บุญชัยชี้วิกฤตธุรกิจโทรศัพท์มือถือ หากไม่จัดการปัญหาแอ็คเซ็สชาร์จให้เป็น
ธรรมจะเกิดปรากฏการณ์ รายใหญ่ดึงส่วนแบ่งตลาด อัดโปรโมชัน กระหน่ำจนคู่แข่งอยู่ไม่ได้
เพราะรายได้แตกต่างกันลิบลับจากต้นทุนที่เหลื่อมล้ำ ย้ำผู้บริหารทศท.เข้าใจปัญหา
แต่หากรอจนผอ.สุธรรมเกษียณเดือนก.ย. ถึงตอนนั้นดีแทค อาจผูกคอตายแล้ว
ตัวเลขยอดจดทะเบียนเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา เป็นข้อพิสูจน์ได้ชัดเจนว่าทำไมบุญชัย
เบญจรงคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารดีแทค จึงออกอาการฉุนเฉียวหนักข้อ กรณีค่าเชื่อมวงจรหรือแอ็คเซ็สชาร์จ
ยังไม่คืบหน้าไปไหน ติดอยู่แต่บนโต๊ะเจรจา ยอดลูกค้าดีแทคเดือนเม.ย. มียอดพรีเพด
3.43 แสนเครื่อง ยอดโพสเพดติดลบ 5.6 หมื่นเครื่อง หักกลบลบหนี้ เป็นยอดเพิ่มขึ้น
2.87
แสนเครื่องซึ่งดีแทคถือเป็นประวัติศาสตร์บริษัท ที่ทำยอดขายได้มากขนาดนี้
แต่เมื่อเหลียวมองคู่แข่งอย่าง เอไอเอส เดือนเม.ย.เดียวกันนี้มียอดขายมากกว่า
5
แสนเครื่องซึ่งเป็นยอดที่ต่ำกว่าเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาด้วยซ้ำ ดีแทคกำลังเผชิญ
2 ปัญหาใหญ่คือ 1. แอ็คเซ็สชาร์จซึ่งทำให้ต้นทุนสูงกว่าคู่แข่งและ 2. การหาลูกค้าใหม่
ซึ่งเป็นปัญหาด้านการตลาด
แต่ปัญหานี้เกี่ยวข้องกับต้นทุนที่เกิดจากแอ็คเซ็สชาร์จ ทำให้ไม่สามารถอัดโปรโมชันแอร์ไทม์กระชากใจได้
"การแข่งขันต้องเท่าเทียมกัน ไม่ใช่รายหนึ่ง หาลูกค้าเข้าระบบได้เกือบ
6 แสน
คนอื่นขายแทบตายก็ได้แค่ครึ่งเดียว ทำให้เจ้านั้นสามารถโฆษณาได้ทุกช่อง
ทุกรายการ ทุกละคร โฆษณาได้หมด ได้เปรียบกันเป็นหลายหมื่นล้านต่อปี"
บุญชัย เบญจรงคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่นหรือดีแทคกล่าวอย่างมีอารมณ์ ดีแทคประท้วงเรื่องแอ็คเซ็ส
ชาร์จที่เรียกเก็บเลขหมายละ 200 บาทต่อเดือน ที่ไม่เป็นธรรม
ด้วยการไม่จ่ายเงินให้องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ทศท.) ทำให้ได้รับบทเรียนที่เจ็บปวด
เพราะบอร์ด ทศท.เล่นแรงด้วยการประกาศตัดการเชื่อมโยงในวันที่ 28 เม.ย. ทำให้ลูกค้าหายไป
80-90%
แต่ผลที่ได้รับคือทศท.ยอมตั้งโต๊ะเจรจา 3 ฝ่ายระหว่างบุญชัย สุธรรม มลิลา
ผู้อำนวยการทศท. และธีระพงศ์ สุทธินนท์ ผู้ว่ากาารการสื่อสารแห่งประเทศไทย
(กสท.) เจ้าของสัมปทาน
ซึ่งการเจรจายังดำเนินอยู่โดยยังไม่ได้ข้อสรุป ขณะที่ดีแทคก็ทำตัวป็นเด็กดีจ่ายค่าแอ็คเซ็สชาร์จ
ต่อไป และทศท.ก็ไม่ตัดการเชื่อมโยงเครือข่าย เวลาที่ทอดนานออกไปจาก 1 เป็น
2 เดือนและอาจเป็นปี
ทำให้บุญชัยเริ่มใกล้หมดความอดทน เพราะในแง่ธุรกิจ ยิ่งช้าคู่แข่งยิ่งเก็บ
กวาดส่วนแบ่งตลาดได้มากขึ้น เขากล่าวว่า อุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือในอีก 12
เดือนข้างหน้า จะเป็น
เรื่องของการดึงส่วนแบ่งตลาดให้ได้สูงที่สุด หลังจากนั้นคนที่มีส่วนแบ่งตลาดมากที่สุด
ก็จะดึงลูกค้าจากคนอื่น เพิ่มส่วนแบ่งตลาดของ ตัวเองมากจนทำให้คนอื่นอยู่ไม่ได้
"เป็นคณิตศาสตร์ง่ายๆ
หากมีส่วนแบ่งตลาดมาก ทำให้รายได้ต่อเดือนมากขึ้น เมื่อรายได้มากกว่าคนอื่นหลายเท่า
ก็สามารถทำโปรโมชันได้รุนแรงขนาดไหนก็ได้ ที่ทำให้คนอื่นไม่สามารถหาโปร-
โมชันมาสู้ได้เพราะรายได้น้อยกว่า ทำให้คนอื่นล้มหายตายจากไป" ก่อนที่ดีแทคจะเดินไปถึงจุดนั้น
ดีแทคได้เสนอให้ทศท.เดินไปทางไปประเทศมาเลเซีย เพื่อประชุม ร่วมกับเทเลคอมมาเลเซีย
ทศท.
