SCC โกยกำไรไตรมาสแรกเกือบ 1 หมื่นล้าน ผลจากธุรกิจปิโตรเคมียังคงสดใส ขณะที่ธุรกิจปูนซีเมนต์ก็ยังโตต่อเนื่อง คาดยอดขายปูนปีนี้โตอีก 10% ขณะที่คาดว่ารายได้รวมจะเพิ่มขึ้นในอัตราเดียวกัน "ชุมพล" เผยเหตุลาออกสิ้นปีนี้เพื่อเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ ส่วนตัวเองขอเล่นกอล์ฟและใช้ชีวิตกับครอบครัว

นายชุมพล ณ ลำเลียง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปี 48 สิ้นสุด 31 มีนาคม 48 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 9,997 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมียอดขายรวม 57,165 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% ยอดขายที่เติบโต ส่วนใหญ่เป็นยอดขายที่มาจากธุรกิจปิโตรเคมีถึง 22,600 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 49% ผลจากราคาโอเลฟินส์และอะโรเมติกส์ในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นมากตามปริมาณความต้องการ ซึ่งการเติบโตของสายธุรกิจนี้ ที่ก่อนหน้านี้มองว่าจะเริ่มลดลงในปี 48 แต่จากการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจนี้มองว่าปิโตรเคมียังมีแนวโน้มดีต่อเนื่องอีกจนถึงปี 49 และจะเริ่มเห็นผลว่าราคาปรับลดลงในช่วงปี 50

ขณะที่ธุรกิจกระดาษและบรรจุภัณฑ์ในงวดนี้มียอดขาย 9,839 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% และธุรกิจซีเมนต์มียอดขายรวม 10,539 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% อันเป็นผลจากการก่อสร้างทั้งเอกชนและรัฐเติบโตต่อเนื่อง ธุรกิจผลิตภัณฑ์ก่อสร้างมียอดขายรวม 6,013 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% ธุรกิจจัดจำหน่ายมียอดขายรวม 19,665 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% เพราะความต้องการวัสดุก่อสร้างยังเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทยังไม่มีแผนที่จะปรับเป้าประมาณการของรายได้ของปีนี้แต่อย่างใด เนื่องจากไตรมาสแรกธุรกิจปูนซีเมนต์จะเติบโตดี ธุรกิจก่อสร้างจะดีในไตรมาส 2 และธุรกิจปิโตรเคมีจะดีในไตรมาส 3

"เราจะไม่ปรับราคาปูนซีเมนต์เพิ่มขึ้นอีก แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงคาดว่าจะเห็นในครึ่งปีหลัง ซึ่งต้องปรึกษากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย โดยเราคิดราคาที่ปรับเพิ่มขึ้นจากพื้นฐานต้นทุนเฉลี่ยต่อปูนซีเมนต์ 1.7 พันบาทต่อตัน และดูจากค่าน้ำมัน พลังงาน เป็นหลัก"

อย่างไรก็ตาม SCC ยังคาดการณ์ในธุรกิจปูนซีเมนต์ว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้น 10% จากปีที่ผ่านมา หลังจากปริมาณความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ภายในประเทศ ยังมีอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องจากภาวะการก่อสร้างและการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชน

นายชุมพลกล่าวว่า ในไตรมาสที่เหลือของปีนี้ ยังไม่มั่นใจว่ายอดขายจะยังคงโตต่อเนื่อง เพราะแม้ปัจจัยหนุนส่วนใหญ่ชี้ไปในทางลบ แต่เท่าที่ประเมินจากภาพรวมแล้วพบว่าแม้เศรษฐกิจจะชะลอตัว แต่เชื่อว่าไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมมาก

สำหรับในเรื่องของหนี้สินของบริษัทขณะนี้เหลือเพียง 95,400 ล้านบาท และบริษัทจะพยายามลดภาระหนี้สินให้ได้ในระดับนี้ต่อไป ขณะที่หุ้นกู้จะครบดีลเดือนตุลาคมนี้จำนวน 7,500 ล้านบาท ซึ่งการที่จะออกหุ้นกู้ล็อตใหม่เพื่อมารีไฟแนนซ์หนี้เก่านั้น ยังบอกไม่ได้ว่าจะออกกี่ล็อตและจำนวนเท่าใด เพราะบางส่วนจะใช้เงินจากการดำเนินงาน เนื่องจากผลการดำเนินงานที่เติบโตต่อและต้นทุนลดลง อันเป็นผลจากการจ่ายชำระคืนหนี้ทำให้ภาระจ่ายดอกเบี้ยลดลง

ส่วนการลงทุนนั้น SCC ยังอยู่ในระหว่างการเจรจากับผู้ประกอบการทั้งธุรกิจกระดาษและปิโตรเคมี อันเป็นธุรกิจหลักของบริษัท ซึ่งรุกลงทุนด้วยการเข้าไปซื้อกิจการ ตามโอกาสความเหมาะสมและช่องทางการลงทุน

นายชุมพลกล่าวถึงมติบอร์ดบริษัท เมื่อวันที่ 27 เมษายน 48 ที่ผ่านมาว่าได้มีมติขอพ้นจากตำแหน่งและการแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงของบริษัท โดยผู้บริหารระดับสูงที่พ้นจากตำแหน่งคือ นายดุสิต นนทะนาคร พ้นจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทค้าวัสดุซิเมนต์ไทย จำกัด นายชลาลักษณ์ บุนนาค พ้นจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทซิเมนต์ไทยโฮลดิ้ง จำกัด และนายอวิรุทธ์ วงศ์พุทธพิทักษ์ พ้นจากตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทซิเมนต์ไทยพร็อพเพอร์ตี้ (2001) จำกัด (มหาชน)

พร้อมกับได้แต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงเข้ามาดำรงตำแหน่งแทน โดยแต่งตั้งนายขจรเดช แสงสุพรรณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทผลิตภัณฑ์ก่อสร้างซิเมนต์ไทยจำกัด เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ค้าวัสดุซิเมนต์ไทย จำกัด นายพิชิต ไม้พุ่ม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทผลิตภัณฑ์ก่อสร้างซิเมนต์ไทย จำกัด เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทผลิตภัณฑ์ก่อสร้างซิเมนต์ไทย จำกัด นายดำริ ตันชีวะวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซิเมนต์ ไทยโฮลดิ้ง จำกัด เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทซิเมนต์ไทยโฮลดิ้ง จำกัด และดูแลงานบริษัทซิเมนต์ไทย พร็อพเพอร์ตี้(2001) จำกัด (มหาชน) นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส ผู้อำนวยการสำนักงานวางแผนกลาง บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) โดยให้มีผลตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 48 เป็นต้นไป

นายชุมพลกล่าวถึงความประสงค์ขอพ้นจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 49 ว่า อยากพักผ่อน เพราะตอนนี้อายุมากแล้ว น่าจะเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ไฟแรงมีโอกาสทำงานบ้าง โดยหลังจากการพ้นตำแหน่ง วางแผนว่าจะทำการพักผ่อนด้วยการเล่นกอล์ฟ และใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว