|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
หุ้นไทยร่วงเกือบ 13 จุด ปัจจัยร้ายสุมตลาดอีกระลอก กองทุนไทยขนหุ้นออกมาขาย 1.3 พันล้าน "ขุนคลัง" ปลอบหุ้นร่วงเรื่องปกติสั่งพัฒนสินแจงกรณีคาด MSCI ลดน้ำหนัก ด้าน "โกลเบล็ก-พัฒนสิน" ชี้ตลาดกังวลตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 1/48 ออกมาไม่ดีและอีกหลายปัจจัย รวมทั้ง MSCI และทุจริตหนองงูเห่ากดหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างทรุด "พัฒนสิน" ยันคาดดัชนี MSCI ลดน้ำหนักลงทุนหุ้นไทย 3.7% เป็น 3.5% เพิ่มไต้หวัน 19% เป็น 23.3% ค่ายบัวหลวง เชื่อต่างชาติลดพอร์ตเพราะกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยแรงเกินคาด แนะจับตาเล็งปรับเป้าดัชนีจากเดิม ปีนี้ 770 จุดหาก MSCI ลดน้ำหนัก
ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์วานนี้ (25 เม.ย.) ดัชนีปรับลดลงตั้งแต่เปิดตลาดจากความกังวลหลายเรื่อง ทั้งเรื่องคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจไทยไตรมาส 1/48 จะคาดว่าไม่ดีจากขาดดุลบัญชีเดินสะพัด รวมถึงการปรับลดลงน้ำหนักการลงทุนของ MSCI รวมถึงกรณีการทุจริตในสนามบินหนองงูเห่าซึ่งกระทบหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างส่งผลดัชนีกลุ่มลดลง 4%
ส่งผลให้ดัชนีปิดที่ 664.47 จุด ลดลง 12.78 จุด หรือ 1.89% ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดของวัน มูลค่าการซื้อขาย 15,244.14 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 145.04 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 1,324.55 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 1,469.59 ล้านบาท
นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า มี 3 ปัจจัยลบ ที่เข้ามากระทบการลงทุน 1. เรื่องการคาดการณ์การประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจไตรมาส 1/48 ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่จะออกมาไม่ค่อยดีโดยเฉพาะเชื่อว่าตัวเลขบัญชีเดินสะพัดจะเป็นลบ 2. การคาดการณ์ปรับลดน้ำหนักลงทุนของ MSCI 3. การจัดซื้อเกี่ยวกับการก่อสร้างในสนามบินหนองงูเห่า
อย่างไรก็ตาม ก็เป็นแค่ความกังวลของนักลงทุน ซึ่งคาดว่าวันนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยน่าจะปรับขึ้นได้ โดยในส่วนของความกังวลกรณี MSCI คงต้องพิจารณาเม็ดเงินในพอร์ตกองทุนประกอบด้วยหากยังมีเม็ดเงินเหลือคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย
"ขุนคลัง" ชี้หุ้นตกเรื่องปกติ
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณีที่ มอร์แกน สแตนเลย์ แคปปิตอลอินเตอร์เนชั่นแนล หรือ MSCI มีแนวโน้มจะลดสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยลง ว่าเป็นเพราะต้องการไปเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นไต้หวันจึงต้องปรับพอร์ตการลงทุนใหม่โดยการลดสัดส่วนการลงทุนในประเทศอื่นๆ ลง ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย
"ไม่เป็นไร เป็นการเกลี่ยเม็ดเงินการลงทุนเพื่อไปเพิ่มการลงทุนที่อื่นซึ่งเขาคงลดสัดส่วนการลงทุนที่อื่นด้วย ไม่ใช่เฉพาะเรา ข้อสำคัญ คือ อย่าทิ้งตลาดหุ้นไทยไปเลยก็แล้วกัน" นายสมคิดกล่าว
