“มาม่า” เปิดยุทธศาสตร์ใหม่จับกระแสสุขภาพบูม ขนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชุดซีรี่ส์แนวสุขภาพเจาะกลุ่มคนรักสุขภาพ ล้างภาพลักษณ์สินค้าไม่มีประโยชน์ คลอดรสชาติซีรี่ส์สอง “หมูพริกไทยดำ เส้นแป้งโฮลวีต” หลังประเดิมเส้นชาเขียวไปแล้ว ทุ่มงบ 20 ล้านบาท กระพือตลาด ปีแรกหวังกวาดแชร์ 4% พร้อมเตรียมคลอดชุดซีรี่ส์สามภายในปีนี้ สิ้นปีคาดแชร์เพิ่มเป็น 58%

แหล่งข่าวจาก บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ผู้จัดจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรามาม่า เปิดเผยกับ ”ผู้จัดการรายวัน” ว่า จากกระแสสุขภาพที่มาแรงในกลุ่มผู้บริโภคคนไทย บริษัทฯ จึงได้วางแผนทำตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ด้วยการออกรสชาติหรือเส้นใหม่ๆในแนวสุขภาพลงสู่ตลาด เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายคนรักสุขภาพเป็นหลัก

ล่าสุดได้เปิดตัวบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่ารสชาติใหม่และเส้นใหม่ “หมูพริกไทยดำ เส้นแป้งโฮลวีต” ราคา 5 บาท ขนาด 55 กรัม ลงสู่ตลาดเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมานี้ โดยเป็นซีรี่ส์ที่สองต่อจากมาม่ารสต้มยำเส้นชาเขียว ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปีที่ผ่านมานี้ ที่ถือเป็นซีรี่ส์แรก

นอกจากนี้ ภายในปีนี้ยังได้เตรียมออกรสชาติซีรี่ส์ที่สามในแนวสุขภาพเช่นกันลงสู่ตลาด แต่ยังอยู่ในระหว่างขั้นตอนของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อลดต้นทุนและให้ได้ในราคาที่เหมาะสม เพื่อทำให้มั่นใจว่าหลังจากเปิดตัวสินค้าลงสู่ตลาดแล้วจะไม่มีการขึ้นราคา เพราะต้นทุนการผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผลพวงจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้วัตถุดิบในการผลิตเพิ่มมากขึ้น

“เวลานี้กระแสสุขภาพมาแรงมาก เราจึงต้องมองตลาดตรงนี้มากขึ้น ซึ่งกำลังจะเป็นตลาดขนาดใหญ่ในอนาคต มีสินค้ามากมายที่ออกมาจับกระแสสุขภาพ การออกซีรี่ส์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในแนวสุขภาพ อย่างน้อยก็เป็นทางเลือกและเป็นความแปลกใหม่ให้กับกลุ่มผู้บริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อีกทั้งยังสร้างความแตกต่างระหว่างคู่แข่งด้วย”

แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาทัศนคติของกลุ่มผู้บริโภคที่มีต่อ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไม่ค่อยจะดี ไม่ว่าจะเป็นมีผงชูรส และไม่ค่อยมีสารอาหาร แต่ผู้ประกอบการพยายามปรับตัวเองตลอดเพื่อแก้ภาพลักษณ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาโดยตลอด ด้วยการลดผงชูรสลง หรือพยายามใส่เนื้อใส่ผักเข้าไป และการออกซีรี่ส์ของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในแนวเพื่อสุขภาพในครั้งนี้ คาดหวังว่าจะทำให้ภาพลักษณ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปโดยเฉพาะของมาม่าดีขึ้น

สำหรับการเปิดตัวรสชาติใหม่หมูพริกไทยดำ เส้นแป้งโฮลวีต บริษัทใช้งบการตลาด 15-20 ล้านบาท ในช่วง 3 เดือนแรก นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนี้เป็นต้นไป และในเร็วๆ นี้จะเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อโทรทัศน์ เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง โดยคาดว่ามาม่ารสชาติใหม่ “หมูพริกไทยดำ เส้นแป้งโฮลวีต” จะมีส่วนแบ่งตลาด 3-4% ในปีแรกนี้ ซึ่งจะผลักดันให้มาม่ามีส่วนแบ่งโดยรวมจาก 54% เพิ่มเป็น 58% ในสิ้นปีนี้ ขณะที่ออกการซีรี่ส์แรก รสชาติต้มยำเส้นชาเขียว หลังจากเปิดตัวลงสู่ตลาดในปีแรกมีส่วนแบ่ง 3%

แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า จากการสำรวจพบว่า พฤติกรรมการทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของคนไทยเปลี่ยนแปลงไปมาก จากเดิมที่เคยกินแบบชง เปลี่ยนมาทานแบบปรุงเพิ่มเติม 70-80% เช่น ใส่เนื้อสัตว์ ใส่ผักลงไปเพื่อให้ได้สารอาหารที่ครบถ้วน และเหลือการทานแบบต้มอย่างเดียวเพียง 50-60%

ล่าสุดได้เปิดตัวบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป "ซูเปอร์โบว์ล" มีเนื้อสัตว์ราคา 25 บาท 2 รสชาติ ได้แก่ หมูสับ และหมูต้มยำลงสู่ตลาดแล้ว แต่จำหน่ายเฉพาะบางแห่งเท่านั้น เนื่องจากต้องการทดลองตลาดก่อน เพราะด้วยการตั้งราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถึง 25 บาท ซึ่งมีราคาที่ใกล้เคียงกับอาหารปกติ ทำให้คนอาจจะมองว่าแพงเกินไป ดังนั้นกำลังการผลิตในช่วงแรกจึงมีแค่ 2,000 หีบต่อเดือน

สำหรับแนวโน้มตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมูลค่ากว่า 9,000 ล้านบาท ปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 6 -7% แบ่งเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชนิดซองปกติและขนาดซองใหญ่สัดส่วน 95-96% มีอัตราการเติบโต 5-6% ส่วนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชนิดถ้วยสัดส่วนตลาด 3-4% มีอัตราการเติบโต 30-40% ต่อปี และคาดว่าบะหมี่ฯชนิดถ้วยในอีก 1-2 ปีข้างหน้านี้ จะกลายเป็นตลาดที่ใหญ่มากขึ้น ส่วนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชนิดชาม ขณะนี้มีมูลค่าเกือบ 1,000 ล้านบาท และยังเป็นตลาดที่ใหม่อยู่สำหรับคนไทย