ถ้าจะถามว่านักบริหารคนไหนต้องเดินทางมากที่สุดวันต่อวันแล้ว ก็คงจะหนีไม่พ้นสุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์ เสี่ยห้าในบรรดาหลายๆ เสี่ยของตระกูลจิราธิวัฒน์

ทุกวันนี้ สุทธิเกียรติต้องวิ่งรอกระหว่างห้างเซ็นทรัลที่สีลมกับโรงแรมไฮแอทเซ็นทรัล พลาซ่า ที่ลาดพร้าว ยังดีที่มีทางด่วนช่วย ไม่งั้นป่านนี้คงจะต้องซื้อเฮลิคอปเตอร์มาใช้กระมัง

"สุทธิเกียรติเป็นเสี่ยในบรรดาหลายๆ เสี่ยของจิราธิวัฒน์ ที่ค่อนข้างจะมีเหตุผลและพูดรู้เรื่องที่สุด" ผู้ที่อยู่ในวงการค้าที่ต้องติดต่อกับเซ็นทรัลตลอดเวลาเล่าให้เราฟัง

ว่ากันว่า หมดจากสัมฤทธิ์ จิราธิวัฒน์ แล้วก็คงจะต้องเป็นสุทธิเกียรติคนนี้แหละ ที่จะขึ้นมาเป็นตั้วเสี่ย เป็นผู้นำของครอบครัวได้

โดยธรรมชาติของสุทธิเกียรติแล้วก็เป็นคนโอภาปราศรัยดีคนหนึ่ง และยิ่งมาลงทุนด้านธุรกิจเกี่ยวกับโรงแรมที่จะต้องพบปะผู้คนจำนวนมาก ยิ่งทำให้เสี่ยห้าคนนี้ต้องยิ้มมากยิ่งขึ้น

"ยังโชคดีที่ไฮแอท เซ็นทรัล พลาซ่า มีคุณสุทธิเกียรติลงมาเป็นตัวแทนของผู้ถือหุ้น มาร่วมบริหารกับฝ่ายบริหารของไฮแอท เพราะเสี่ยห้าคนนี้เป็นคนที่เข้าใจอะไรง่ายและเป็นคนที่ไม่ก่อปัญหาให้กับการปฏิบัติงานของพนักงาน" พนักงานระดับบริหารคนหนึ่งของโรงแรมไฮแอทเล่าให้ฟัง

ในระยะหลังนี้ไฮแอทจัดงานเลี้ยงมากเป็นพิเศษ อาจจะเป็นเพราะการขายงานจัดเลี้ยงที่มีประสิทธิภาพ และสถานที่ที่เอื้ออำนวยให้กับผู้มาใช้บริการจนไฟในห้องจัดเลี้ยงซึ่งสามารถมองเห็นได้จากถนนวิภาวดี สามารถมองเห็นอยู่ทุกคืน สว่างทุกๆ วัน หลังพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว

วันหนึ่งสุทธิเกียรติถามศุภมาศ จุลสมัย ผู้จัดการฝ่ายขายคนหนึ่งของไฮแอทว่า "เอ๊ะ เมื่อคืนทำไมที่ห้องจัดเลี้ยงถึงไฟมืด" ศุภมาศได้แต่ถอนหายใจเฮือก และแอบกระซิบกับเราว่า "คุณสุทธิเกียรติแกคงเคยชินกับที่โรงแรมมีงานจัดเลี้ยงอยู่ทุกวัน แล้วเกิดมาว่างเสียวันหนึ่ง แกเลยรู้สึกผิดปกติเป็นอย่างมาก"

ส่วนคำถามที่คนในวงการโรงแรมมักจะถามกันว่าระหว่างสุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์ กับไบรอัน ดีสัน ผู้จัดการทั่วไปของโรงแรมไฮแอท ว่าใครอยู่ใต้อำนาจใคร และใครมีอำนาจสั่งใคร ตามหลักของการบริหารของเครือโรงแรมนานาชาตินั้น ก็คงจะต้องเป็นไบรอัน ดีสัน ในฐานะที่มีอำนาจการบริหารอยู่ แต่ตามที่พนักงานไฮแอทเองก็รู้กันว่าในที่สุดแล้วก็คงต้องเป็นสุทธิเกียรตินั่นเองแหละที่จะเป็นคนตัดสินใจคนสุดท้ายได้

แต่ในวงการปากตำแยก็สอดขึ้นมาทันทีแล้วบอกว่า "แต่คุณสุทธิเกียรติก็คงจะต้องฟังเนาวรัตน์ ยุกตะนันทน์ มากกว่ากระมัง"