|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ กันยายน 2526
|
|
“ไม่เข้าใจจริง ๆ ทำไมบริษัทเงินทุน ที่ล้มกันช่วงหลัง ๆ แบงค์ชาติต้องพยายามแล้วพยายามอีก เพื่อเข้าประคับประคอง แต่ราชาเงินทุน เราบอกว่าไม่ล้ม เรายังดำเนินการต่อไปได้ เรารับผิดชอบทุกอย่าง แต่กลับพยายาม ถูกยัดเยียดให้ล้ม” เสรี ทรัพย์เจริญ ระบายความในใจ เมื่อสนทนา ถึงเรื่อง ราวในอดีต ซึ่งยังคงคาบเกี่ยวถึงปัจจุบัน
เสรี ทรัพย์เจริญ และบริษัท ราชาเงินทุน เคยโด่งดัง แค่ไหน เมื่อ 4 ปีก่อน “ผู้จัดการ” คงไม่ต้องท้าวความ เอาเพียงว่า หลังจากศาลอุทธรร์ตัดสินกลับคำตัดสินศาลชั้นต้นให้ราชาเงินทุนล้มละลาย ขณะนี้คดีความจำดำเนินอยู่ในชั้นฏีกาและอดีตประธานบริษัท อย่างเสรี ก็ยังดิ้นรน ต่อไปไม่หยุดหย่อน
สำนักงานทนายความ สภาพเก่า ในชื่อ “ปณิธาน” บนถนนหลานหลวง ช่วงใกล้สี่ แยกวิสุทธกษัตริย์ คือรังปักหลักของเสรี หลังจากราชาเงินทุน ต้องถูกทำให้ยุติบทบาท ลงชั่วคราว ภายในสถานที่แห่งนี้ ปราศจากความหรูหราโดยสิ้นเชิง ที่เขี่ยบุหรี่ เก่าหลาย ๆ อันยังคงมีตรา
“ราชาเงินทุน” ประทับเหนียวแน่น เหมือนคอยย้ำความจำเรื่องเก่า ๆ ให้คนที่นี่ นอกจากเสรีซึ่งแวะเวียน มาในช่วงบ่ายแทบทุกวัน ก็เห็นจะมีเพื่อนฝูงซึ่งเห็นได้ชัดว่า เป็นรุ่นน้อ ง ๆ อีก 5-6 คน เครื่องโรเนียว เครื่องนั้นทำหน้าที่ของมันอย่างหนักหนวง ส่วนใหญ่ก็เห็นจะเป็นผลงานโรฯ เกี่ยวเนื่องด้วยเครื่องราชาเงินทุนนั่นเอง ทั้งคำฟ้องคำให้การ คำชี้แจง คำร้องเรียน อะไรต่ออะไร อีกหลากหลาย เท่าที่สมอง ของเสรี และเพื่อนพ้องเก่า ๆ ครั้งร่วมหัวจมท้ายกันตั้งแต่ยุครุ่งเรืองจะคิดค้นและเรียบเรียงได้ทัน เช่นเดียวกับเครื่องถ่ายเอกสาร ตัวนั้น ที่ กำลังจะปลดชราอยู่รอมร่อ
“ผมกลับไม่เห็นเช่นนั้น ผมถือว่าไม่ว่ากิจการใดก็ตาม เมื่อมีรุ่งได้ ก็เจ๊งได้เท่า ๆ กัน ผมถือหลักคำสอน ของพุทธศาสนาครับ ถือมานานแล้ว ไม่ใช่ เพิ่งปลงเอาเมื่อโดนเช่นนี้” ความรู้สึกจริง ๆ เป็นอย่างไม่มีใครรู้ได้ แต่เมื่อถามว่า “รู้สึกยังไง เมื่อรุ่งแล้ว ก็ต้องตกอับ” เสรี มักจะตอบเช่นนั้น ไม่ว่ากับใคร ก็ตาม และเช่นกันแทบทุกความรู้สึกที่ถ่ายทอดเป็นคำพูด เขาไม่ลืม อ้างอิงถึงคำสอนของพุทธศาสนา “ผมถือว่า ชีวิตหนึ่งของคนเราไม่รู้จะหวังมากมายไปทำไม ผมถือว่าชีวิตคนคนหนึ่ง ได้มีโอกาสใช้เงินก็ล้านบาทแรกเท่านั้น ล้านเดียวก็เหลือเฟือแล้วชาติหนึ่ง สอง-สาม-สิบ-พี่สิบล้านต่อไป ไม่ได้ใช้หรอก เป็นส่วนเกินทั้งนั้น ไม่ว่ายุคไหน ๆ ผมก็ทำเหมือนเดิม บ้านที่อยู่เวลานี้ ก็เป็นบ้านเก่า ตั้งแต่อายุ 21 ปี”
คำบอกเล่า ของเสรี สำหรับปัจจุบันนั้น นอกจากต้องทุ่มเท ให้กับความเป็นไป ของราชาเงินทุน ซึ่งสายตาภายนอกดูเหมือนมีเพียงความเงียบเหงา แล้วนั้น เขายังเป็นที่ปรึกษา ให้กับกิจการธุรกิจอีก 2-3 แห่ง เพียงไม่อยากเปิดเผยเนื่องด้วยหลาย ๆ เหตุผล
และอนาคต - หากราชา เงินทุนชนะ “อาจไม่ดำเนินกิจการด้านเงินทุนก็ได้ ที่อยู่ในความคิด ตอนนี้ผมอยากช่วยชาวไร่ชาวนา อาจทำกิจการ ขายพืชพันธ์ ปุ๋ย เครื่องไม้ เครื่องมือ ทางการเกษตร พร้อมกับการรับซื้อพืชผลก็ได้ ก็อยู่เพียงความคิด แต่ผมอยากทำมาก”
ผมไม่อยากระบุ ไม่อยากวิจารณ์ใคร เอาเป็นว่า ราชาเงินทุนล้มก็เพราะการกระทำอย่างเป็นกระบวนการที่มีการเตรียมกันมาแล้ว ของผู้มีอำนาจทางเศรษฐกิจยุคนั้น ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งโดยไม่รู้ตัวก็ได้ “เสรี ตอบเช่นนี้เมื่อ “ผู้จัดการ” นำหัวข้อสนทนา ถามไถ่ถึงคนบางคน... ถึงแม้จะไม่อาจขีดเขียนอะไรลงในที่นี้ได้ แต่เมื่อพูดถึงราชาเงินทุนล้ม ผู้คน ในวงการ มักชายสายตา ไปยังบุคคล ที่มีหนวด ทั้งสอง โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ถ้าพูดกันศัพท์ปัจจุบันก็เรียกได้ว่าความพยายามกระทำต่อราชาเงินทุน ตั้งแต่วันนั้น จนวันนี้ เป็นเรื่องของกลุ่มอิทธิพลอำนาจมืดที่ครอบงำประเทศไทยอยู่ ดังที่พลโทหาญท่านนั่นแหละ
เมื่อเป็นเช่นนี้ การเคลื่อนไหว ของพลพรรคราชาเงินทุน จึงเปิดประตูทุกทางที่เห็นว่า น่าจะเป็นไปได้ “พลเอกอาทิตย์ ก็ไปยื่นหนังสือให้ท่านแล้ว ตอนนี้ก็เตรียมเสนอ กับพลโทหาญ อีกทางหนึ่ง” และการสนทนา ในวันนั้น เสรี ทรัพย์เจริญ ยื่นเอกสาร ที่เพิ่มพิมพ์ เสร็จหมาดๆ ให้ “ผู้จัดการ” หนึ่งปึก..เป็นหนังสือ “ร้องเรียนความเป็นธรรม” ที่เตรียมเสนอ ต่ออธิบดีกรมอัยการ
และการสนทนาด้วยเรื่อง เบา ๆ ระหว่าง “ผู้จัดการ” กับ เสรี ทรัพย์เจริญ ก็ยุติลงเพียงแค่นี้
|
|
|
|
|