
นอกจากนี้ ในปีหน้าบริษัทฯเตรียมแตกไลน์เปิดร้านอาหารญี่ปุ่น เพื่อให้ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ โดยเล็งเจาะตลาดบนราคาประมาณชาม ละ 100 บาท และตลาดล่างชามละ 30 บาท ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพัฒนาโครงการอยู่ ส่วนอีก 2-3 ปีข้างหน้านี้ บริษัทฯ ยังมีโครงการที่จะขายแฟรนไชส์ฮะจิบัง ราเมน รวมทั้งการขยายบริการในรูปแบบดีลิเวอรี่ แต่ต้องรอให้การขยายสาขาฮะจิบัง ราเมนครอบคลุมทั่วประเทศเสียก่อน
นายนิพนธ์ กล่าวด้วยว่า จากปัจจัยลบต่างๆ ที่เกิดขึ้นกระทบต่อบริษัทฯ โดยเฉพาะเหตุการณ์ทางภาคใต้ที่กระทบร้านฮะจิบัง ราเมน 2 สาขา ไม่ว่าจะเป็นการวางระเบิดห้างคาร์ฟูร์ หาดใหญ่ ส่งผลทำให้ยอดขายลดลงถึง 50% ดังนั้นบริษัทฯจึงต้องมีการจัดกิจกรรมเพื่อให้ลูกค้าเข้ามาทานอาหารมากขึ้น ส่วนสาขาที่ห้างเซ็นทรัล ภูเก็ต กระทบบ้างจากเหตุการณ์สึนามิถล่มแต่ไม่มากเท่าหาดใหญ่
ในส่วนเรื่องราคาของอาหารฮะจิบังจะอยู่ประมาณ 50-55 บาท ปีนี้ยังไม่มีแผนปรับเพิ่มราคา โดยพยายามควบคุมราคาเอาไว้เท่าเดิม ซึ่งหากเทียบกับคู่แข่งอย่างแมคโดนัลด์แล้วราคาของฮะจิบัง ราเมน ถูกกว่า 10% ส่วนเคเอฟซีมีราคาใกล้เคียงกัน
"งบทางการตลาดของบริษัทฯ ในแต่ละปีใช้ไม่สูง คือ ประมาณ 5% ของยอดขาย แต่ในปีหน้าฮะจิบังจะมีการทำตลาดอย่างเต็มที่มากขึ้น หลังจากที่เงียบมานาน ล่าสุดเตรียมเปิดตัวเมนูใหม่ในอีก 1-2 เดือนข้างหน้านี้ จากปัจจุบันที่ฮะจิบังมีเมนู 25-30 รายการ" นายนิพนธ์กล่าว
ผลประกอบการของบริษัท ปี 2547 ที่ผ่านมามียอดขาย 475 ล้านบาท และมีจำนวนลูกค้ากว่า 5 ล้านคน โดยกลุ่มเป้าหมายหลักของฮะจิบังจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นเป็นหลัก รองลงมาเป็นกลุ่มวัยทำงานและครอบครัว โดยค่าใช้จ่ายต่อหัวประมาณ 80-90 บาท สำหรับปีนี้คาดว่ายอดรายได้จะโตไม่ต่ำกว่า 15% จากการขยายสาขาและมีลูกค้า ประจำกว่า 40-50% จากลูกค้าทั้งหมด
ทั้งนี้บริษัทไทยฮะจิบัง จำกัด ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2534 จากความร่วมมือของ 2 บริษัท คือ บริษัทฮะจิบัง ญี่ปุ่น และบริษัทไทยนำศิลป์ จำกัด ซึ่งถือหุ้น 85% ด้วยทุนจดทะเบียนกว่า 62 ล้านบาท โดยมีสาขาแรกที่ สีลมคอมเพล็กซ์ เม.ย. 2535
|