"วิทวัส เลาหพูนรังษี" แตกหน่อผุดทาวน์เฮาส์ภายใต้แบรนด์ "เมอริท เพลส" หลังประสบความสำเร็จจากโครงการบ้านเดี่ยวภายใต้แบรนด์ อารีนา การ์เด้น ในหลากหลายทำเลมาแล้ว ชี้ตลาดทาวน์เฮาส์ความต้องการสูง เตรียมเปิดเพิ่มอีก 3 โครงการในปลายปีนี้และต้นปีหน้า ยึดแนวรถไฟฟ้าทั้งใต้ดินและบนดิน

นายวิทวัส เลาหพูนรังษี กรรมการ ผู้จัดการบริษัท สุวรรณภูมิ แอสเสท จำกัด เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของบริษัทว่า ภายหลังจากที่บริษัทพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวจัดสรรภายใต้แบรนด์ อารีนา การ์เด้น จำนวนหลายทำเล อาทิ บางกะปิ, สุขุมวิท, ประชาชื่น และสุวรรณภูมิ ล่าสุดจากบทสำเร็จพบว่า ความต้องการทาวน์เฮาส์ในเมืองมีจำนวนมากขึ้น อีกทั้งสินค้าที่อยู่ในตลาดมีจำนวนน้อย ดังนั้นบริษัทจึงได้แนวคิดที่จะพัฒนาโครงการทาวน์เฮาส์ขึ้น ซึ่งการพัฒนาทาวน์เฮาส์นี้จะอยู่ภายใต้แบรนด์ "เมอริท เพลส" ส่วนหลักในการบริหารงานนั้น จะทำเช่นเดียวกับโครงการบ้านเดี่ยวคือบริษัทที่จะเข้ามาดูแล และพิจารณาจากทำเลในการพัฒนาเหมือนบ้านเดี่ยว

"การที่พัฒนาโครงการหนึ่งก็ใช้บริษัทหนึ่งดูแลก็เพื่อเป็นการง่ายในทางบัญชี โดยแต่ละบริษัทจะดูแลโครงการเดียว แต่ทุกบริษัทจะอยู่ในเครือเดียวกัน ในความคิดของผมเชื่อว่า การสร้างชื่อเสียงของแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในตลาดจะง่ายกว่าการสร้างชื่อเสียงของบริษัทซึ่งต้องใช้เวลานานมาก แต่หากแบรนด์นั้นๆพัฒนาแต่สิ่งที่ดีมีคุณภาพชื่อเสียงก็มาเอง"

โดยเมอริท เพลส โครงการแรก ตั้งอยู่ใน ซ.ลาดพร้าว 87 แยก 10 ซึ่งบริษัทได้ทำการ สำรวจกลุ่มตัวอย่างซึ่งต้องการที่อยู่อาศัยในโซนลาดพร้าว พบว่า 38.6% มีอายุระหว่าง 31-40 ปี และ 32.4% มีอายุระหว่าง 21-30 ปี แสดงว่าคนส่วนใหญ่เป็นคนเริ่มต้นการทำงาน โดยในจำนวนดังกล่าวพบว่า 58.1% เป็นพนักงานเอกชน และ 32.1% โดยกลุ่มตัวอย่างที่มีความต้องการทาวน์เฮาส์ 36.3% ต้องการที่ดินขนาด 20-25 ตารางวา และ 27.3% ต้องการที่ดินขนาด 18-20 ตารางวาขึ้นไป

นอกจากนี้ยังพบว่ากลุ่มตัวอย่าง 54.2% ต้องการที่อยู่อาศัยในระดับราคา 2-3 ล้านบาท และ 29.1% ต้องการที่อยู่อาศัยในระดับราคา ต่ำกว่า 2 ล้านบาท โดยกลุ่มตัวอย่าง 66.5% ใช้เวลาตัดสินใจในการซื้อที่อยู่อาศัยภายใน 1 ปี (ในจำนวนนี้ 39.5% ใช้เวลาน้อยกว่า 6 เดือน และ 33.5% ใช้เวลามากกว่า 1 ปี)