นายสมคิด กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาดหุ้นเป็นจุดสะท้อนภาวะพื้นฐาน และอนาคตของเศรษฐกิจ ดังนั้นหากมีการวางรากฐานเศรษฐกิจของประเทศให้ดี ตลาดหุ้นก็จะสามารถเดินไปได้เอง การห่วงแต่ภาวะตลาดหุ้นเป็นรายวันโดยไม่ทำอะไรเลย เป็นสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แต่อย่างใดและการที่หุ้นตกเล็กน้อย ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่จะเกิดขึ้น
คาด MSCI ลดน้ำหนักไทย
นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนบล.พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) หรือ CNS เปิดเผยว่า บล.พัฒนสินได้คาดการณ์ว่า MSCI จะเพิ่มน้ำหนักในไต้หวันและอาจจะปรับลดลงน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยนั้นเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นไต้หวันกับจีน เพราะไต้หวันได้ลดข้อจำกัดการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศขณะที่ตลาดหุ้นจีนมีบริษัทใหม่เข้าจดทะเบียนถึง 7 บริษัท
อย่างไรก็ดี การปรับน้ำหนักของ MSCI นั้นถือเป็นเรื่องปกติและมีการปรับน้ำหนักปีละ 4 ครั้งอยู่แล้ว ซึ่งในส่วนของตลาดหุ้นไทยนั้นโนมูระยังให้น้ำหนักการลงทุนที่สูงกว่าบรรทัดฐานโดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียยังมีความน่าสนใจอยู่
ทั้งนี้ การที่ภาวะตลาดหุ้นปรับตัวลดลงเนื่องจากภายในวันที่ 29 เม.ย.จะมีการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าอาจจะลดลงประกอบกับภายในสัปดาห์หน้าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะมีการประชุมซึ่งคงจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยแต่จะอยู่ในอัตราเท่าใดนั้นยังไม่สามารถคาดการณ์ได้
ด้านนายสาธิต วรรณศิลปิน ผู้บังคับบัญชาสายงานวิจัยหลักทรัพย์ บล.พัฒนสิน กล่าวว่า หลังจากที่ออกบทวิจัยคาดว่าดัชนี MSCI จะมีการปรับลดน้ำหนักการลงทุนในประเทศไทยจาก 3.7% เป็น 3.5% หรือลดลงประมาณ 0.12% และคาดว่ามีการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไต้หวัน จาก 19.0% เป็น 23.3%
มีความกังวลของนักลงทุนส่วนหนึ่งที่ทำให้มีแรงเทขายออก แต่หากพิจารณาขนาดของเม็ดเงินที่ลงทุนซึ่งมีจำนวนที่มากขึ้นคงไม่ส่งผลกระทบมากนักหากมีการลดสัดส่วนการลงทุนตามการคาดการณ์ การปรับเพิ่มหรือลดน้ำหนักการลงทุนของ MSCI จะพิจารณาเป็นรายไตรมาสซึ่งใน ครั้งนี้น่าจะมีการนำบริษัทไทยออยล์ หรือ TOP เข้ามาคำนวณน้ำหนักการลงทุนด้วย
สำหรับสาเหตุที่คาดว่าจะมีการปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไต้หวัน เพราะไม่มีการจำกัดการลงทุนในส่วนของนักลงทุนต่างชาติ
นายญาณศักดิ์ มโนมัยพิบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บล.บัวหลวง กล่าวถึงกรณี MSCI ประกาศจะมีการลดน้ำหนักการลงทุนในไทย อาจทำให้บริษัทฯต้องทบทวนเป้าหมายดัชนีที่เคยให้ไว้ 770 จุดในปีนี้ใหม่
จับตาดอกเบี้ยเฟด
นางสาวปองรัตน์ รัตนะตวณานนท์ ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ประเด็นหลักที่นักลงทุนต่างชาติลดพอร์ตการลงทุนเพระต้องการลดความเสี่ยงรอการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่าในครั้งนี้อาจจะปรับขึ้นมากกว่า 0.25% ซึ่งจะทำให้ช่องว่างอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น อาจจะส่งผลให้ธปท.ปรับขึ้นดอกเบี้ยตามซึ่งจะส่งผลต่อตลาดหุ้นอย่างชัดเจน จึงทำให้วานนี้หุ้นขนาดใหญ่ต่างปรับตัวลดลง
นอกจากนี้ เรื่องความกังวลเกี่ยวกับข่าวการทุจริตเกี่ยวกับการก่อสร้างสนามบินหนองงูเห่า จึงทำให้หุ้นในกลุ่มก่อสร้างได้รับผลกระทบโดยเฉพาะหุ้น ITD แต่อย่างไรก็ดี เรื่องดังกล่าวต้องรอความชัดเจนก่อน
|
|
|
|
|