จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ เรียนทางลัด โดดเทกโอเวอร์หุ้น 50% ในอินเด็กซ์ อีเว้นท์ เอเจนซี่ บุกตลาดอีเวนต์เต็มสูบ หลังจากสองบริษัทในเครือกลุ่มโชว์บิสยังโตไม่เต็มที่
นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทมีเป้าหมายที่ต้องการให้มูลค่ารวมตามราคาตลาดหรือมาร์เกตแคปของจีเอ็มเอ็มแกรมมี่กับจีเอ็มเอ็มมีเดียสูงถึง 20,000 ล้านบาท จากปัจจุบันมีประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งเคยสูงถึง 20,000 ล้านบาทมาแล้ว ในช่วงที่ดัชนีหุ้นของตลาดหุ้นเกือบ 1,000 จุด เนื่องจากหากมาร์เก็ตแคประดับกลางหรือเล็กจะไม่เป็นที่สนใจของนักลงทุน จึงต้องขยายธุรกิจให้ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ของตลาดโดยกระจายเม็ดเงินเพื่อร่วมลงทุนกับพันธมิตรธุรกิจต่างๆ
และขณะนี้มีแผนขยายธุรกิจทางด้านอีเวนต์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการทำบีโลว์เดอะไลน์เต็มที่ เนื่องจากบีโลว์เดอะไลน์เป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตดีทั้งจากภาครัฐและเอกชน จากเดิมสัดส่วนการใช้เงินทางด้านบีโลว์เดอะไลน์เพียง 20% ในตลาดรวมของการใช้งบประมาณกว่า 80,000 ล้านบาท แต่ปัจจุบันเพิ่มเป็น 40-50% แล้ว ซึ่งบริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะยึดครองตลาดนี้ให้มากที่สุด ขณะนี้บริษัทฯ ยังมีสัดส่วนรายได้ด้านนี้น้อยมาก แม้ว่าจีเอ็มเอ็มมีบริษัทฯ ที่ทำทางด้านนี้อยู่แล้วแต่ไม่เต็มที่เท่าใด ส่วนใหญ่จะเป็นงานจัดคอนเสิร์ตเท่านั้นอยู่ในกลุ่มโชว์บิส เช่น จีเอ็มเอ็มไลฟ์ ทำโชว์เป็นหลัก มีอีเวนต์บ้างเล็กน้อย และนินจารีเทิร์น เน้นหนักงานครีเอทีฟอีเวนต์ มีรายได้รวมกว่า 300 ล้านบาท จากรายได้รวมของจีเอ็มเอ็มมีเดีย 3,000 ล้านบาท และรายได้รวมของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ 6,000 ล้านบาท
ล่าสุด บริษัท จีเอ็มเอ็ม มีเดีย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ที่ทำธุรกิจทางด้านมีเดียได้ลงทุนจำนวน 183 ล้านบาท เพื่อเข้าซื้อหุ้นในบริษัท อินเด็กซ์ อีเว้นท์ เอเจนซี่ จำกัด (มหาชน) จำนวน 86 ล้านหุ้น จากผู้ถือหุ้นเดิมคือกลุ่มกาญจนะโภคิน โดยคิดเป็นสัดส่วน 50% จากทุนที่ชำระแล้ว 172 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 172 ล้านหุ้น ในราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท
ขณะเดียวกันทางจีเอ็มเอ็มมีเดียมองว่า กลุ่มผู้บริหารของอินเด็กซ์ อีเว้นท์ เอเจนซี่ เป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่จะมีส่วนเข้ามาบริหารงานใน จีเอ็มเอ็มมีเดีย ดังนั้นทางคณะกรรมการของบริษัทฯ จึงมีมติที่จะออกหุ้นกู้สามัญเพิ่มทุนจำนวน 8 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 3.85% ของหุ้นทั้งหมดขายให้แก่กลุ่มผู้บริหารของบมจ.อินเด็กซ์ ในราคาหุ้นละ 16 บาท โดยหลังจากการเพิ่มทุนครั้งนี้แล้ว จีเอ็มเอ็ม มีเดีย จะมีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วทั้งสิ้น 208 ล้านบาท
นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม รองกรรมการ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานสนับสนุนกลางและพัฒนาธุรกิจ บมจ. จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ กล่าวว่า ด้วยกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ที่ห้ามไม่ให้มีการถือหุ้นไขว้กันระหว่างบริษัทฯ ในการร่วมทุนทางธุรกิจ จึงทำให้จีเอ็มเอ็มมีเดียถือหุ้นในอินเด็กซ์ในนามของบริษัทฯ ส่วนอินเด็กซ์เดิมถือหุ้นในนามบุคคลของกลุ่มกาญจนะโภคินอยู่แล้ว จึงเข้ามาถือในนามบุคคลในจีเอ็มเอ็มมีเดีย และถือว่าอินเด็กซ์เป็นบริษัทในเครือจีเอ็มเอ็มก็ได้ แต่จะแยกบทบาทจากกลุ่มโชว์บิสที่เน้นงานคอนเสิร์ตเป็นหลักและอีเวนต์ที่ไม่ใหญ่มากนัก
นางสาวบุษบา ดาวเรือง ประธานกรรมการบริหาร จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ และที่ปรึกษาจีเอ็มเอ็มมีเดีย กล่าวว่า การร่วมทุนกับอินเด็กซ์ถือเป็นการแตกไลน์ธุรกิจสื่อของกลุ่มให้ครบวงจรมากยิ่งขึ้น ดังนั้นจึงเลือกลงทุนในบริษัทอินเด็กซ์ฯที่มีความเชี่ยวชาญด้านอีเวนต์มาร์เกตติ้ง
นายเกรียงไกร และนายเกรียงกานต์ กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ อีเว้นท์ เอเจนซี่ จำกัด (มหาชน) ร่วมกันเปิดเผยว่า การร่วมมือกันครั้งนี้เจรจากันมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว เพื่อหาข้อสรุปร่วมกัน กระทั่งสำเร็จซึ่งจะส่งผลดีต่อทั้งคู่ แต่อาจจะกระทบกับแผนการเข้าตลาดหุ้นของอินเด็กซ์บ้าง เพราะว่าสัดส่วนการถือหุ้นเปลี่ยนแปลง ขณะนี้จึงอาจจะชะลอการเข้าตลาดหุ้นไว้ชั่วคราวก่อน
อย่างไรก็ตาม การเป็น Strategic Partner กับจีเอ็มเอ็มมีเดียครั้งนี้ ทำให้อินเด็กซ์มีความพร้อมเพื่อต้องการตอบสนองความต้องการของตลาด โดยจะใช้ทรัพยากรของกลุ่มจีเอ็มเอ็มแกรมมี่ทั้งหมดทั้งศิลปิน นักร้อง ดารา สื่อต่างๆ ทั้งโทรทัศน์ วิทยุ สิ่งพิมพ์ และทรัพย์สินทางปัญญาทุกด้านเข้ามาเสริมงานอีเวนต์ ซึ่งเงื่อนไขหลักนั้นนอกจากการเข้าถือหุ้นกันแล้ว รูปแบบการบริหารการจัดการของบริษัทอินเด็กซ์ฯจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างใด เพราะจากข้อตกลงทางจีเอ็มเอ็มมีเดียจะเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นและนำทรัพยากรที่เป็นศิลปิน เครือข่ายสื่อมาใช้
อินเด็กซ์ฯมีรายได้รวมในปี 2546 เท่ากับ 381 ล้านบาท กำไร 27 ล้านบาท ส่วนปี 2547 มีรายได้ 569 ล้านบาท กำไร 58 ล้านบาท
|