|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ กันยายน 2526
|
|
“ครับ...วันที่ 28 กรรมการบริษัท คอลเกต ในฐานะจำเลยจะต้องมายื่นประกันตัวด้วย” มานิตย์ แย้มอุทัย ทนายความฝ่ายดาร์กี้ กล่าวกับ “ผู้จัดการ” เมื่อวันที่ 26
สิงหาคมที่ผ่านมา หลังจากศาลฉะเชิงเทราชี้ว่าการฟ้องคดีอาญาของดาร์กี้ต่อคอลเกตนั้น “มีมูล” ... วันที่ 28 นั้นหมายถึง 28 กันยายนที่จะมาถึงนี้ ซึ่งเป็นวันที่ศาลนัด
สืบพยานนัดแรก ทั้งนี้ เป็นไปหลังจากดาร์กี้ยื่นฟ้องคดีอาญาต่อคอลเกต อีก “แนวรบ” หนึ่งเมื่อ 29 กรกฎาคม ในขณะที่ความแพ่งยังคงดำเนินไป โดยอ้างความอาญา
มาตรา 272 อันมีสาระ ว่า “ ผู้ใดขายข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความเท็จเพื่อให้เสียความเชื่อถือ ในสถานที่สินค้า อุตสาหกรรม หรือพาณิชยกรรม ของผู้หนึ่งผู้ใด โดยมุ่ง
ประโยชน์แก่การค้าของตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ความผิดตามมาตรานี้เป็นความผิดอันยอมความกันได้”
ถ้าถามว่าทำไมถึงต้องฟ้องที่ฉะเชิงเทรา คำตอบของทนายดาร์กี้ก็คือ ต้องการให้เป็นต่างจังหวัด เพื่อให้เหนื่อยยากกันบ้าง เลือกเอาแปดริ้วก็เพราะไม่ให้เหนื่อยยากจน
เกินไป ไกลเกินไปทั้งโจทก์และจำเลยก็ลำบากไม่มากไม่น้อยกว่ากันเท่าใดนัก ....สำหรับ “ผู้จัดการ” ขอขยายความว่ากรณีโฆษณาอันเป็นปัญหาชิ้นนี้ถูกเผยแพร่ไป
ทั่วประเทศ การฟ้องร้องจึงเป็นไปได้ทุกประเทศ ทั้งประเทศ ทุกจังหวัดของประเทศไทย ....นอกจากเป็นไปตามสิทธิ์อันพึงมีแล้ว จากการเปิดเผยของทนายความของ
ฝ่ายดาร์กี้ การฟ้องคดีอาญาเพิ่มขึ้น เป็นเพราะ “ผู้ใหญ่ต้องการครับ... ก็ผู้ใหญ่ของดารกี้ในไทยนี่แหละ..แหม อย่าเลย อย่าให้ผมเอ่ยชื่อเลย รู้แค่นี้ดีกว่าครับ !”
