|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ พฤษภาคม 2548
|
|
การกลับมาของอีริค ไล นักพัฒนาที่ดินจากเกาะฮ่องกง ที่เคยมีผลงานในเมืองไทยเช่น เอ็มไพร์ทาวเวอร์, เอส.วี.ซิตี้ และสมบัติ จันทร์เจริญสิน ผู้บริหารคนหนึ่งของบริษัท คันทรี่ (ประเทศไทย) จำกัด และรองประธานกรรมการบริหารสหวิริยาซิตี้ ด้วยการตั้งบริษัทใหม่ "ไวส์พาวเวอร์กรุ๊ป" เพื่อสร้างโครงการ "ลา รอแยล บีช" บนหาดจอมเทียนได้ส่งนัยน่าสนใจไปยังการพัฒนาที่ดินริมหาดแห่งนี้ที่เงียบเหงาไปพักใหญ่อย่างน่าสนใจ
หาดจอมเทียน พัทยา เคยสร้างตำนาน "เจ้าพ่อคอนโด" หลังจากมีนักพัฒนาที่ดินบางรายมาสร้างคอนโดขนาดใหญ่ไว้หลายโครงการ กำลังก่อสร้างและขายพอเพลินๆ มรสุมเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 ก็กระหน่ำซัดเข้ามาเต็มๆ โครงการเหล่านั้นเลยถูกทิ้งร้างไปอย่างน่าเสียดาย ในขณะที่โครงการใหม่ๆ ริมหาดแห่งนี้ก็นิ่งสนิท
วันนี้หาดจอมเทียนกำลังเริ่มฟื้นตัวขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง การเป็นเมืองชายทะเลที่มีสีสันและอยู่ใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งมีเครือข่ายคมนาคมที่สะดวกกลายเป็นจุดขายสำคัญ และดูเหมือนว่าเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้บริหารจากไวส์ พาวเวอร์ กรุ๊ป ตัดสินใจซื้อที่ดินแปลงหนึ่งจำนวน 10 ไร่ 79 ตารางวา ราคาประมาณ 150 ล้านบาททันที หลังจากดูที่ดินหลายแปลงในกรุงเทพฯ แต่ยังไม่ตัดสินใจทำ
สมบัติ จันทร์เจริญสิน กรรมการผู้จัดการบริษัทไวส์พาว เวอร์แลนด์ จำกัด เล่าให้ "ผู้จัดการ" ฟังว่า จุดเด่นของที่ดินแปลงนี้อยู่ตรงความเป็นส่วนตัวเพราะอยู่สุดหาดจอมเทียน และเป็นแปลงที่ดินที่ไม่มีถนนกั้นกลางระหว่างหาดกับโครงการมีหน้ากว้างติดทะเล 50 เมตร ยาว 330 เมตร
ในโครงการประกอบด้วยบ้านหรูริมทะเล 6 หลัง คอนโดสูง 34 ชั้น จำนวน 127 ยูนิต และบ้านกลางสวนอีก 8 หลัง บ้านริมทะเลหลังใหญ่สุดเล่นระดับ 4 ชั้น พื้นที่ประมาณ 250 ตารางวา ราคาประมาณ 53 ล้านบาท อีก 5 หลังถัดไป ขนาด 180-225 ตารางวา ราคาประมาณ 38-49 ล้านบาท
ตัวตึกสูงยูนิตเล็กสุด 106 ตารางเมตร มี 2 ห้องนอน ราคาประมาณ 6 ล้านบาทขึ้นไป จนถึง 19 ล้านบาท ใน 1 ชั้นมีเพียง 5 ยูนิตเท่านั้น ส่วนบ้านกลางสวนราคาหลังละ 23 ล้านบาท
นับว่าเป็นความตั้งใจที่จะฉีกตัวเองออกไป จับกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์โดยเฉพาะ เพราะโครงการที่อยู่อาศัยในพัทยาจับกลุ่มลูกค้าระดับปานกลางเป็นส่วนใหญ่
เมื่อไม่ใช่มือใหม่ในวงการพัฒนาที่ดิน ดังนั้นเรื่องทฤษฎีต่างๆ เกี่ยวกับงานขาย เรื่องเทคโนโลยีการก่อสร้าง หรืองานระบบ จึงไม่น่าห่วง แต่เมื่อห่างหายจากวงการไปพักใหญ่ ก็เลยไปพลาดเรื่องกฎระเบียบของสิ่งแวดล้อมที่ปัจจุบันกำหนดเพิ่มมากขึ้นเข้าจนได้ ในช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมานั้นงานก่อสร้างเลยต้องสะดุดรอใบอนุญาตที่คาดว่าอย่างช้าสุดไม่น่าจะเกินเดือนพฤษภาคม แล้วหลังจากนั้นทั้งประสบการณ์ที่มีอยู่และเม็ดเงินที่เตรียมไว้จะผลักดันให้งานก่อสร้างเริ่มได้ทันที โดยหวังว่าไม่เกิน 2 ปีโครงการ นี้ก็แล้วเสร็จ
แน่นอนว่าการเตรียมเดินหน้าโครงการใหม่ก็ต้องเกิดขึ้นอีก ส่วนผู้ถือหุ้นหลักจะยังมีวิทย์ วิริยะประไพกิจ และธงชัย ล่ำซำ ตามไปอีกด้วยหรือไม่ ยังไม่รู้
|
|
|
|
|