สำหรับโครงการ เมอริท เพลส ลาดพร้าว 87 ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 14 ไร่ จำนวน 170 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 2.79-3.5 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 550 ล้านบาท โดยบริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขาย 36 ยูนิต ก่อนเปิดโครงการอย่างเป็นทางการใน วันที่ 30 เมษายน - 1 พฤษภาคมนี้ ซึ่งในวันเปิด ตัวโครงการบริษัทได้จัดโปรโมชันสำหรับลูกค้า ที่จองทาวน์เฮาส์ในวันงาน 2 รูปแบบ คือจองเฟสที่ 1 จะได้รับเครื่องปรับอากาศ York 3 เครื่อง, ประตูรีโมตคอนโทรลและฟรีค่าธรรมเนียมการโอน ส่วนเฟสที่ 2 จะได้รับประตูรีโมตคอนโทรล, ชุดครัวและฟรีค่าธรรมเนียมการโอน คาดปิดโครงการได้ภายในสิ้นปีนี้

"ในทำเลย่านลาดพร้าว ถือว่ามีการแข่งขันสูงเพราะในรัศมี 5 กิโลเมตรจากโครงการมีทาวน์เฮาส์เปิดใหม่มากกว่า 10 โครงการ ดังนั้นเราจะต้องพัฒนาสินค้าออกมาให้ดีที่สุด ตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ การที่เราเข้ามาในตลาดทาวน์เฮาส์เป็นครั้งแรกถือว่าเป็นน้องใหม่ และต้องการสร้างชื่อเสียง ดังนั้นในโครงการนี้เราจึงทุ่มเทเต็มที่ วัสดุที่ใส่เข้าไปในบ้านล้วนมีคุณภาพดีเยี่ยม" นายวิทวัสกล่าว

นายวิทวัสกล่าวต่อว่า สำหรับการพัฒนาโครงการทาวน์เฮาส์นั้น ผู้ประกอบการหลายรายต่างปรับตัวเข้าสู่ตลาดทาวน์เฮาส์เพิ่มมากขึ้น แม้ว่าในขณะนี้จะยังมีจำนวนไม่กี่รายแต่เชื่อว่า ในไม่ช้านี้จะมีมากขึ้น หากทำเลที่ตั้งของโครงการ ไม่มีศักยภาพพัฒนาสินค้าออกมาไม่ดีพอก็จะไม่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ ซึ่งในปัจจุบันการหาทำเลในการพัฒนาทาวน์เฮาส์หาได้ยาก แม้ว่าจะมีที่ดินจำนวนมากก็ตาม แต่ราคาที่เหมาะสมในการนำมาพัฒนานั้นไม่ค่อยมี

สำหรับโครงการทาวน์เฮาส์ที่บริษัทจะพัฒนา ต่อไปนั้นจะเน้นยึดตามแนวเส้นทางระบบขนส่งขนาดใหญ่ของรัฐ ซึ่งได้แก่เส้นทางรถไฟฟ้าทั้งใต้ดิน และรถไฟลอยฟ้า โดยโครงการที่จะพัฒนาจะมีขนาดที่ดินประมาณ 10 กว่าไร่ มูลค่าโครงการประมาณ 500 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทได้ตั้งงบประมาณในการซื้อที่ดินในปีนี้จำนวน 500 ล้านบาท และนอกจากโครงการเมอริท เพลส ลาดพร้าวแล้วบริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจาซื้อที่ดินอีก 3 แปลง ได้แก่ ทำเลบางซื่อ-ติวานนท์ ลาดพร้าวและศรีนครินทร์ คาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้ โครงการที่จะพัฒนาต่อไปจะอยู่ในทำเลบางซื่อ-ติวานนท์ โดยจะเปิดตัวได้ในปลายปี 2548

สำหรับเป้าหมายการดำเนินงานของบริษัทภายในปีนี้ คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 1,200 ล้านบาท โดยจะเป็นรายได้จากแบรนด์ อารีนา การ์เด้น ประมาณ 75% และแบรนด์เมอริท เพลส ประมาณ 25% โดยผลประกอบการไตรมาสที่ 1 มียอดขายทั้งสิ้นมูลค่า 330 ล้านบาท แบ่งเป็นแบรนด์อารีนา การ์เด้น (บ้าน เดี่ยว) จำนวน 58 ยูนิต มูลค่า 280 ล้านบาท และแบรนด์เมอริท เพลส (ทาวน์เฮาส์) 15 ยูนิต มูลค่า 50 ล้านบาท ทั้งนี้จากการที่บริษัทหันมาทำตลาดทาวน์เฮาส์เพิ่มมากขึ้นคาดว่าในปี 2549 สัดส่วนรายได้จากทาวน์เฮาส์จะเพิ่มเป็น 40% และบ้านเดี่ยว 60%