Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน25 เมษายน 2548
ธนชาติเสือปืนไวรื้อกรอบการลงทุน ลุยตราสารหนี้เพิ่มหลังธปท.ตรึงดบ.             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนชาต, บลจ.

   
search resources

ธนชาต, บลจ.
Funds




บลจ.ธนชาติดอดแก้หลักเกณฑ์การลงทุนกองทุนเปิดธนชาติพันธบัตรใหม่ โดยเปิดทางให้ลงทุนในตราสารหนี้ได้ หลังก่อนหน้าตีกรอบให้ลงทุนเฉพาะพันธบัตรรัฐบาล หลังประเมินทิศทางดอกเบี้ยในประเทศยังไม่มีทีท่าขยับ และการที่ธปท.ประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยอาร์/พี ส่งผลให้ผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรได้รับในอัตราที่ต่ำเมื่อเทียบกับลงทุนตราสารหนี้ภาคเอกชน

นายกำพล อัศวกุลชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนชาติ จำกัด เปิดเผยว่า บลจ. ธนชาติในฐานะผู้จัดตั้งและจัดการกองทุนเปิดธนชาติพันธบัตร (NGB) ได้มีการแก้รายละเอียดโครงการของกองทุน และชื่อโครงการใหม่ ซึ่งได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหน่วยลงทุนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ การแก้ไขเพิ่มเติมรายละเอียดโครงการข้างต้นมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 19 เมษายน 2548 เป็นต้นไป

สำหรับรายละเอียดการแก้ไขเพิ่มเติมโครงการกองทุนดังนี้คือ เดิมกองทุนเปิดธนชาติพันธบัตรมีนโยบายการลงทุนที่จะเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจที่มีกระทรวงการคลังค้ำประกันเป็นหลัก หลังการแก้ไขโครงการ กองทุนสามารถที่จะลงทุนในหลักทรัพย์ หรือทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับตราสารหนี้ และหรือ ตราสารทางการเงินต่างๆ ของทั้งภาครัฐ และเอกชนที่มีความมั่นคงและให้ผลตอบแทนที่ดี

ทั้งนี้จะไม่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และตราสารหนี้ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับตัวแปร

ส่วนสาเหตุที่ทำให้เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขโครงการ และเปลี่ยนแปลงชื่อโครงการจากเดิมชื่อโครงการกองทุนเปิดธนชาติพันธบัตร มาเป็นกองทุนเปิดธนชาติตราสารหนี้ ก็เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการลงทุนเพื่อให้กองทุนมีขอบเขตการลงทุนกว้างขึ้น โดยสามารถลงทุนในตราสารหนี้อื่นๆ ได้มากขึ้น และเพื่อความยืดหยุ่นในการลงทุนให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ในแต่ละขณะ

สำหรับกองทุนเปิดธนชาติตราสารหนี้ ณ วันที่ 21 เม.ย. มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 282.80 ล้านบาท มูลค่าหน่วยลงทุน 10.0338 บาท มูลค่าโครงการ 1.5 พันล้านบาท จดทะเบียนจัดตั้งวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2548

นายกำพล กล่าวว่า การแก้ไขโครงการครั้งนี้ เพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการผลตอบแทนจากการลงทุนในระดับที่สูงขึ้น หลังจากที่เราประเมินว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) น่าจะประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดซื้อคืนพันธบัตร (อาร์/พี) 14 วัน ไว้ที่ระดับ 2.25% เพื่อพยุงเศรษฐกิจให้มีอัตราการขยายตัวต่อเนื่อง ซึ่งจุดนี้จะทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรเพียงอย่างเดียวได้รับผลตอบแทนในระดับต่ำ เมื่อเทียบกับการลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนควบคู่กันไป

"เรามองว่าแนวโน้มดอกเบี้ยยังไม่น่าจะขยับจึงได้ตัดสินใจขออนุมัติผู้ถือหน่วยลงทุน ขยายขอบเขตการลงทุน เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนในระดับที่ทุกคนพอใจ" นายกำพลกล่าว

นายกำพล กล่าวว่า วันนี้หากนักลงทุนมีเงินออมและเป็นเงินออมที่สามารถลงทุนได้ในระยะยาว เชื่อว่าการลงทุนผ่านกองทุนตราสารหนี้ หรือพันธบัตรระยะยาวอายุเฉลี่ย ประมาณ 3 ปี ผลตอบแทนจากการลงทุน ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าสนใจมาก ซึ่งทำให้เริ่มเห็นบลจ.หลายแห่งเริ่มออกกองทุนตราสารหนี้ หรือพันธบัตรที่มีอายุมากขึ้น จากที่ก่อนหน้าเน้นลงทุนตราสารหนี้เอกชนอายุเฉลี่ย 6 เดือน หรือ 9 เดือน

สำหรับผลตอบแทนจากการลงทุนผ่านพันธบัตรหรือตราสารหนี้ที่มีอายุประมาณ 3 ปี หากเป็นตราสารหนี้เอกชนผลตอบแทนเฉลี่ยจะอยู่ที่ระดับประมาณ 4% หลังจากหักค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการ ขณะที่การลงทุนผ่านพันธบัตรรัฐบาลผลตอบแทนเฉลี่ยจะอยู่ที่ 2.8%

นายกำพล กล่าวว่า อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลอายุ 1 ปี ปัจจุบันอัตราผลตอบแทนจะอยู่ที่ 2.6% ขณะที่ตราสารหนี้เอกชนให้ผลตอบแทน 3.1% ส่วนที่พันธบัตรรัฐบาลอายุ 2 ปี จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 2.99% ตราสารหนี้เอกชนให้ผลตอบแทน 3.8% และการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลอายุเฉลี่ย 3 ปี ผลตอบแทนการลงทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 3.29% และการลงทุนผ่านตราสารหนี้ภาคเอกชนอายุ 3 ปี ให้ผลตอบแทนสูงถึง 4.35%

ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส กล่าวอีกว่า การที่ธปท.ตัดสินใจประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยอาร์/พีไว้ที่ระดับ 2.25% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 2.75% ส่วนต่าง 0.50% เนื่องจากธปท.ประเมินว่าจำเป็นต้องใช้เครื่องมือทางการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยการตัดสินใจตรึงดอกเบี้ยครั้งนี้จะทำให้แนวโน้มค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง ซึ่งจะทำให้การส่งออกของไทยไปยังต่างประเทศได้มากขึ้น และจะทำให้ปัญหาการขาดดุลการค้าและการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดลดลง   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us