จะเป็นความต้องการของใคร หรืออย่างไรนั่นไม่ใช่สาระสำคัญ เมื่อเทียบกับผลที่ดาร์กี้จะได้รับ ในประเด็นกลยุทธ์ด้านการตลาด ... บุคคลในวงการตลาดหลายๆ คน
ชี้ให้เห็นคล้ายคลึงกันว่า การขับเคี่ยวด้านการตลาดระหว่างคอลเกตกับดาร์กี้นั้นเมื่อก้าวล่วงมาถึงจุดที่คอลเกตตัดสินใจดิสเครดิตด้วยการยิงโฆษณาเปรียบเทียบ โดย
ใช้ “ฟลูออไรด์เป็นน้ำหนัก ทางออกของดาร์กี้ เพื่อคงไว้ซึ่งการตลาดที่ราบรื่น หรืออย่างน้อยๆ ก็ไม่ตกเป็นฝ่ายรับมีเพียงทางเดียวเท่านั้น คือการฟ้องร้องเพื่อเอาชนะ
ทางกฎหมาย
การขับเคี่ยวด้านการตลาดระหว่างยาสีฟันสองยี่ห้อดังนี้ ไม่ได้เป็นไปเฉพาะในเมืองไทยเท่านั้น ทั่วทั้งภาคพื้นเอเชียอาคเนย์ก็ว่าได้ และเช่นกันการโฆษณาดิสเครดิต
จากค่ายคอลเกต ไม่ได้มีเฉพาะในเมืองไทย ที่ฮ่องกง สิงคโปร์ ได้ปรากฏขึ้นก่อนหน้านี้ในช่วงเวลาไม่ห่างกันนัก ภาพโฆษณาที่ออกมาต่างกันเพียงอักษรไทยกับ
อังกฤษเท่านั้น ที่สิงคโปร์เมื่อคอลเกตยิงโฆษณาชิ้นนี้ออกมาในสเตรทไทม์ เมื่อ 30 พฤษภาคม ดาร์กี้ได้สั่งดาร์กี้ผสมฟลูออไรด์ ซึ่งมีจำหน่ายก่อนที่ฮ่องกง เข้ามาวาง
ตลาดในสิงคโปร์ ทันทีพร้อมโฆษณาตามติดในหนังสือพิมพ์ ฉบับเดียวกัน “ดาร์กี้-ยาสีฟัน ยอดนิยม ของสิงคโปร์...ใหม่ ผสมฟลูออไรด์”
สำหรับในเมืองไทย แหล่งข่าว “ผู้จัดการ” ในวงการตลาดยาสีฟัน เปิดเผยว่า การขยับตัวของดาร์กี้เพื่อสั่งดาร์กี้ชนิดผมฟลูออไรด์เข้ามาจำหน่ายนั้นไม่ทันการณ์กับ
การขยับตัวยิงโฆษณาชิ้นที่มีปัญหาของคอลเกต
“ผมไม่รู้นะว่า ตัวแทนดาร์กี้ในไทยติดขัดอะไรอยู่บ้าง สำหรับการสั่งชนิดมีฟลูออไรด์เข้ามาประกบ แต่หากทำเช่นนั้น ถึงแม้ทำให้โฆษณาของคอลเกตมีน้ำหนักอ่อน
ลงก็ตาม ยังเหมือนกับเป็นการยอมรับโดยตรงว่า คอลเกตเป็นยาสีฟันชั้นนำกว่า ขณะที่ดาร์กี้ต้องตามก้น และความเห็นส่วนตัว ผมเห็นว่าการเลือกเอาทางฟ้องร้องนี่
ยังเป็นการรุกกลับอีกด้วย ถ้าคอลเกตแพ้ก็หมายถึงว่าต้องแก้ข่าวซึ่งทำให้การโปรโมตสรรพคุณของฟลูออไรด์ที่ผ่านมา ต้องพังทั้งหมด ไม่เฉพาะในไทยหรอก หลัง
จากนั้นดาร์กี้จะเอาชนิดไหนมาวางขาย ก็ไม่เห็นแปลก” แหล่งข่าวคนเดียวกันชี้กับ “ผู้จัดการ” อันเป็นการชี้ที่ทนายดาร์กี้ ไม่ปฏิเสธว่า “เงินค่าเสียหาย ไม่ใช่
ประเด็นสำคัญที่เราต้องการหรอก การให้คอลเกตแก้ข่าว เป็นเรื่องสำคัญกว่า” และแหล่งข่าวจากค่ายดาร์กี้ยังเปิดเผยด้วยว่า การตัดสินใจฟ้องร้องของดาร์กี้ก็เพื่อบีบ
บังคับให้คอลเกตได้เข้ามาพูดจาตกลงกัน ซึ่งแน่นอน-ผลสรุปย่อมเลี่ยงไม่ได้สำหรับการลงโฆษณาแก้ข่าว” ก็ต้องเปลี่ยน
|
|
|
|
|