และดีแทค เพื่อดูแนวทางการเก็บค่าแอ็คเซ็สชาร์จในประเทศมาเลเซีย เนื่องจากบุญชัยคิดว่าทศท.ไม่เชื่อข้อมูลด้านดีแทค
หลังจากที่ทั้งดีแทคและทศท.ต่างเก็บข้อมูลทราฟิก
สัญญาณที่ข้ามไปใช้เครือข่ายของแต่ละฝ่ายเป็นเวลา 2 สัปดาห์แล้ว "เราไปหาคนที่จะบอกว่าเขาก็ทำอย่างนี้ในโลก
เพราะว่าเราไม่น่าเชื่อถือในสายตาทศท."
บุญชัยยังมีความหวังว่าผู้บริหารระดับสูงอย่างสุธรรม มลิลา ผู้อำนวยการทศท.ที่รู้จักและคุ้นเคย
มานานเข้าใจถึงแนวทางแก้ปัญหาดังกล่าว แต่ระยะเวลาในการแก้ปัญหาไม่ควรนานจนเกินไป
"ถ้ารอท่านสุธรรม เกษียณ มันก็สายเกินไป ดีแทคอาจไม่เหลืออยู่แล้วก็ได้
ผมคิดว่าทศท.มีความจริงใจ ท่านสุธรรม มีความเข้าใจปัญหา"
แนวทางของดีแทคคือเลิกพูดถึงคณะกรรมการกำกับกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติหรือกทช.ที่เป็นองค์กรกลางในการกำกับดูแล
แต่ยังให้ถือว่าทศท.เป็นคนดูแลอยู่ ในเรื่องแอ็คเซ็ส ชาร์จ
ให้มีการจ่ายด้านเดียวคือดีแทคจ่ายทศท. ในอัตราตั้งแต่ 50 สต.ถึง 1 บาท
แล้วแต่ปริมาณ ทราฟิกหรือแล้วแต่การเจรจาตกลงกัน "เราไม่ถกเรื่องกทช.จะมีหรือไม่มี
เรายึดหลักการว่าทศท.ยังเป็นผู้ดูแลในตอนนี้ ไม่เถียงประเด็นอื่น ดีแทคขอจ่ายตามที่เราใช้จริง
โดยเป็นการจ่ายฝ่ายเดียว เมื่อมีกทช.ค่อยมาคิดว่าทศท.ควรจ่ายให้เราหรือไม่"
การเปลี่ยนอัตราการคิดแอ็คเซ็สชาร์จดังกล่าว ในความเห็นบุญชัยเป็นเพียงทำให้เกิดความเป็นธรรมระหว่างผู้ให้บริการด้วยกัน
ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์จากการแข่งขันที่ดีขึ้น
ในขณะที่บริษัทอยู่ได้ ไม่เช่นนั้นบริษัทที่ใหญ่กว่าและมีเงื่อนไขที่แตกต่างกันก็จะกลืนบริษัทอื่นหมด
บุญชัยคิดว่าแนวทางดังกล่าวคาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1 เดือน
ซึ่งภายหลังจากที่มีกทช.แนวทางนี้จะนำมาใช้คิดการเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างกันของผู้ให้บริการไม่ว่าจะเป็นทีเอหรือทีทีแอนด์ที
"เราปฏิบัติตามสากล เราพร้อมเสมอหากมีการจัดประชาพิจารณ์
เชิญดีแทค นักวิชาการ ทศท.และผู้ประกอบการรายอื่น ไม่ใช่มาด่ากันข้ามสื่อ
โกงชาติ ขโมยเค้ก จัดกันที่สนามหลวงก็ได้ พูดกันแฟร์ๆ เราไม่ยอมเลิกราเรื่องนี้
โดยที่มาตีขลุมว่าเราชั่วหรือเราไม่ดี"
เขาชี้ให้เห็นว่าหมดเวลาแล้วที่จะคิดค่าโทรศัพท์เป็นโซนหรือคิดนาทีละ 12
หรือ 18 บาท อย่างดีแทคที่คิดค่าบริการถูกกว่าคนอื่น 4 เท่า เป็นเรื่องที่เกิดจากการใช้งานจริงในชุมสายโทรศัพท์มือถือ
ไม่ได้เป็นการขายของขาดทุน เพราะเกิดขึ้นจากการที่ชุมสายโทรศัพท์มือถือกำหนดตัวเองไว้อย่างนั้นจริงๆ
การคิดเป็นโซนถือเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค โกงผู้บริโภค
เพราะสัญญาณโทรศัพท์มือถือจะวิ่งบนเครือข่ายโทรศัพท์มือถือแล้วไปเชื่อมต่อกับชุมสายโทรศพัท์ของทศท.เป็นโลคัลคอล
หรือการโทรในพื้นที่ การคิดอัตรานาทีละ 12 บาท 18
บาทจึงถือเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค "ผมจะไม่หยุดเรื่องแอ็คเซ็สชาร์จ
จนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม" บุญชัยกล่าวทิ้งท้าย
สหภาพฯทศท.ชวน ย้อนประวัติดีแทค
นายมิตร เจริญวัลย์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย
(สรท.) กล่าวว่า ดีแทครู้ตั้งแต่ตอนต้นที่ขอสัมปทานจากกสท.แล้วว่า กสท.ไม่มีเครือข่ายโทรศัพท์ใดๆ
ไม่มีวงจรเชื่อมโยง แต่ที่ต้องขอสัมปทานจากกสท.เพราะไม่สามารถขอจากทศท.ได้
รู้ว่าตัวเองเสียเปรียบทุกประตู แต่เป็นทางเดียวที่จะได้รับสัมปทานมาครอบครอง
"แต่ดีแทคได้ผลตอบแทนจากกสท.เป็นคลื่นจำนวนมหาศาล ถึง 75 เม็ก ในขณะที่เอไอเอสได้เพียง
7.5 เม็กเท่านั้นหรือแทคได้มากกว่าถึง 10 เท่า นอกจากนี้สัญญาแทคยังเป็นสัญญาที่มีอายุยาวถึง
27 ปี
มากกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ" ในประเด็นเรื่องความถี่ดังกล่าว สรท.ได้ทำหนังสือยื่นต่อปปช.เพื่อหาตัวผู้กระทำผิด
เนื่องจากภายหลังดีแทคได้เซ้งความถี่บางส่วนให้ผู้ประกอบการอีก 2 รายคือดีพีซีหรือจีเอสเอ็ม
1800 ที่ไปอยู่ในกลุ่มชินคอร์ป และทีเอ ออเร้นจ์ของทีเอ เพราะรัฐเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
เขากล่าวว่าในขณะนี้เข้าใจว่าคนในวงการโทรคมนาคมมีทั้งที่เห็นใจ ดีแทค และมีทั้งไม่เห็นใจ
เพราะในวันแถลงข่าวการยื่นฟ้องศาลปกครองของดีแทค มีอดีตปลัดกระทรวงคมนาคม
ศรีภูมิ ศุขเนตร ในฐานะประธานกรรมการยูคอมร่วมแถลงข่าวอยู่ด้วย
"ยิ่งทำให้เห็นภาพชัดเจนถึงความใกล้ชิดระหว่างกลุ่มยูคอมกับอดีตผู้บริหารกระทรวงคมนาคม
ทำให้คนที่รู้ว่าดีแทค หรือยูคอม
ขายคลื่นความถี่ที่ได้รับจากกระทรวงคมนาคมไปให้กับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่
1800 รายอื่นถึง 2 รายเป็นเงินกว่า 5,000 ล้านบาท อาจไม่เห็นใจดีแทคเรื่องแอ็คเซ็สชาร์จ
แต่สำหรับคนที่ไม่รู้ประวัติความเป็นมา อาจรู้สึกเห็นใจ อาจรู้สึกว่าไม่เป็นธรรมก็ได้"
อย่างไรก็ตาม ต้องศึกษาความเป็นไปได้ในทางกฎหมายด้วย หากจะดำเนินการอะไรไป
เชื่อว่าความพยายามปลดล็อกเรื่องแอ็คเซ็สชาร์จ มีการดำเนินการมานานแล้วเป็นขั้นตอน
ตั้งแต่ความพยายามของไกรสร พรสุธี ประธานบอร์ดกสท. และรองปลัดกระทรวงคมนาคม
ผู้พิสมัยรถแข่งฟอร์มูล่าวันโดยเฉพาะการแข่งที่ประเทศมาเลเซีย ที่ต้องการให้รวมทศท.กับกสท.เข้าด้วยกัน
เพราะหากรวม 2 หน่วยงานนี้ได้ ค่าแอ็คเซ็สชาร์จก็หายไปโดยปริยาย ซึ่งหมายถึงทีเอ
ออเร้นจ์
ก็ได้ด้วย และไกรสรเองก็เคยมีบทบาทเกี่ยวข้องในช่วงอนุมัติความถี่ให้แทคในตอนต้นด้วย
"ผมว่าถ้าจะให้ปลอดภัยทุกฝ่ายไม่ต้องพยายามล็อบบี้ให้รวมทศท.กับกสท.ให้เหนื่อยเปล่า
เปลี่ยนสัญญาสัมปทานไปอยู่ภายใต้ทศท.ทุกอย่างจะเป็นธรรม เท่ากันหมด"
